เปิดทีเด็ดขายดีของ ‘พิมรี่พายขายทุกอย่าง’

เจ้าของเพจ “พิมรี่พายขายทุกอย่าง” อดีตแม่ค้าตลาดธรรมดาที่ชีวิตพลิกผันมาเป็นแม่ค้าออนไลน์คนดัง จากการขายสินค้าตั้งแต่น้ำพริก ขนม เครื่องสำอง น้ำหอม เครื่องรางของขลัง ทัวร์ ฯลฯ ด้วยลีลาสุดแซบไม่เหมือนใคร ปัจจุบันมีผู้ติดตามเพจแล้วกว่า 7.5 แสนคน จากการขายออนไลน์จริงจังภายในเวลา 3 ปี เปิดไลฟ์ขายแต่ละครั้งมียอดผู้ชมมากกว่า 2 หมื่นคน จนสามารถสร้างอาณาจักรพิมรี่พายขึ้นมาจากการขายของออนไลน์เป็นหลัก จนต้องขยายทีมงานผู้ช่วยขายเป็นกว่า 80 ชีวิต เพื่อมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจที่ดำเนินอยู่ในรูปแบบบริษัทไปแล้วเรียบร้อย

คุณพิมได้แนะนำเคล็ดลับทำธุรกิจขายของออนไลน์จนประสบความสำเร็จร่ำรวยเกินกว่าที่ฝันไว้ ให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ได้นำไปใช้เป็นแบบอย่างและแนวทางในการทำงาน จากประสบการณ์ตรงส่วนตัวแบบไม่มีกั๊ก ตามแบบฉบับของพิมรี่พาย ดังนี้

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

เคล็ดลับขายออนไลน์ให้ปังทำเงินล้าน ตามแบบฉบับพิมรี่พาย

1. ใจต้องสู้  ไม่มีใครเริ่มต้นทำอะไรแล้วจะประสบความสำเร็จเพียงข้ามคืน คุณพิมรี่พาย กล่าวว่า ในวันที่เริ่มขายออนไลน์ครั้งแรกนั้นมาจาก “เป็นวันที่ฝนตกแล้วลูกน้องมาขอเบิกเงิน แต่ตัวเองไม่มีให้ เพราะเปิดร้านขายของไม่ได้” ก็พอดีไปเห็นว่ามีคนเปิดไลฟ์กันในเฟซบุ๊ก จึงผุดไอเดียความคิดที่จะไลฟ์ขายของขึ้นมาบ้าง คิดได้ก็ไลฟ์ขายทันที วันแรกมีคนชมเพียง 32 คน เป็นเพื่อนไปแล้ว 20 คน มีคนอื่นที่เป็นลูกค้าเข้าชมไม่ถึง 10 คน ก็ไม่ได้ท้อยังคงไลฟ์ขายต่อไปเรื่อย ซึ่งคุณพิมทำเงินกับการไลฟ์ครั้งแรกได้ 3,000 บาท แต่เป็น 3,000 บาทที่ช่วยสร้างแรงจูงใจให้มาจนถึงวันนี้ เพราะมีใจสู้ทุกครั้งที่ไลฟ์ขายเสร็จ ก็จะลิสต์ออร์เดอร์ แพ็คของ ส่งของ วิ่งหาของมาขายทุกวันไม่หยุด จากรายได้ที่คาดว่าจะได้รับที่ตั้งเป้าไว้และค่าเลี้ยงดูลูกเป็นแรงจูงใจ จึงสู้ไม่ถอยกับอาชีพแม่ค้าที่ทำมาตั้งแต่เด็ก

