ภายในปี 2568
ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 16.2% จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สำรวจสำมะโนประชากรและเคหะปี
2563 มีประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป มากกว่า 12 ล้านคน หรือสูงถึง 13%
เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีที่แล้วที่มีเพียง 10.6% ขณะที่ขั้นสุดของการเป็นสังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์
คือสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปทั้งประเทศ จะเพิ่มเป็น
20% และประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 14%
โดยปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นที่มีประชากรอายุ 60
ปีขึ้นไปทั้งประเทศมากกว่า 33%
ระดับนี้เรียกว่า "สังคมสูงวัยระดับสุดยอด" หรือ “Super
Aged Society” คือระดับสังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มที่
สำหรับประเทศที่มีประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปมากกว่า 20%
ของจำนวนประชากรทั้งหมด (ค่าเฉลี่ยประชากรอายุ 65
ปีขึ้นไปของญี่ปุ่นอยู่ที่ 28%) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดในโลกขณะนี้
ตัวเลขผู้สูงอายุมากขึ้นมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยด้วยกัน
ไม่ว่าจะเป็นการลดขนาดครอบครัวลง และการที่ช่วงชีวิตการดำรงชีพนานขึ้น
จนส่งผลให้ประชากรสูงอายุมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะกลายเป็น
Super Aged Society ภายในปี 2573
นั้นหมายความว่าในห้วงเวลาดังกล่าวจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปพุ่งสูงถึง 30%
ของประชากรทั้งหมด ซึ่งคาดว่าภายในปี 2643 จะมีมากถึง 35.1% เลยทีเดียว
กระนั้นหากมองในมุมของธุรกิจ สังคมสูงวัยกลับกลายเป็น "โอกาสทอง" และจะมีอัตราการเติบโตไปในทิศทางดีในอนาคต เพราะกลุ่มนี้จะกลายเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับทุก GEN ที่มีอัตราการการเกิดลดลงต่อเนื่อง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
Silver Economy อสังหาริมทรัพย์รุกสร้างบ้านรับเกษียณ
การเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงวัยในประเทศไทยจะเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการและการลงทุนในกลุ่มธุรกิจต่างๆ
มากมายมหาศาล เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุ
ไม่ใช่แค่เพียงกลุ่มการดูแลสุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเทคโนโลยี ยานยนต์ บันเทิง ท่องเที่ยว ตลอดถึงกลุ่มที่พักอาศัยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งเหล่านี้เรียกได้เป็นเศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy) เลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่าง ตัวเลขปี 2559
กลุ่มผู้สูงวัยในประเทศไทยมีการจับจ่ายใช้สอยในการดูแลสุขภาพสูงถึง 3.71%
ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เช่นเดียวกับ "ธุรกิจบ้านผู้สูงอายุ" ก็มีแนวโน้มสดใสที่จะมีมูลค่ามหาศาลต่อปี
สอดคล้องกับคิดเห็นของ
คุณพิศาล ธรรมวิเศษ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป
จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มองอีกว่า หลังโลกพ้นวิกฤติโควิดแล้วผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยจะหันมาให้ความสำคัญมายิ่งขึ้น
แต่ต้องศึกษาเรียนรู้กับผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจบ้านผู้สูงอายุต่างประเทศเพิ่มเติม
ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา รวมทั้งยุโรป
แต่ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด
ผู้ประกอบการในไทยเน้นให้ความสำคัญชาวต่างชาติเสียส่วนใหญ่ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ผิดปกติทำให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาไทยไม่ได้
ส่งผลกระทบต่อภาพธุรกิจอย่างแรง จึงต้องมองตลาดภายในประเทศแทน แต่ก็เติบโตไม่หวือหวา
อย่างไรก็ตามหากผ่านพ้นวิกฤติโควิดเชื่อว่าธุรกิจบ้านผู้สูงอายุจะเติบโตเฟื่องฟู
เพราะชาวต่างชาติวัยเกษียณ ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น สแกนดิเนเวียและออสเตรเลีย ยังชื่นชอบประเทศไทย
เพราะมีภูมิอากาศไม่เป็นภัยต่อผู้สูงอายุ ไม่ได้หนาวจัด
ฤดูกาลของไทยค่อนข้างเสถียรภาพเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ
ชูฟังก์ชั่นสุขภาพเป็นจุดขาย
ตามหลักการตลาดแล้วคุณพิศาล
บอกว่า การบริหารบ้านผู้สูงอายุจะมีรูปแบบของมันอยู่ว่าจะต้องมีการบริการแบบไหน แต่ที่สำคัญต้องสร้างบ้านผู้สูงอายุหลากหลาย
ครอบคลุมความต้องการของลูกค้า ควบคู่กับด้านสุขภาพเป็นจุดขาย ซึ่งที่ต่างประเทศจะแบ่งออกเป็น
3 ระดับด้วยกัน
1. ระดับที่ไม่ได้ติดเตียง
ไม่ได้ต้องการการดูแลมากนัก
2. ระดับที่ช่วยตัวเองไม่ได้
3.
ระดับที่ต้องไปอยู่โรงพยาบาล
ดังนั้นใน 3
ระดับดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยจะทำจากระดับแรกก่อน คือ ผู้สูงอายุที่ช่วยตัวเองได้
เพิ่งเกษียณใหม่ๆ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสุขภาพมากนัก
แต่จากนั้นก็จะต้องพัฒนาสู่ระดับที่ 2 คือ
ผู้สูงอายุที่อาจช่วยเหลือตัวเองไม่ได้มาก แต่ว่ายังไม่ถึงขั้นไปนอนโรงพยาบาล
เป็นเพียงผู้ป่วยติดเตียง โดยทั้ง 2
ระดับนี้ผู้บริหารต้องมีความรู้ความสามารถในเรื่องการบริหารการบริการผู้สูงอายุ
ทั้งการดูแลทั่วไปและจัดกิจกรรม ส่วนระดับที่ 3 ต้องไปร่วมกับโรงพยาบาลดูแลด้านที่พักอาศัยซึ่งผู้ประกอบการชาวไทยยังไม่ถนัด
ทิศทางในอนาคตของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยนั้น การพัฒนาบ้านเป็นที่พักอาศัยไม่ใช่แค่เรื่องสร้างบ้านที่เน้นจับกลุ่มลูกค้าวัยทำงานอย่างเดียว ต้องมองถึงกลุ่มผู้สูงอายุด้วย เมื่อโรคโควิดผ่านพ้นไป ทั่วโลกเปิดน่านฟ้าได้เต็มศักยภาพ จึงเป็นโอกาสทองที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อม เรียนรู้ให้เชี่ยวชาญ หากต้องการเป็นผู้นำตลาดก่อนเข้าไปปักหมุดชิงตลาดธุรกิจบ้านผู้สูงอายุทั้งชาวไทยและต่างชาติวัยเกษียณที่มีแนวโน้มแข่งขันดุเดือดไม่น้อย