ประเทศไทยเริ่มมีการตื่นตัวและหันมาห่วงใยใส่ใจโลก
ในโครงการงดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วแบบใช้แล้วทิ้งอย่างจริงจังมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2563
เพื่อลดปริมาณขยะถุงพลาสติก ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานานในการจัดการกำจัด ในขณะที่ขยะถุงพลาสติกในไทยมีมากถึงปีละ
2 ล้านตัน แม้จะมีการนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ก็ยังคงเหลือพลาสติกตกค้างในระบบการย่อยทำลายสูงถึง
1.5 ล้านตันต่อปี
โดยเฉพาะขยะประเภทถุงพลาสติกชนิดปนเปื้อน เช่น ถุงใส่อาหาร ถุงใส่เครื่องดื่ม พลาสติกหุ้มห่อบรรจุภัณฑ์เหล่านี้เป็นที่มาของการออกมา “รณรงค์งดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว” อย่างจริงจัง เพราะนอกจากถุงพลาสติกเหล่านี้จะใช้ระยะเวลายาวนานถึง 450 ปีในการย่อยสลายแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อมมากมาย ทั้งสร้างมลภาวะเป็นพิษ ไหลไปอุดตันตามท่อระบายน้ำ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และก่อเกิดอันตรายต่อสัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้ คนไทยเริ่มมีการปรับตัวตอบรับนโยบายรัฐและพกพาภาชนะหรือถุงผ้าไป
Shopping แทน เพราะถึงแม้ว่าร้านค้าจะไม่แจกจ่ายถุงพลาสติก
แต่ก็ยังคงมีถุงผ้าและถุงพลาสติกใช้ได้หลายครั้งไว้บริการแบบเสียเงินอยู่ด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุนในชีวิต
วิถีชีวิตของคนไทยจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปเป็นต้องพกถุงผ้าออกจากบ้านไปด้วย เพื่ออำนวยความสะดวกในการจับจ่ายสินค้า
จนกลายเป็นกระแสแฟชั้นแล้วก็มีจากความหลายหลายดีไซน์ของถุงผ้าที่เกิดขึ้นมาให้หยิบฉวย
ซากีรา โมฮารา พนักงานบริหารระดับสูง
บอกว่า “ช่วงแรกที่มีการงดใช้ถุงพลาสติก ก็จะปรับตัวยากหน่อย เพราะเป็นคนไม่ชอบถืออะไรมากมายอยู่แล้ว
อย่างมาซื้อของปากซอยหน้าบ้านที่ไม่ไกล
ปกติก็จะพกมาแค่โทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ แล้วจะซื้อข้าวของ ทั้งของกิน
ของใช้หลายอย่างจากร้านสะดวกซื้อเข้าบ้านไปในคราวเดียว
พอทางร้านไม่มีการแจกจ่ายถุงพลาสติก
จากที่เคยซื้อของครั้งละหลายชิ้นก็เหลือเพียงของ
1-2 ชิ้นแค่พอถือได้เข้าบ้าน อย่างวันก่อนแวะซื้อขนมใส่ไส้
แม่ค้าเขาก็ไม่ให้ถุงหิ้วมา จากที่จะซื้อหลายชิ้นก็ต้องซื้อแค่ 3 ชิ้น เพราะในการถือขนมใส่ไส้(ลองนึกภาพตามดู) เดินไปไหนมาไหนมันไม่ใช่เรื่องน่าดู
และทุกวันนี้ก็ไม่ได้พกถุงผ้าเพราะไม่สะดวกพกพา แต่จะใช้วิธีลดจำนวนการซื้อของลง
หากจำเป็นต้องซื้อของชิ้นใหญ่ก็จะอดใจรอ
ทำรายการไว้ไปซื้อตามห้างใหญ่ใส่รถมาทีเดียว”
ภาวิณี พรรณพนาวัลย์ นักศึกษาสาว เธอบอกว่า
“ปกติจะพกถุงผ้าติดตัวไปมหาวิทยาลัยทุกครั้ง เพราะมีเอกสารตำรามากมายที่ต้องเอาติดตัวไปเรียน