2.แชร์การไลฟ์ลงกลุ่มที่เหมาะสม  เรื่องนี้คุณพิมไม่ได้ทำเองตั้งแต่เริ่มต้นแต่มีลูกค้าผู้หวังดีช่วยแชร์ให้ ทำให้มียอดการเข้าชมสูงขึ้นจากหลัก 10 เป็นหลัก 100 – 300 คน ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นก็ไม่รู้จักว่าการแชร์ลงกลุ่มคืออะไร ต่อมาได้ทำการศึกษาหาข้อมูลและทำเองเรื่อยมา จนปัจจุบันมียอดผู้เข้าชมการไลฟ์สดแต่ละครั้งประมาณ 20,000 กว่าคน ซึ่งการแชร์ลงกลุ่มที่เหมาะสมเป็นการนำเสนอขายที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นการเลือกกลุ่มลงแชร์หรือไลฟ์ ควรเลือกกลุ่มลูกค้าให้เหมาะสม มิเช่นนั้นจะเหมือนการไปรอเครื่องบินที่ท่าน้ำนั่นล่ะ

3. มีเวลาออกอากาศที่ชัดเจน  แรกๆ ที่คุณพิมไลฟ์ขายก็ไม่ได้ทำลิสต์อะไรพวกนี้ไว้ เพราะไม่รู้มาก่อน แต่พอไลฟ์ไปเรื่อยๆ ลูกค้าจะกลายเป็นครูสอนให้เอง เช่น มีลูกค้าทักว่า “พี่มาสายจังเลยค่ะ หนูไม่สะดวกดูเดี๋ยวหนูมาดูย้อนหลังนะคะ” จึงมารู้ตัวแล้วว่าเวลาไม่ได้ในตอนนี้ ซึ่งการไลฟ์นี่ต้องทำสม่ำเสมอ หรือแม้แต่ว่าถ้าเราจัดแสง ไฟ กล้องไม่ดี เขาก็จะทักมาว่า “พี่พิมคะทำไมวันนี้มืดจังคะ” อันนี้เป็นการไล่ดูคอมเม้นท์ย้อนหลัง พอย้อนหลังไปดูจึงได้รู้ และปรับปรุงหาไฟมาติดให้เรียบร้อย

4. มีคาแรคเตอร์โดดเด่น  การขายออนไลน์ ต้องมีคาแรคเตอร์ชัด เพราะคนที่เข้ามาเล่นโซเชียลทุกคนก็จะเป็นคนปกติทั่วไปเหมือนกันหมด มีรูปแบบเหมือนกัน จึงต้องหาอะไรที่ทำให้โดดเด่นขึ้นมา โดยจะต้องเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งคุณพิมให้คำแนะนำว่า โดยส่วนตัวจะพูดจริงและตรง ส่วนคำพูดแรงนี่หลุดออกมาตอนด่าอินเทอร์เน็ตที่สัญญาณหายไปหลายครั้งระหว่างที่กำลังจะรับออร์เดอร์ลูกค้า ซึ่งตอนนั้นกลายเป็นว่าลูกค้าชอบที่เราด่า หรือพูดจาดูหยาบๆ แรงๆ เพราะจริงๆ ลูกค้าพิมจะรู้ว่าเป็นการด่าเอาอรรถรส ไม่ได้ด่าแบบจะเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น จึงจับเป็นคาแรคเตอร์เรื่อยมา

5. เข้าถึงคาแรคเตอร์ที่เป็นตัวเอง  การเป็นเหมือนคนอื่นจะเป็นได้ไม่นาน แต่การเป็นตัวเองจะเป็นได้นานและเป็นธรรมชาติที่สุด อย่างพิมจะมีคาแรคเตอร์ที่เห็นเด่นๆ คือ หน้าสวยแบบปลอมๆ ใช้คำหยาบ ตรง-แรง-เรียล ซึ่งเป็นคาแรคเตอร์ที่คนชอบ คือ ด่าเอาอรรถรส และจะมีการใช้เสียงกระดิ่งเรียกความสนใจ พูดซ้ำๆ  ย้ำๆ “คุณลูกค้าขาๆ” เพื่อไม่ให้เกิดความเงียบ เอามาเป็นตัวคั่น เวลานึกไม่ออกว่าจะพูดอะไร และยังใช้เสียงกระดิ่งเป็นการเร่งปิดการขายด้วย ในส่วนนี้ทุกคนจะมีเป็นของตัวเองอยู่แล้ว บางคนใช้ความสวย เรียบร้อย ความหวาน ซึ่งวิธีการจับคาแรคเตอร์ของตัวเอง คือเป็นตัวของตัวเองที่สุด จะดีสุดอย่าเป็นคนอื่น พอไลฟ์ไปสักพักเดี๋ยวจะเจอคาแรคเตอร์เอง

