ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ แตกไลน์ธุรกิจโรงสีข้าว Smart Factory มุ่งสร้างนิคมฯ เกษตร แห่งแรกของไทย

SME in Focus
28/12/2023
รับชมแล้วทั้งหมด 1876 คน
ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ แตกไลน์ธุรกิจโรงสีข้าว Smart Factory มุ่งสร้างนิคมฯ เกษตร แห่งแรกของไทย
banner

โรงสีข้าว (Rice Mill) ซัพพลายเชน ผู้รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา นำมาแปรรูปเป็นข้าวสาร เพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคในประเทศ และส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ ถือเป็นธุรกิจต้นน้ำของอุตสาหกรรมแปรรูปข้าว ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรส่งออกหลักของประเทศไทย ปัจจุบัน ธุรกิจโรงสีข้าวยุคใหม่ ปรับเปลี่ยนไปจากบทบาทพ่อค้าคนกลาง สู่การเป็นผู้พัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อสร้างซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมแปรรูปข้าวครบวงจร \


ดังเช่น เส้นทางการพัฒนาธุรกิจของ บริษัท ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ จำกัด ผู้ประกอบการธุรกิจโรงสีข้าว และผู้จัดจำหน่ายข้าวสารรายใหญ่ของประเทศ ภายใต้แบรนด์ บัวชมพู โครงสร้างบริหารเป็นธุรกิจครอบครัว (Family Business) โรงสีข้าว ที่รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาปีละประมาณ 1 แสนตัน เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารที่มีตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ต่อมาได้ขยายธุรกิจแปรรูปข้าว โดยนำผลพลอยได้จากข้าว (By-Product) มาสร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น


สกัดเป็นน้ำมันรำข้าว เพื่อส่งออกตลาดญี่ปุ่น ตอบโจทย์เทรนด์การใส่ใจสุขภาพ (Health Conscious) นอกจากนี้ในอนาคต ยังมีแผนงานที่จะวิจัยและพัฒนานำแกลบมาสกัดเป็นซิลิก้า ธาตุที่ใช้เป็นสารเคลือบเพิ่มความแข็งแรงในผลิตภัณฑ์แว่นตา และใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์อีกด้วย รวมถึงการริเริ่มตั้งนิคมอุตสาหกรรมเกษตรแห่งแรกในประเทศไทยแบบ Smart ที่มีความทันสมัย บนพื้นที่ประมาณ 700 ไร่ในจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อรองรับการลงทุนธุรกิจเกษตรให้เติบโตบนรากฐานที่ยั่งยืน




คุณถวิล ล้อพูนผล กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ จำกัด กล่าวว่า เส้นทางธุรกิจโรงสี เริ่มจาก คุณเสวก ล้อพูนผล (บิดา) ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท ได้ลงทุนหุ้นส่วนธุรกิจโรงสีเกียรติรุ่งเรือง ก่อนจะแยกตัวออกมาตั้งธุรกิจโรงสีล้อพูนผล อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ในปี 2547 รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาโดยตรงมาแปรรูปเป็นข้าวสารเพื่อจำหน่ายในประเทศ แบรนด์ บัวชมพู จำหน่ายในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดใกล้เคียง


ในปี 2549 คุณถวิล เรียนจบ ได้เข้ามาช่วยงานธุรกิจโรงสีข้าวของครอบครัว และวางกลยุทธ์เพื่อขยายธุรกิจ แตกไลน์สินค้าไปยังกลุ่มต่าง ๆ เพื่อปรับรากฐานธุรกิจข้าวสู่การพัฒนาเชิงอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร




ขยายธุรกิจโรงสี ปั้นแบรนด์ ข้าวสาร


คุณถวิล ใช้เวลา 20 ปี ปรับรากฐาน บริษัท ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ จำกัด ให้เติบโตอย่างมั่นคง เริ่มจากเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายสินค้าข้าวสารแบรนด์บัวชมพู จากเดิมที่จำหน่ายเฉพาะในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง ได้ขยายสู่การจัดจำหน่ายไปทั่วประเทศ ผ่านร้านค้าส่ง ห้างค้าปลีกท้องถิ่น เพื่อเพิ่มตัวแทนและสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยข้าวสารแบรนด์บัวชมพู ถือว่าเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ การกระจายสินค้าและขยายเครือข่ายตัวแทนทั่วประเทศ ทำให้ขายดี มียอดขายสูง ส่งผลให้ทั้งคู่ค้าและธุรกิจมียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น