ก็จะถือถุงผ้าแบบธรรมดาตามที่มี ไม่โดดเด่น พอมีกระแสการงดใช้ถุงพลาสติกเข้ามา ก็เริ่มเห็นว่ามีพ่อค้าแม่ค้ารวมถึงห้างร้านดังมากมายออกมาทำถุงผ้าสวยๆ
หลายสไตล์ให้เลือกใช้ กลายเป็นแฟชั่นน่าหยิบถือ เลยหันมาเปลี่ยนใช้ถุงผ้าแทนกระเป๋าเป้
แบบใช้เป็นหลักเลยใบเดียว เพราะความสวยและดีไซน์ ทำให้พกพาไปไหนมาไหนได้มั่นใจกลายเป็นแฟชั่นสะสมของตัวเองไปแล้ว
จากการใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ดีไซน์น่าถือ และ ราคาไม่แรง กลายเป็นว่าตอนนี้ที่บ้านมีถุงผ้าสวยๆ
ไว้ให้สับเปลี่ยนใช้ไม่ต่ำกว่าสิบใบไปแล้ว”
มนัญญา ตันติพิบูลย์ สาวออฟฟิศ บอกว่า
“ตอนนี้ต้องเตือนตัวเองให้พกถุงพลาสติกใบใหญ่ๆ
ที่สามารถใช้ได้หลายครั้งติดตัวออกจากบ้านแทนการพกถุงผ้า เพราะสะดวกในการพกพามากกว่า
เนื่องจากหอพักนั้นอยู่ลึก และในซอยแถวบ้านก็ไม่มีร้านสะดวกซื้อ ทำให้ต้องซื้อของเข้ามาก่อนเข้าบ้านทุกครั้ง
จากไม่ค่อยชินตอนนี้ก็เริ่มชินแล้วและรู้สึกว่านโยบายเรื่องการลดใช้ถุงพลาสติกนั้นเป็นการเริ่มต้นที่ดี
ที่คนไทยจะหันมาให้ความสำคัญกับการรักษ์โลก ถึงแม้จะเป็นการเริ่มต้นและไม่ได้ทำให้ขยะพลาสติกหายไปจากโลก
เพราะบรรจถุภัณฑ์บางอย่างก็ต้องใช้พลาสติกในการบรรจุอยู่อีกมาก
แต่นี่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่เห็นพวกเราทุกคนมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและมลภาวะที่เกิดจากพวกเราสร้างขึ้น”
ธนาโชติ จิตรุ่งเรือง พนักงานให้บริการร้านสะดวกซื้อ
ให้ข้อมูลว่า “เริ่มแรกที่มีโครงการออกมาและทางร้านมีแคมเปญเหมือนให้ลูกค้าเตรียมความพร้อมเรื่องการลดใช้ถุงหิ้วมาตั้งแต่ปลายปี
62 ก็มีลูกค้าหลายคนให้การตอบรับดี อย่างซื้อของ 1-2
ชิ้น เขาก็ไม่รับถุงพลาสติด
เมื่อมีการงดให้อย่างจริงจังมาตั้งแต่ต้นปี ก็ได้เห็นความน่ารักของลูกค้าหลายคนที่พยายามปรับตัว
หาสิ่งของ วัสดุที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้แทนถุงพลาสติก เช่น ใช้หมวกกันน็อคบ้าง
ตะกร้าผ้า กระป๋องน้ำ ถุงกระสอบบ้างมาใส่ของที่ซื้อ
ซึ่งหลังๆ ก็เริ่มมีพกถุงผ้าติดตัวกันมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีลูกค้าหลายคนเหมือนกันที่ปรับตัวไม่ได้ เมื่อไม่ให้ถุงพลาสติก มีทั้งยกเลิกรายการซื้อไปเลยก็มี หรือลดจำนวนของที่จะซื้อลง อันนี้เจอเยอะ และส่งผลกระทบต่อยอดขายของสาขาด้วย เพราะบางอย่างก็น่าเห็นใจ ถ้าจะไม่ใส่ถุงหิ้วอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เช่น กับข้าวอุ่นร้อน ของหนักอย่างโซดา นมข้นกระป๋องหลายกระป๋อง ทางสาขาก็จำต้องมีถุงสำรองไว้ให้บริการสินค้าบางประเภท ตามความเหมาะสมแก่ลูกค้าด้วย เพื่อคงยอดขายไว้ เพราะยอดขายตกไปอย่างน่าใจหายเช่นกัน
เพราะงานนี้ถุงพลาสติกไม่ใช่ผู้ร้าย แต่เป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากมันสมองมนุษย์เราเองต่างหาก ที่กลายเป็นตัวร้าย ย้อนกลับมาทำลายโลกและตัวเราเอง