หลังจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
ขยายวงกว้างและยังไม่มีทีท่าจะมีวัคซีนในการรักษาภายในปีนี้
ทำให้หลายประเทศต้องเลือกใช้วิธีการล็อกดาวน์ หยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
ซึ่งก็หนีไม่พ้นที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม
สะท้อนจากรายงานขององค์การการค้าโลก (WTO)
ที่ระบุว่า แนวโน้มการค้าโลกในปีนี้จะต้องหดตัวถึง 9.2%
และจะค่อยฟื้นตัวในปี 2564 ไปเป็นบวก 7.2%
แน่นอนว่าการล็อกดาวน์เป็นการลดการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศทั่วโลก นักธุรกิจไม่สามารถเดินทางไปติดต่อ หรือประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ได้สะดวกเช่นที่เคย โดยเฉพาะการเดินทางของนักธุรกิจจากกลุ่มสหภาพยุโรปและอาเซียน จำเป็นต้องปรับตัวผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้สะดวกสำหรับบางกิจกรรมที่ต้องพบหน้ากัน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
เหตุนี้ทางสภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป (EU-ABC)
ซึ่งเป็นหน่วยงานหลัก
สำหรับธุรกิจในยุโรปที่ทำตลาดครอบคลุมภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด
และมีคณะทำงานหลักเพื่อภาคธุรกิจของยุโรปในภูมิภาคอาเซียน
จัดทำผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจครั้งที่ 6 ขึ้นเมื่อช่วงต้นตุลาคม 2563
ที่ผ่านมา
ผลสำรวจดังกล่าวได้รวบรวมความเห็นจากสมาชิก EU-ABC
ซึ่งประกอบด้วย บริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในยุโรปและหอการค้ายุโรป 9
แห่งจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ EU-ABC มีสมาชิกจากอุตสาหกรรมที่หลากหลายของยุโรป
ตั้งแต่การผลิตรถยนต์ไปจนถึงบริการทางการเงิน และรวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค
สมาชิกทุกองค์กรมีความสนใจร่วมกันในการส่งเสริมการค้า
และการลงทุนระหว่างยุโรปและอาเซียน
โดยมีประเด็นสำคัญจากการสำรวจในครั้งนี้
พบว่านักธุรกิจอียู 56% ของธุรกิจในสหภาพยุโรปมีแผนที่จะขยายการดำเนินงานในอาเซียน
แต่ลดลงเล็กน้อยจากปี 2562 และนักธุรกิจ 65%
ของผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทยมีแผนที่จะขยายการดำเนินงาน
โดยนักธุรกิจ 53%
ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าอาเซียนเป็นภูมิภาคที่ดีที่สุดสำหรับโอกาสทางธุรกิจ (ปี
2562 ได้ 63%) และไม่เพียงเท่านั้น นักธุรกิจ 47% ของผู้ตอบแบบสอบถามกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างซัพพลายเชนหลังเกิดเหตุการณ์
โควิด 19 โดยมีอาเซียนอันดับต้นๆ โดยนักธุรกิจ 73% ของผู้ตอบแบบสอบถามจะขยายระดับการค้าและการลงทุนในอาเซียนในอีก
5 ปีข้างหน้า (ปี 2562 ได้ 84%)
และส่วนใหญ่ต้องการให้อียูเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA)
กับอาเซียนและสมาชิก
ที่สำคัญ "ประเทศไทย"
อยู่ในลำดับที่สองในฐานะทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ FTA ซึ่งผลสำรวจในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้านี้
ส่วนสถานการณ์การใช้มาตรการควบคุมการระบาดของไทยนั้น พบว่า นักธุรกิจ 59%
ของผู้ตอบแบบสำรวจในประเทศไทยพอใจกับมาตรการจัดการสถานการณ์โควิด 19 ของรัฐบาล
นายโดนัลด์ แคแนก
ประธานสภาธุรกิจอาเซียน-สหภาพยุโรป เปิดเผยว่า
ผลสำรวจในปีนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าอาเซียนยังคงเป็นภูมิภาคที่ถูกมองว่ามีโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุด
แต่ทว่าก็เป็นไปดังคาดหมายว่าวิกฤติโควิด 19 ทำให้การค้าและการลงทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นส่งสัญญาณอ่อนตัวลง
หนึ่งในคำถามในแบบสำรวจ
ได้ถามถึงว่าภูมิภาคใดจะเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจต่อการลงทุนในซัพพลายเชนมากขึ้นหลังโควิด
19 ซึ่งภูมิภาคอาเซียนได้รับคะแนนสูงสุด ขณะที่อินเดียและจีนก็ได้รับคะแนนโหวตจำนวนมากเช่นกัน
นายโดนัลด์ กล่าวเพิ่มเติมว่า
“ผู้ตอบแบบสำรวจเกือบครึ่ง คาดหวังว่าซัพพลายเชนควรได้รับการจัดโครงสร้างใหม่หลังโควิด
19 ซึ่งเป็นปัจจัยให้การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนยังไม่เสร็จสมบูรณ์
และส่งผลต่อความคืบหน้าของการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานทางการค้า เพื่อสร้างการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในอาเซียน
ขณะที่ นายคริส ฮัมฟรีย์ ผู้อำนวยการ
สภาธุรกิจอาเซียน-ยุโรป กล่าวว่า ผลการสำรวจค่อนข้างชัดเจนว่า
การรวมตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียนดูเหมือนจะหยุดชะงัก อาเซียนและกลุ่มประเทศต่างๆ
จำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2025 (AEC
Blueprint 2025)
สภาธุรกิจฯ ชี้ว่า
ขณะนี้ธุรกิจในยุโรปต่างกำลังปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจตามสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องที่
โดยไม่รอหรือหวังผลความคืบหน้าในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ธุรกิจในยุโรปมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความไม่คืบหน้าในการเจรจาการค้าเสรี (FTA)
เพิ่มเติมกับภูมิภาคอาเซียน
เพราะส่วนใหญ่มองว่าความตกลงนี้จะให้ประโยชน์มากกว่าการค้าเสรีแบบทวิภาคี
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า จากผลของโควิด 19
ทำให้นักธุรกิจอียูกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างซัพพลายเชน ต่างมุ่งกระจายการลงทุน
แต่ "อาเซียน"
ไม่ได้เป็นเพียงภูมิภาคเดียวที่เป็นเป้าหมายการย้ายแหล่งซัพพลายเชนของอียู
แต่ยังมี "แหล่งลงทุนอื่น" ที่อียูหมายตา เช่น ในจีน
หรือแม้แต่ในประเทศในภูมิภาคเดียวกัน
ดังนั้นการสร้างจุดแข็งของอาเซียนถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการวางกรอบนโยบายระดับภูมิภาคและภายในประเทศของอาเซียนที่ยังก้าวหน้าช้า โดยเฉพาะในช่วงโควิด และการลดอุปสรรคด้านต่างๆ ตามเสียงเรียกร้อง เช่น อุปสรรคการใช้ซัพพลายเชนอย่างมีประสิทธิภาพในอาเซียน หรือแม้แต่ปัญหาการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในตลาดท้องถิ่น