Startup ยุค 90 ‘Dek-D’ สร้างแบรนด์ ครองใจวัยรุ่นไทยกว่า 22 ปี
Startup New Media เมืองไทย
ยุค 90
เมื่อ 20 ปีกว่าที่แล้ว โลกออนไลน์ในบ้านเราไม่ได้พัฒนาก้าวไกลเช่นทุกวันนี้
แหล่งเรียนรู้ยังจำกัด กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ 4 นักเรียน ม.ปลาย
รังสรรค์ฝันให้เป็นจริงก่อตั้ง Dek-D.com
เว็บไซต์ด้านการศึกษาโลกใบใหม่สำหรับวัยรุ่น ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ
ของเมืองไทยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
วาดฝัน..แล้วบรรจงสร้าง
คุณวโรรส โรจนะ CEO
บริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด
กล่าวว่า ‘เด็กดี’
มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 22 ปีที่แล้ว (ปี 2542) บริษัทเริ่มจากการสร้าง Dek-D.com ซึ่งในยุค 90 เว็บไซต์ถือเป็น New Media เพราะขณะนั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในไทยยังไม่มาก
มีอัตราค่าบริการสูง แต่ด้วยความที่ตนและเพื่อนอีก 3 คน ที่ร่วมกันก่อตั้ง ‘เด็กดี’ กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
จึงมีอินเทอร์เน็ตแอกเคาต์ใช้ท่องโลกออนไลน์ ทำให้พวกเราพบว่าเมืองไทยมีเว็บไซต์ค่อนข้างน้อย
และยังไม่ตอบโจทย์วัยรุ่นเท่าที่ควร
“ตนเองจึงนำ Pain
Point ดังกล่าว มาเป็นไอเดียชวนเพื่อนทดลองทำเว็บไซต์สำหรับวัยรุ่นร่วมกัน
โดยเริ่มจากเขียนสร้างที่น่าจะมีในเว็บไซต์แล้วนำไปสอบถามเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
พอทราบจำนวนคนที่สนใจพวกเราทั้ง 4 คน จึงแบ่งหน้าที่กัน ได้แก่ เรื่องโปรแกรมมิ่ง
ดีไซน์ คอนเทนต์ และการตลาด แล้วแยกกันไปศึกษาหาความรู้ - ข้อมูลต่างๆ”
สมัยนั้น คุณวโรรส และเพื่อน 3 คน
ยังไม่มีความรู้ด้านการเขียนเว็บไซต์ จึงใช้วิธีเข้าห้องสมุด อ่านหนังสือหาความรู้
เพื่อเตรียมตัวสำหรับช่วงปิดเทอมแล้วเขียนเว็บไซต์ด้วยกัน ก่อนที่ Dek-D.com จะให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคม 2542
จากเว็บไซต์เพื่อ ‘วัยรุ่น’ พัฒนาเป็นธุรกิจได้อย่างไร?
คุณวโรรส เผยว่า
เบื้องต้นมีการวางแผนไว้แล้วว่าคนที่จะคลิกเข้าชมเว็บไซต์คือใคร รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่น่าจะเป็นผู้สนับสนุน
‘เด็กดี’ แต่แน่นอนว่าเป็นการคิดของเด็ก
ม.5 ถึงเวลาจริงแล้วก็ใช้ได้ไม่มาก ก่อนจะมีการปรับกลยุทธ์ต่างๆ เรื่อยมา
เว็บไซต์มีลูกค้าซื้อโฆษณารายแรกหลังเปิดเว็บไซต์ประมาณ
1 ปี โดยเป็นสถาบันกวดวิชา ลงแบนเนอร์ในราคา 600 บาทต่อเดือน
ช่วงนั้นเป็นยุคแรกของธุรกิจ New
Media คือการทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนเข้าเว็บไซต์มากที่สุด แล้วบริษัทก็จะทำงานร่วมกับลูกค้าหรือแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงผู้ชม
ด้วยการใช้โฆษณาผ่าน ‘เด็กดี’ ในการสื่อสารการตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมาย
‘นิยาย’
สิ่งที่ทำให้ ‘เด็กดี’
เข้าไปอยู่ในใจผู้คนโลกออนไลน์
คุณวโรรส เล่าว่า
ตนเองและเพื่อนมีต้องการให้เว็บไซต์ ‘เด็กดี’ มีความหลากหลายไม่เจาะจงการเรียนเพียงอย่างเดียว
จึงเกิดไอเดียว่าควรมีทั้งเรื่องสาระการเรียน เว็บบอร์ด กระดานแชท การเชื่อมต่อสารบัญโรงเรียนต่างๆ
รวมถึงการรับลงบทความต่างๆ บนเว็บไซต์ โดยผู้เขียนจะส่งต้นฉบับมาที่อีเมลของบริษัท
ทำให้เว็บไซต์มีคอนเทนต์ในหลากหลายมากขึ้น กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนเริ่มรู้จักเป็นวงกว้าง
หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี
มีคอนเทนต์ชิ้นแรกที่ปฏิวัติวงการก็คือ ‘นิยาย’
โดยเพื่อนที่โรงเรียนเป็นคนเขียน แล้วบริษัทนำมาลงสัปดาห์ละ 1 ตอน จนจบ 60 ตอน เมื่อมีคนอ่านมากขึ้น
