เมื่อก่อนมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะทานอาหารนอกบ้านตามร้านอาหารมากกว่าทำรับประทานเอง จนกระทั่งช่วงโควิด 19 แพร่ระบาดที่ผ่านมา ทำให้ร้านอาหารได้รับผลกระทบต้องปิดตัวลงชั่วคราว ร้านค้าบางส่วนจึงต้องปรับตัวมาจำหน่ายผ่าน Delivery ถ้าโชคดีก็อาจรุ่ง ถ้าโชคไม่ดีก็อาจต้องปิดตัวลง อีกทั้ง พฤติกรรมหนึ่งของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป คือพอมีเวลาว่างมากขึ้นและต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วง Work From Home จึงเริ่มต้นลงมือหัดทำอาหารรับประทานเองแทนการซื้อตามร้านขายอาหาร ตลาดเครื่องปรุงรสจึงเติบโตมากขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ (จากการที่จำหน่ายเครื่องปรุงให้แก่ร้านค้า ครัวเรือน และส่งออกต่างประเทศ)
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เครื่องปรุงรสจากไทย
ส่งออกเติบโตสูงยุคโควิด
นอกจากตลาดเครื่องปรุงรสของไทยภายในประเทศส่วนใหญ่จะขยายและทำกำไรได้สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี
2563 แล้ว การส่งออกก็เติบโตสูงขึ้นมากไม่แพ้กัน โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าเครื่องปรุงรสของไทยได้รับความนิยมจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีกำลังซื้อสูง เพียงแค่ 3 เดือนแรกของปี 2563
ก็สามารถส่งออกเครื่องปรุงรสได้สูงถึง 207.64 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ
12.05 (ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความตกลงการค้าเสรี FTA) เมื่อนำมาจัดลำดับทั่วโลกแล้ว ไทยถือว่า ทำอันดับได้ดี ขึ้นมาสูงอยู่อันดับที่
3 ของโลกเลยทีเดียว
ส่วนแบ่งภายในตลาดเครื่องปรุงไทย
ในปัจจุบันมีการแข่งขันเครื่องปรุงรสของประเทศไทยอยู่บ้างในบางประเภท
ซึ่งเจ้าที่เป็นผู้ครองตลาดในส่วนประเภทผงปรุงรสและผงชูรส ได้แก่ บริษัท
อายิโนะโมโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
มีสัดส่วนในตลาดประมาณ 75% รายได้ในปี 2563
นี้แม้จะยังไม่หมดปี ก็สามารถสร้างรายได้รวมสูงถึง 2.6 หมื่นล้านบาท
โดยมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 5.1 พันล้านบาท
ถือว่าเติบโตจากปีที่แล้วกว่า 23.09%
ส่วนเครื่องปรุงรสประเภทซอสรายใหญ่ที่มีชื่อว่า
บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) แม้ยอดขายโดยรวมในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนจะลดลง
แต่ส่วนกำไรกลับเติบโตสูงขึ้นถึง 14% แม้จะจำหน่ายให้รายใหญ่อย่างตามร้านอาหารได้น้อยลง
แต่ผู้บริโภครายย่อยที่ซื้อไปใช้ทำอาหารทานเองภายในครัวเรือนกลับซื้อเพิ่มมากขึ้น
ภาพโดยรวมภายในตลาดแม้จะเป็นรายย่อยขนาดไม่ใหญ่เท่า
2 บริษัทที่เรากล่าวถึง ส่วนใหญ่สามารถทำกำไรได้มากขึ้น
โดยผู้บริโภคที่ซื้อเพิ่มขึ้นคือกลุ่มผู้บริโภครายย่อยใช้ภายในครัวเรือนนั่นเอง เว้นแต่บางแบรนด์ที่เป็นแบรนด์นำเข้า
มีราคาสูง และผู้บริโภคอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก ทำให้กำไรยังไม่เติบโตตามตลาดโดยรวมเท่าที่ควร
แนวโน้มเครื่องปรุงรสของไทยในอนาคต
ตลาดเครื่องปรุงรสของไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่องในระยะยาว
แต่เดิมอาหารไทยเป็นหนึ่งในสิ่งที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยังไม่มีโควิด 19
ไม่ว่าคนไทยด้วยกันเอง หรือชาวต่างชาติต่างติดใจในรสอาหารไทย เมื่อปิดเมืองปิดประเทศทำให้ผู้บริโภคต่างอุดหนุนซื้อเครื่องปรุงไปลองทำเองที่บ้านกันเพิ่มมากขึ้น
จึงเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยควรจะรีบคว้าไว้ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และส่วนต่างๆ ที่ได้จากบิ๊กดาต้ามาวิเคราะห์ และหาทิศทางของตลาด เพื่อสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ ดึงลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้บริโภคโดยตรงมากขึ้น เช่น การทำยูทูปสอนทำอาหารแบบภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ด้วยเครื่องปรุงรสแบรนด์ของคุณให้ผู้บริโภคสามารถรับชมแล้วทำตามได้ไม่ยาก หรือพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สามารถใช้ได้ง่ายเหมาะกับการหยิบมาใช้ปรุงรสอาหารทั่วไปได้บ่อยๆ ฯลฯ นอกจากนี้หากทำกำไรได้ดีแล้ว ต้องไม่ลืมที่จะรักษาคุณภาพ และจุดยืนของแบรนด์ไว้ไม่ให้เสียไป
อย่างไรก็ตาม ยังคงน่าจับตามองกันต่อไปว่า เครื่องปรุงรสของไทย ในปีนี้และอนาคตถัดไปจะพุ่งไปได้แรงมากน้อยขนาดไหน เพราะจากที่เคยเป็นกลุ่มสินค้าที่น่ากังวล เนื่องจากร้านอาหารซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 ในหลายประเทศต้องหยุดชะงัก ทำให้เครื่องปรุงรสต่างๆ ถูกผลกระทบไปด้วย กลับกลายเป็นว่าเป็นสินค้าดาวรุ่งพุ่งแรงขยายตลาดได้ไกลกว่าสินค้าประเภทอื่นมาก หากแต่ละแบรนด์ แต่ละบริษัทจับทางผู้บริโภคถูก ก็คงผูกใจผู้บริโภคไว้ให้อุดหนุนใช้กันต่อไป สร้างกำไรให้เติบโตต่อเนื่องเรื่อยๆ ได้ไม่ยาก