6. ต้องหนักแน่น จริงจัง จริงใจ  ในการขายของของพิมถ้าปลอมจะบอกเลยว่าปลอม ถ้าจริงจะบอกเลยว่าจริง ใช้ดีบอกดี ไม่ดีบอกไม่ดีไม่มีมาโกหก พิมจะใส่ความจริงใจลงไป และพูดจาหนักแน่นมีการจ้องตาลูกค้า เพราะเราต้องการให้ลูกค้าเชื่อเรา และควักเงินจ่าย เมื่อมีลูกค้ามาซื้อเรา เราจะบอกคุณสมบัติของสินค้าที่ขายไปเลยชัดเจนว่า อันนี้ซื้อไปใช้ดีนะคะพี่ รับรองกรีดตาแล้วไม่เจ็บ ไม่เลอะ ใช้ดีจริงๆ แต่ราคาจะสูงกว่าของคนอื่นหน่อย ซึ่งครั้งแรกเขาก็จะซื้อจากเราอย่างเกรงใจ พอครั้งต่อไปเขาจะกลับมาเชื่อใจให้เราแนะนำให้เลย

7. สินค้าต้องสอดคล้องกับตัวเอง  การเลือกสินค้ามาขายก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ว่า จะเลือกขายอะไร ให้ใคร ใครจะโอนเงินให้เรา “ตอนพิมทำเสื้อผ้าตอนนั้นรูปร่างไม่ดี ก็พรีเซ้นต์เสื้อผ้าไม่ได้ ตอบโจทย์ไม่ได้ พอเปลี่ยนมาขายรองเท้าไซส์เหลือก็ตอบโจทย์ลูกค้าไม่ได้อีก จึงเปลี่ยนมาเป็นเครื่องสำอางกลายเป็นตอบโจทย์ได้และเป็นตัวเองที่สุด เพราะตัวเองก็ชอบเรื่องความสวยความงาม ชอบแต่งหน้าพวกนี้อยู่แล้ว จากอดีตที่เคยมีปมว่าตัวเองไม่สวย จึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสวยขึ้น ซึ่งตอนเริ่มขายเครื่องสำอางก็จะเริ่มจากขายขนตาปลอมตามตลาดนัด ถัดจากนั้นก็เป็นลิปสติกเครื่องสำอาง เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

8. หาสินค้าจากแหล่งที่ถูกที่สุด มาขายให้ได้กำไรสูงสุด  อันนี้ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะหาสินค้าจากแหล่งที่ถูกที่สุดมาขายเพื่อเอาส่วนต่างกำไรสูงสุด เพราะมันเป็นการทำตลาดทั่วไป หลักการขาย คือหาแหล่งที่ถูกสุดมาขายทำกำไรให้ได้มากที่สุด และเข้าถึงรายละเอียดของสินค้า เมื่อเข้าถึงสินค้าก็จะทำตลาดได้ นำไปขายคนก็ซื้อ ติดต่อผู้ผลิตเขาก็เกรงใจ ในการเลือกสินค้าจึงต้องเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดแล้วมาให้โดยไม่ต้องลังเล เพราะเมื่อของดี ก็จะได้ใจลูกค้าไปเอง

9. โปรโมชั่นและราคาต้องทำให้ลูกค้าใจสั่น  บางครั้งก็ต้องทำโปรโมชั่นกระตุ้นให้ลูกค้าใจสั่น ได้ยินราคาแล้วอยากควักเงินจ่ายให้เดี๋ยวนั้น แม้จะรู้ว่ามันได้กำไรน้อยหรือขาดทุนก็ต้องยอม เพราะถ้าราคาโดนใจจะกระตุ้นให้ลูกค้าโอนเงินไว สั่งซื้อทันทีไม่ต้องมานั่งคิดดูก่อน เพราะแค่ผ่านไป 1 ชั่วโมง ลูกค้าจะเริ่มไม่อยากโอนเงิน อาจเปลี่ยนใจ ไม่ซื้อแล้ว ดังนั้นการทำโปรโมชั่นหรือการตั้งราคา ต้องเป็นราคาที่โดนใจกระตุ้นให้จ่ายเดี๋ยวนี้แล้วจบปิดการขายได้เลย