ทำให้มีคนสนใจส่งเรื่องที่เขียนมากขึ้นเช่นเดียวกัน ส่งผลให้นิยายใน Dek-D.com ได้รับความนิยม จนมีการนำไปตีพิมพ์เป็นหนังสือ สร้างโอกาสให้วัยรุ่นยุคนั้นเห็นว่าเด็กก็สามารถเขียนนิยายได้
Business Model และการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย
ในเรื่องนี้ CEO
เด็กดี กล่าวว่า บริษัทผ่านมาแล้ว
4 ช่วงด้วยกัน โดยยุคแรกคือตั้งแต่เริ่มต้น - พวกเรา 4 คนเรียนจบมหาวิทยาลัย บริษัทไม่มีพนักงานประมาณ
6 ปี แต่มีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเพื่อให้สะดวกในการประกอบธุรกิจ ซึ่งตอนนั้นยังเป็นแพลตฟอร์มอย่างเดียว
แหล่งอ่านนิยาย บทความ เว็บบอร์ด แชท ระบบส่ง SMS หลักจากเว็บได้รับความนิยม
ลูกค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่นก็จะเข้ามาเช่าพื้นที่โฆษณามากขึ้น
ยุคที่ 2 มีสำนักงานและพนักงาน พร้อมกับการต่อยอดแพลตฟอร์มวัยรุ่นให้กลายเป็นแบรนดิ้ง
‘เด็กดี’ มีการเข้ามาทำคอนเทนต์เพื่อให้ธุรกิจเติบโต
เช่น เน็ตไอดอล รวมถึงการเพิ่มรูปแบบการบริการลูกค้าที่หลากหลายขึ้น เช่น
การทำแคมเปญ การตลาดต่างๆ โดย Business Model ยังเหมือนกับช่วงแรก
แต่เพิ่มเติมคือการทำธุรกิจการตลาด
ยุคที่ 3
เป็นยุคที่ธุรกิจจะเข้าสู่การให้บริการมากยิ่งขึ้น เช่น บริการด้านการศึกษา
มีข้อมูลความรู้ ข่าวสาร - การตอบปัญหาต่างๆ และการแนะแนว นอกจากนี้ก็มีส่วนพรีเมียม
อาทิ การติวออนไลน์ การเข้าค่ายแนะแนว - ติวหนังสือ อีเวนต์การศึกษา งานทอล์คโชว์
รวมถึงการจัดสอบมากกว่า 70 สนามสอบทั่วประเทศ และแพลตฟอร์มด้านนิยาย
ปัจจุบันบริษัทอยู่ในยุคที่ 4
โดยเริ่มเปลี่ยนแนวธุรกิจเมื่อปี 2560 โดย ‘เด็กดี’
มีรายได้หลักมาจากมีเดียและเซอร์วิส แต่ในอนาคตคาดว่ามีเดียจะมีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ
สิ่งที่บริษัทมองก็คือ โลกออนไลน์มีตัวเลือกหลากหลายมากขึ้น
ดังนั้น Dek-D
จึงเริ่มปรับธุรกิจโฟกัสที่เซอร์วิสทั้งออนไลน์และออฟไลน์มากขึ้น โดยขยายธุรกิจให้เติบโต
2 ส่วนคือ
1. เกี่ยวกับการศึกษา เช่น อีเวนต์การศึกษา
ทอล์คโชว์ ติวออนไลน์ จัดการสอบต่างๆ
2. แพลตฟอร์มนิยาย นอกจากจะโฟกัสที่การอ่านของนักอ่าน
และการซื้อ - ขายนิยายบนแพลตฟอร์มแล้ว ยังมีแบนเนอร์ให้แบรนด์และลูกค้าได้เช่าพื้นที่โฆษณาด้วย
ทิศทาง
‘เด็กดี’ ในอนาคต
คุณวโรรส เผยว่า
ปัจจุบัน ‘เด็กดี’ มีธุรกิจ 3 ส่วนคือ 1. มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง 2. บริการการศึกษา 3.
แพลตฟอร์มนิยาย ซึ่งในอนาคตทั้ง 3 ส่วนนี้จะยังไปต่อได้ แต่บริษัทต้องมีการประเมินแบบปีต่อปีว่าควรปรับรูปแบบธุรกิจไปในทิศทางใด
เพื่อตอบโจทย์ผู้คนและยุคสมัย รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยีต่างๆ
นอกจากนี้บริษัทวางแผนขยายธุรกิจเจาะตลาด CLMV ในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากเป็นประเทศเพื่อนบ้าน มีวัฒนธรรมคล้ายกัน และปัจจุบันเว็บไซต์ ‘เด็กดี’ มีนักอ่าน - นักเขียนประเทศอาเซียนเข้ามาใช้บริการอยู่แล้ว ซึ่งการรุกตลาดประเทศ CLMV จะช่วยยกระดับไปสู่สากลมากขึ้นด้วย
เรียนรู้ Pain Point สร้างโอกาสทางธุรกิจ ให้กับคุณวโรรส โรจนะ และเพื่อน 3 คน นำมาสู่การก่อตั้งบริษัท
เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด ปั้น Dek-D.com เว็บไซต์ด้านการศึกษาให้เป็นที่รู้จัก
โดยมีการพัฒนา - ปรับตัวอย่างต่อเนื่องก่อนส่งผลให้ธุรกิจเติบโตและอยู่รอด จนสามารถครองใจวัยรุ่นบ้านเรามานานกว่า
22 ปี ซึ่งมีเป้าหมายเป็นเว็บไซต์ไทยโกอินเตอร์ในอนาคต
รู้จัก ‘บริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด’
เพิ่มเติมได้ที่
https://web.facebook.com/DekDfc