นับจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด
19 ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 ในอาเซียนหลายประเทศ
ทำให้ต้องปิดด่านชายแดนตั้งแต่เรื่อยมาจนถึงกลางปี
ส่งผลกระทบต่อมูลค่ายอดค้าชายแดนทุกด้านลดลง
แต่ภายหลังจากภาคเอกชนโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
ผลักดันให้ภาครัฐแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
โดยเฉพาะการเปิดจุดผ่านแดนกับประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องปิดไปชั่วคราว
โดยผ่านทางคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์)
เพื่อเสนอกระทรวงมหาดไทยพิจารณาเปิดด่านค้าชายแดน 25 แห่ง ทั้งในด้านไทยเชื่อมต่อกับลาว
8 จังหวัด รวม 21 ด่าน และด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าทั้ง 4
ด่าน ก็ดูเหมือนสถานการณ์จะคลี่คลายขึ้น
กระทั่งล่าสุดอาเซียนกลับต้องมาเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด 19 ระลอก 2 อย่างหนักหน่วงอีกครั้ง โดยเฉพาะเมียนมาและมาเลเซีย ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อยอดค้าชายแดนไม่น้อย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ
ได้รายงานตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนในช่วง 10 เดือน
(นับจากเดือนมกราคมถึงตุลาคม) 2563 มีมูลค่ารวม 1,081,572 ล้านบาท ลดลง 4.11%
แบ่งเป็นการส่งออก 626,396 ล้านบาท ลดลง 4.32% และการนำเข้า 455,176 ล้านบาท ลดลง
3.81% เกินดุลการค้า 171,219 ล้านบาท
ซึ่งหากหักเฉพาะยอดค้าชายแดนไม่รวมค้าผ่านแดน
จะมีมูลค่า 623,658 ล้านบาท ลดลง 9.87%
แบ่งเป็นการส่งออก 365,216 ล้านบาท ลดลง 8.94% นำเข้า 258,442 ล้านบาท ลดลง 11.15%
เกินดุลการค้า 106,774 ล้านบาท
แต่ทว่าผลการแพร่ระบาดของโควิด 19
ระลอกสองในเมียนมา
ทำให้จังหวัดชายแดนของไทยต้องกลับมาเพิ่มความเข้มงวดในการขนส่งสินค้าข้ามแดน
จะเห็นว่าตัวเลขล่าสุดเดือนตุลาคม 2563 จังหวัดตากได้สั่งระงับการนำเข้าส่งออกสินค้าตามแนวชายแดนชั่วคราว
เพื่อจัดระเบียบการขนส่งสินค้าบริเวณชายแดน
และยังได้กำหนดจุดขนถ่ายสินค้าในบริเวณคลังสินค้าศุลกากร
พร้อมทั้งวางมาตรการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่
2 ส่งผลให้การค้าไทยเมียนมา ที่ด่านแม่สอดเดือนตุลาคม มีมูลค่าเพียง 3,524 ล้านบาท
จากเดือนกันยายน 2563 มีมูลค่า 5,701 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดข้อมูลจนถึงเมื่อวันที่
26 พฤศจิกายน 2563 ไทยมีการเปิดทำการจุดผ่านแดน เพื่อการขนส่งสินค้ารวมทั้งสิ้น 37
แห่ง จาก 97 แห่งทั่วประเทศ
หากพิจารณาในรายละเอียดการค้าชายแดนกับเพื่อนบ้าน
4 ประเทศ ในช่วง 10 เดือน จะพบว่ามาเลเซียยังมาเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง
มีมูลค่าการค้า 198,646 ล้านบาท ลดลง 14.67% รองลงมาคือ สปป.ลาว มูลค่า 156,114
ล้านบาท ลดลง 5.21% เมียนมา มูลค่า 137,726 ล้านบาท ลดลง 14.85% และกัมพูชา มูลค่า
131,173 ล้านบาท ลดลง 1.16%
โดยประเภทสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทยไปตลาดมาเลเซีย
ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ ส่วนตลาด สปป.ลาว
ได้แก่ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ
ขณะที่ตลาดเมียนมานิยมสินค้าเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์
น้ำมันดีเซล ผ้าผืนและด้าย เช่นเดียวกับตลาดกัมพูชา ได้แก่
เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เป็นต้น
หลังจากนี้เหลือเพียงไม่ถึงเดือนจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่แล้ว
ความหวังที่จะฟื้นการค้าชายแดนให้ได้อย่างที่เคยทำได้ 1-2 ล้านล้านบาท
ดูจะเหนื่อยหนักไม่น้อย โดยเฉพาะหากปัญหาโควิด 19
ยังไม่คลี่คลายก็ต้องลุ้นว่าในปีงบประมาณ 2564 กระทรวงพาณิชย์จะสามารถขับเคลื่อนแผนงานส่งเสริมการค้าชายแดน
อาทิ การจัดมหกรรมการค้าชายแดนใน 4 ภูมิภาค ในจังหวัดเชียงราย สงขลา สระแก้ว
นครพนม และยะลา
รวมถึงการปรับกลยุทธ์ใหม่ ด้วยการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าแบบผสมผสานออฟไลน์และออนไลน์ การจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ การประชุมร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อพลิกฟื้นยอดค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้กลับคืนมาได้สำเร็จหรือไม่