10. หาทีมงานให้ได้  ในการไลฟ์สดขายของของพิมแต่ละครั้งหลังบ้านจะวุ่นวายมาก ถ้าไม่มีทีมงานดีก็จะดำเนินการขายไม่ได้ อย่างน้อยขณะที่พิมไลฟ์ขายของนี้จะต้องมีตากล้องแล้ว 1 คน คนจัดไฟ ฉาก ดูแลความเรียบร้อยด้านสัญญาณเน็ต 1 คน คนเตรียมสินค้าให้ขาย 1 คน คอยแก้ปัญหา 1 คน ตอบแชทเป็นแอดมินหลังบ้านอีก 40 คน เพราะพิมเคยอดหลับอดนอนตอบแชทคนเดียว ขายคนเดียวมาแล้ว ปรากฏว่าพิมคนเดียวจะทำเงินแบบเต็มที่เลย คือ 5,000 บาท เท่ากับว่าพิมหาเงินได้ 5,000 บาท/วัน เพราะตอบแชทไม่ทัน เลยปิดการขายไม่ได้ แต่ถ้ามีลูกน้องช่วย 10 คน นั่นเท่ากับว่าพิมจะหาเงินได้วันละ 50,000 บาท สามารถหยิบฉวยเงินจากลูกค้าได้ทัน เรื่องนี้จึงต้องมีทีมงานคอยช่วย

11. ทีมงานต้องดี  ทีมงานที่ดีไม่ได้หากันได้ง่ายๆ อย่างงานแอดมินเป็นงานที่ทำอย่างไรจะให้ลูกค้าซื้อของเราผ่านตัวหนังสือ ทำอย่างไรจะให้ลูกค้าโอนตังมาที่เราให้ไวที่สุด มีหน้าที่ว่าทำอย่างไรให้ลูกค้าที่ไม่พอใจซื้อของเราให้ได้ ส่วนคนแพ็คก็ต้องหาวิธีแพ็คให้รัดกุม ทำอย่างไรให้ของนั้นเสียหายน้อยสุด ส่งผิดน้อยสุด และทำงานได้ไวสุด เพื่อให้ลูกค้ารับของได้มากสุด จะได้กลับมาสั่งของเราใหม่ ทุกอย่างเกี่ยวพันกันหมด ถึงได้บอกว่าทีมงานที่ดี ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ และในการบริหารทีมงานต้องยึดหลักยิ่งให้แล้วจะยิ่งรวย เพราะลูกน้องเป็นคนหาเงินให้เราและถ้าเราทำให้ลูกน้องรักเราได้ พวกเขาจะทำงานให้แบบถวายชีวิตเลยทีเดียว ทีนี้เราก็จะรวยยิ่งๆ ขึ้นไป

ทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับที่คุณพิมรี่พาย นำมาใช้กับธุรกิจขายของออนไลน์จากหลักการปฏิบัติจริง ไม่ได้อิงตำราที่ไหน และเห็นผลลัพธ์เป็นความสำเร็จที่มีอยู่จากการ Start Up ในสิ่งที่เป็นตัวเองและดำเนินธุรกิจจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ จนกลายเป็นบริษัท พิมรี่พาย คอสเมติก ที่มีทีมงานกว่า 80 ชีวิตให้ดูแลในขณะนี้.

แหล่งอ้างอิง :

https://www.facebook.com/pimrypie.official/

https://www.facebook.com/watch/?v=221970338819368

https://www.sentangsedtee.com/today-news/article_120478

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<  

เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจ ผ่านเรื่องเล่าของแบรนด์

5 วิธีเพิ่มยอดขายด้วยเทคนิค ‘รีวิว’