ปัจจุบัน บริษัทได้แตกำลน์เพิ่มแบรนด์สินค้าข้าวสารใหม่อีกหลายแบรนด์ คือ กล้วยไม้, ชบา, สุดคุ้ม, กุ้งทองคำ, กุหลาบ, และชาวนาไทย ฯลฯ รองรับการเติบโตของธุรกิจที่ตั้งเป้าจะจำหน่ายให้ครบทุกจังหวัด การเพิ่มแบรนด์ ทำให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุม และเติมเต็มช่องว่างในตลาด และเป็นการกระจายแบรนด์สินค้าให้คู่ค้า ตัวแทนจำหน่าย ในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม โดยใน 1 จังหวัด บริษัทจะมีตัวแทนจำหน่าย 3 ราย เป็นตัวแทนละ 1 แบรนด์


นอกจากนี้ บริษัทในเครือล้อพูนผลไรซ์มิลล์ ยังเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ โดยมียอดขายราว 9 แสน – 1 ล้านตันต่อปี ซึ่งในส่วนนี้มีน้องสาวคุณถวิลเป็นผู้บริหารธุรกิจ



จุดแข็งของธุรกิจ


1. ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ ธุรกิจมีรากฐานจากธุรกิจโรงสีข้าว มีเครือข่ายเกษตรและผู้ประกอบการเกษตรจำนวนมาก สามารถซัพพลายข้าวคุณภาพดีไว้ขายได้ตลอดทั้งปี มีนวัตกรรม เครื่องจักร เทคโนโลยี และบุคลากรที่มีประสบการณ์


2. บริการจัดส่งสินค้ารวดเร็ว “โทรมาวันนี้ พรุ่งนี้ไปส่งให้เลย” เป็นข้อดีของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิตและขนย้ายเพื่อให้แรงงาน ทำงานได้ง่ายและเร็วขึ้น





ใช้ออโตเมชันเพิ่มขีดความสามารถแรงงาน


ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ ใช้งบลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตข้าวให้ทันสมัยขึ้น ด้วยการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก


คุณถวิล มองว่า การเข้าซื้อเทคโนโลยีออโตเมชัน และหุ่นยนต์ที่ถูกจังหวะ และรวดเร็ว ด้วยการคิดก่อนคนอื่น จะช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร จากเดิมเป็นการยก หรือแบกกระสอบข้าวสารด้วยแรงงานคน เปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์ยกแทน จุดนี้ไม่ได้มองเพียงว่า เทคโนโลยีจะช่วยลดแรงงานได้เท่าไหร่ หรือเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจมากแค่ไหน แต่การยกระดับการทำงาน เพื่อคุณภาพชีวิตของแรงงานให้ดีขึ้น เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน





ด้วยราคาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่เริ่มลดลง จนอยู่ในระดับที่ธุรกิจมีกำลังพอจะนำมาทำประโยชน์ เช่น ช่วยให้ลูกน้องทำงานง่าย เบาแรงลง ทำให้พวกเขามาทำงานสม่ำเสมอ มีรายได้มั่นคงขึ้น สามารถยกระดับงานกรรมกรแบกข้าวสาร ไปสู่การดำเนินการในรูปแบบอุตสาหกรรมการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เหมาะสม คุ้มค่า ช่วยให้งานเสร็จเร็ว จัดส่งสินค้าได้ตรงเวลา

ในแง่ธุรกิจ การผลิต และการขนย้ายที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้สามารถจัดส่งสินค้าได้ทันเวลา ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและการบริการลูกค้า ตลอดจนการนำระบบ ERP มาใช้เพื่อช่วยคำนวณ และควบคุมต้นทุนการจัดการบุคลากรส่วนต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง เป็นการสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้น โดยใช้แรงงานเท่าเดิม


“เครื่องมือที่ทำให้คนทำงานได้ง่ายยิ่งขึ้น จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่ง และบริการลูกค้า เป็นแนวทางสร้างธุรกิจบนรากฐานของความยั่งยืน”




ต่อยอดโรงงานสกัดน้ำมันรำข้าว

แนวคิดธุรกิจของคุณถวิล คือการยกระดับธุรกิจเกษตรจากรากฐานของธุรกิจโรงสีข้าว ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อสร้าง BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ ได้ขยายุรกิจโดยนำผลพลอยได้จากข้าว (By-Product) มาแปรรูปและเพิ่มมูลค่าต่อยอดมาเป็นโรงงานผลิตน้ำมันรำข้าว ภายใต้การบริหารจัดการในนาม บริษัท แอลพีพี ไรซ์ บราน ออยล์ จำกัด มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน


โดยเริ่มจากส่งออกประเทศญี่ปุ่น ปีแรกที่เปิดโรงงานมียอดขายในตลาดต่างประเทศค่อนข้างดี เนื่องจากช่วงนั้นคู่แข่งตลาดน้ำมันรำข้าวในประเทศบราซิลกำลังประสบปัญหา ทำให้เราส่งออกได้มาก แต่ปีต่อมาแม้ยอดส่งออกไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ยอดขายในประเทศก็เติบโตขึ้น ภาพรวมธุรกิจนี้จึงยังมีทิศทางที่ดี บริษัทถือเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรำข้าวดิบอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยปริมาณการส่งออก 6,000-7,000 ตัน เพื่อนำไปผ่านกระบวนการ (Refined Oil) ซึ่งได้รับความนิยมมากในกลุ่มผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น



คุณถวิล ยกตัวอย่าง กรณีญี่ปุ่น ผลิตข้าวทั้งประเทศได้ราว 6 ล้านตันต่อปี ซึ่งเก็บไว้สำหรับบริโภคในประเทศ แต่ได้รำที่เป็นวัตถุดิบใช้ทำน้ำมันรำข้าวไม่ถึงร้อยละ 7 ของการบริโภคทั้งหมดของประเทศ จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ มองว่าเป็นผลดีต่อประเทศไทยซึ่งมีข้าวอยู่มาก สำหรับนำไปสกัดน้ำมันรำข้าวส่งออกไปญี่ปุ่นหรือตลาดโลกได้ จากการที่ไทยเป็นแหล่งปลูกข้าวและมีศักยภาพผลิตน้ำมันรำข้าวระดับโลก ขณะที่ญี่ปุ่นขาดแคลน ในแต่ละปีจึงมีการนำเข้าน้ำมันรำข้าวจากไทยในปริมาณสูง


น้ำมันรำข้าว เป็นสินค้าสุขภาพ (Healthy Product) ทำให้แนวโน้มความต้องการบริโภคในปัจจุบัน และอนาคตจะเพิ่มขึ้นอีกมาก จากกระแสการใส่ใจสุขภาพของคนยุคใหม่ และคุณประโยชน์ที่เป็นองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม สู่ผลิตภัณฑ์น้ำมันทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์เทรนด์ Health Conscious หรือการใส่ใจสุขภาพตามวิถีการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คน นิยมใช้น้ำมันรำข้าวในเมนูทอด ผัด น้ำสลัด ฯลฯ


ทิศทางตลาดน้ำมันรำข้าวในประเทศไทย เริ่มนิยมใช้มากขึ้นในกลุ่มครัวเรือน ซึ่งหากพฤติกรรมผู้บริโภคปรับเปลี่ยนไปใช้น้ำมันรำข้าวที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ธุรกิจบริการเหล่านี้จะปรับตัวตาม ทั้งนี้การนำน้ำมันรำข้าวมาเป็นจุดขาย เพื่อให้บริการแก่ผู้บริโภคที่ตระหนักด้านสุขภาพ ทำให้มองว่าตลาดน้ำมันรำข้าวในอนาคตจะมีความต้องการสูงขึ้น




น้ำมันรำข้าวมาจากไหน


น้ำมันรำข้าวเป็น by-product จากกระบวนการสีข้าวเปลือกเป็นข้าวกล้อง และการขัดมันข้าวขาว จะได้ ‘รำข้าว’ โดยปกติรำข้าวจะถูกขายต่อให้กับโรงงานเพื่อผลิตเป็นอาหารสัตว์ ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ ต้องการเพิ่มมูลค่ารำส่วนนี้ ด้วยการลงทุนโรงงานสกัดเป็นน้ำมันรำข้าวที่ยังไม่ผ่านกระบวนการ รำข้าว 1 ส่วนจะมีปริมาณน้ำมันร้อยละ 20 ในกระบวนการสกัด ไม่เพียงจะได้น้ำมันรำข้าวดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการ ส่งออกไปให้แบรนด์น้ำมันรำข้าวรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นนำไปเข้ากระบวนการ เพื่อบรรจุลงบรรจุภัณฑ์จำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังได้ ‘รำสกัด’ ที่มีค่าโปรตีนเข้มข้น เป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์อีกด้วย


คุณถวิล เผยว่า ได้เตรียมลงทุนในส่วนของการผลิตน้ำมันรำข้าวผ่านกรรมวิธี (Refined Cooking Oil) ที่บรรจุขวดขาย แม้จะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่หากแล้วเสร็จ โรงงานจะเป็นรายแรกที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก ในการสกัดน้ำมันรำข้าวสำหรับบริโภค คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2568


นอกจากนี้ ยังมีโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง อาทิ ‘โรงไฟฟ้าพลังงานแกลบ’ โดยเอาแกลบมาเผา ได้เป็นไฟฟ้าสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม และต่อยอดด้วยการลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูงด้วยการนำขี้เถ้าจากแกลบที่นำไปเผาเพื่อผลิตไฟฟ้า มาสกัดเป็น ‘ซิลิกา’ สำหรับใช้เคลือบแว่นตา และส่วนประกอบในรถยนต์ สอดรับกันเทรนด์ BCG แนวคิดคือการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบอย่างคุ้มค่า และทำธุรกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อกันเพื่อความยั่งยืน




