กระแสการตื่นตัวเรื่องการใช้
"สารสกัดกัญชาทางการแพทย์" แพร่หลายไปทั่วโลกต่อเนื่องมาหลายปี หลายประเทศได้มีการพัฒนาและยกร่างกฎหมายเกี่ยวกับการนำสารสกัดกัญชาไปใช้ทางทางการแพทย์
ส่งผลให้ตลาดกัญชาที่ถูกกฎหมายขยายตัวขึ้นอย่างมาก
ข้อมูลจาก Prohibition Partner ออกรายงานด้านกัญชาโลก หรือ The Global Cannabis Report ระบุว่า แนวโน้มมูลค่าตลาดกัญชาทั่วโลกจะสูงถึง 103,900 ล้านเหรียญสหรัฐ ในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือในปี 2567
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
โดยตลาดกัญชาเบอร์ 1 ของโลกคือ
สหภาพยุโรปคาดว่าจะมีมูลค่า 39,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งในตลาดนี้
"เยอรมนี" ถือเป็นประเทศหลัก ที่ได้มีการพัฒนากฎหมายรับรองการใช้กัญชาทางการแพทย์มานานกว่า
3 ปี นับจาก 10 มีนาคม 2560
ทำให้เห็นมีการใช้กัญชาทางการแพทย์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งจากข้อมูลสถาบันยาและเวชภัณฑ์แห่งชาติ ชี้ว่าได้มีการนำเข้ากัญชาทางการแพทย์
หลังผ่านกฎหมายในปี 2561 เพิ่มขึ้น 161% เพิ่มขึ้นจากปี 2560 และในปี 2562
ยังคงมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 115% ปริมาณ 6.7 ตัน
จากแคนาดาคิดเป็นร้อยละ 54% หรือคิดเป็นปริมาณ 3.5 ตัน และจากเนเธอร์แลนด์ 40%
ปริมาณ 2.5 ตัน
อย่างไรก็ตามผลจากปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิตกัญชาไม่น้อย
เพราะถึงแม้ว่าเยอรมันจะได้มีการบริหารจัดการการผลิต
โดยการจัดสรรสิทธิการปลูกกัญชาทางการแพทย์ให้กับบริษัท 3 ราย คือ Aphria,
Auror และ Demecan ปริมาณ 10.4 ตัน
แต่ก็คาดว่าจะเก็บเกี่ยวในไตรมาส 4 ปี 2563
ขณะที่ตลาดลำดับ 2 อย่าง
"สหรัฐและแคนาดา" ซึ่งทั้งสองประเทศรวมกันคาดว่าจะมีมูลค่า 37,900
ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะแคนาดาถือว่ามีความโดดเด่นมาก
เพราะได้มีการยกร่างกฎหมายอนุญาตให้มีการปลูกและใช้กัญชาสำหรับความบันเทิงและสันทนาการ
และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองสามารถใช้กัญชาเป็นส่วนผสมในอาหารได้
เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2562 และเริ่มวางตลาดในเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา
กัญชาทางการแพทย์และโอกาสของไทย
สำหรับตลาดกัญชาในประเทศไทยนั้นได้เริ่มมีความชัดเจนในเรื่องนี้มากขึ้น
หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายในการใช้ประโยชน์จากพืชเสพติดตั้งแต่ปี 2557 และผลักดัน
"กัญชง" ให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ก่อน "กัญชา"
โดยปรับประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่
5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และประกาศคณะกรรมการควบบคุมยาเสพติดให้โทษ เรื่องกำหนดลักษณะกัญชง
(HEMP)
พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้
ซึ่งการดำเนินการยังคงมีความต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ที่ให้มีการผ่อนปรนในการใช้ประโยชน์กัญชาทางการแพทย์แล้ว
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการปรับพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดและตามนโยบาย
ล่าสุดกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกได้จัดตั้ง
“สำนักงานจัดการกัญชาและพืชกระท่อมทางการแพทย์แผนไทย”
เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากกัญชาและพืชกระท่อมทางการแพทย์แผนไทย
โดยมีการจัดทำเครื่องกัญชาและน้ำมันกัญชาสนับสนุนให้โรงพยาบาล 272 แห่งใช้ในการรักษา
จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม 2563 ปรากฏว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาและรับยาสูตรแพทย์แผนไทยที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชาแล้ว
16,356 คน ควบคู่กับได้มีการศึกษาการใช้ยา 90 ตำรับ
ที่มีส่วนผสมของกัญชาซึ่งขณะนี้มีประกาศไปแล้ว 16 ตำรับ
และอยู่ระหว่างเตรียมเสนอเพื่อประกาศเพิ่มอีก 13 ตำรับ
นอกจากนี้ยังให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐ
ในส่วนของพืชกระท่อม กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ได้เตรียมเสนอตำรับยาที่มีพืชกระท่อมเป็นส่วนประกอบซึ่งมีความปลอดภัย 7 ตำรับยา และเตรียมเสนอเพิ่มในอนาคตอีก 8 ตำรับยา เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้เช่นกัน ดังนั้นแนวโน้มตลาดกัญชาทางการแพทย์ก็ยังพอจะมีลู่ทางพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจทำเงินได้ในอนาคต