ตั้งนิคมฯ เกษตรแบบสมาร์ทแห่งแรกของไทย


สำหรับ ‘นิคมอุตสาหกรรมเกษตร’ ที่ตั้งบนที่ดินของล้อพูนผลเนื้อที่กว่า 700 ไร่ ที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ มีแผนเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติในการก่อตั้ง โดยจะเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเกษตรแห่งแรกของประเทศไทย หรือนิคม Smart Factory ที่ทันสมัย นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่ออำนวยความสะดวก ในส่วนโครงสร้างพื้นฐานในนิคมฯ กำหนดไว้ 7 พื้นที่สมาร์ท ในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูปอย่างครบวงจร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทย


คุณถวิล กล่าวว่า ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านการเกษตร ขณะที่การพัฒนาธุรกิจในปัจจุบัน เรื่อง BCG Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว จะเป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการเป็นแหล่งเพาะปลูกอุดมสมบูรณ์ รองรับอุตสาหกรรมด้านการเกษตรได้อย่างครบวงจร


ปัจจุบัน ‘นิคมอุตสาหกรรมเกษตร’ ได้เริ่มดำเนินการปรับปรุงพื้นที่เพื่อรองรับการพัฒนาในอนาคต ล่าสุดมีการเจรจากับนักลงทุนรายใหญ่ของญี่ปุ่น 2 ราย สนใจข้อเสนอเข้ามาลงทุน สำหรับสิทธิประโยชน์นักลงทุน เราได้ประสานกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ทั้งเรื่องสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เกี่ยวกับการลงทุน หากเป็นต่างชาติเข้ามาลงทุนสามารถประกอบกิจการได้ 100%


ติดตามเพิ่มเติมที่: https://lppricemill.com/

https://www.facebook.com/Lorphoonpholricemill?locale=th_TH




Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

มอบรางวัล 3 เกษตรกรยุคใหม่ ตัวอย่าง ‘เกษตรก้าวหน้า’ ใช้นวัตกรรม สร้าง Smart Farming สู่ความยั่งยืน ในยุคดิจิทัล

มอบรางวัล 3 เกษตรกรยุคใหม่ ตัวอย่าง ‘เกษตรก้าวหน้า’ ใช้นวัตกรรม สร้าง Smart Farming สู่ความยั่งยืน ในยุคดิจิทัล

ฤดูกาลแห่งการส่งต่อผลผลิตจากมือเกษตรกรหวนกลับมาอีกครั้ง กับงานใหญ่ส่งท้ายปี งาน “วันเกษตรก้าวหน้า ประจำปี 2567” โดย ธนาคารกรุงเทพ เปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าเกษตรนวัตกรรม…
pin
19 | 16/01/2025
วันเกษตรก้าวหน้า 2567 ตอกย้ำเส้นทาง 80 ปี หนุนเกษตรกรไทย ใช้นวัตกรรมทำธุรกิจยุคดิจิทัล สู่ความยั่งยืน

วันเกษตรก้าวหน้า 2567 ตอกย้ำเส้นทาง 80 ปี หนุนเกษตรกรไทย ใช้นวัตกรรมทำธุรกิจยุคดิจิทัล สู่ความยั่งยืน

ธนาคารกรุงเทพ จัดมหกรรมพิเศษ สนับสนุนเกษตรกรไทยส่งท้ายปี 2567 ด้วยการจัดงาน “วันเกษตรก้าวหน้า” ประจำปี 2567 ครั้งที่ 17 โดยได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการ…
pin
20 | 15/01/2025
“บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์ 67 ครั้งที่ 15” กับแนวคิด ปรับตัว เติบโต ยั่งยืน หนุน SME ไทยแข่งขันในระดับสากล

“บัวหลวงเอสเอ็มอีแฟร์ 67 ครั้งที่ 15” กับแนวคิด ปรับตัว เติบโต ยั่งยืน หนุน SME ไทยแข่งขันในระดับสากล

ธนาคารกรุงเทพ จัดงานมอบรางวัลเชิดชูเกียรติให้กับธุรกิจที่มีแนวทางโดดเด่น 3 รางวัล ภายใต้แนวคิด “ปรับตัว เติบโต ยั่งยืน” ฉลองการก่อตั้งครบรอบ…
pin
9 | 26/12/2024
ล้อพูนผลไรซ์มิลล์ แตกไลน์ธุรกิจโรงสีข้าว Smart Factory มุ่งสร้างนิคมฯ เกษตร แห่งแรกของไทย