“อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์)” กับนวัตกรรมไทยที่เปลี่ยนขยะให้เป็นโอกาส

SME in Focus
24/09/2025
รับชมแล้วทั้งหมด 1 คน
“อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์)” กับนวัตกรรมไทยที่เปลี่ยนขยะให้เป็นโอกาส
banner

ทุกเช้าที่รถขยะเคลื่อนผ่านตรอกซอกซอยของกรุงเทพฯ ภาพที่หลายคนเห็นอาจเป็นเรื่องคุ้นตา จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่ในความเป็นจริง ขยะที่กองอยู่ในถังเหล่านั้นคือภาพสะท้อนของความท้าทายเชิงโครงสร้างของประเทศ เพราะเบื้องหลังการเก็บกวาดแต่ละครั้ง ไม่ได้จบเพียงการขนไปทิ้ง แต่ยังหมายถึงต้นทุน มลพิษ และก๊าซเรือนกระจกที่ค่อย ๆ สะสมจนกลายเป็นปัญหาระดับโลก  

ทว่า ใครจะเป็นคนเปลี่ยนโจทย์ “ขยะ” จากสิ่งที่ทุกคนพยายามผลักไส ให้กลายเป็น “ทรัพยากรใหม่” ที่สร้างทั้งกำไรและคุณค่าทางสังคม?

นี่คือจุดยืนที่ “บริษัท อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) จำกัด” เลือกเดิน พวกเขามองเห็นว่า เบื้องหลังหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ อาจซ่อนคำตอบสำหรับอนาคตทางธุรกิจที่ยั่งยืน ไม่เพียงแต่แก้โจทย์ด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างระบบนิเวศที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ ชุมชน หรือสังคม ต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกัน

จุดเริ่มต้นจากงานวิจัย สู่ธุรกิจที่จัดการขยะได้จริง

 คุณไก่ ศุภฤกษ์ จิระกิตติดุลย์ ผู้ก่อตั้งอินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) เริ่มต้นจากการทำงานร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ เมื่อราว 6-7 ปีก่อน จนนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมเครื่องกำจัดเศษอาหาร โดยจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อผลงานชิ้นนี้ถูกนำเสนอในการประกวดรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2560 (National Innovation Awards 2017) ภายใต้การสนับสนุนของ NIA (National Innovation Agency) และสามารถคว้ารางวัลพระราชทานในประเภทนวัตกรรมเพื่อสังคม (Social Innovation) มาครอง



คุณไก่อธิบายว่า “ตอนแรกเราทำในลักษณะโครงการที่อยากจะทำ ไม่ได้คิดว่าต้องเป็นธุรกิจ แต่ด้วยผลงานเป็นที่ยอมรับ เราจึงตัดสินใจจดทะเบียนบริษัทเพื่อต่อยอดธุรกิจออกสู่ตลาดจริง” 

จากจุดเริ่มต้นดังกล่าว อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) จึงก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาโซลูชันด้านการจัดการขยะที่ครอบคลุมทั้งบริการจัดการขยะครบวงจร และการจำหน่ายเครื่องจักรกำจัดเศษอาหาร ซึ่งเป็นการผสานระหว่างเทคโนโลยีชีวภาพและกระบวนการทางวิศวกรรมเข้าด้วยกัน 

โซลูชันของอินโนเวสท์ (ไทยแลนด์)

หนึ่งในนวัตกรรมที่โดดเด่นของอินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) คือ เครื่องกำจัดเศษอาหารที่ใช้จุลินทรีย์พิเศษ สามารถย่อยเศษอาหารได้เร็วกว่าปกติ ประมาณ 16 เท่า จากเดิมที่ต้องใช้เวลา 45–60 วัน กลายเป็นเหลือเพียง 24 ชั่วโมง พร้อมแปรสภาพออกมาเป็นทั้งปุ๋ยผงและน้ำหมักชีวภาพ (Effective Microorganisms: EM) ที่ใช้ต่อได้ทันที 

นวัตกรรมนี้ไม่เพียงโดดเด่นด้านความเร็ว แต่ยังได้รับการออกแบบให้รองรับเศษอาหารที่หลากหลาย ทั้งที่มีน้ำปน และ ในรุ่นเครื่องขนาดใหญ่ยังสามารถรองรับชิ้นส่วนแข็งอย่างกระดูก ซึ่งโดยปกติแล้วจะยากต่อการกำจัด จุดนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสะดวกขึ้น และลดปัญหาขยะตกค้างได้จริง 



นอกจากเครื่องกำจัดเศษอาหารแล้ว อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) ยังพัฒนาบริการจัดการขยะครบวงจร โดยทีมงานจะเข้าไปสำรวจปัญหาขององค์กร แล้วออกแบบระบบแยกขยะอย่างน้อย 4 ประเภท (ขยะเศษอาหาร ขยะรีไซเคิล ขยะนอนรีไซเคิล และขยะอันตราย) รวมถึงให้ความรู้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น พนักงาน ร้านค้า และผู้เช่าอาคาร

“เราไม่ได้บอกแค่ให้ทุกคนแยกขยะ แต่จะออกแบบระบบมาให้เขาได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น ลดค่าส่วนกลาง หรือสะสมแต้มเป็นรีวอร์ด เพื่อให้การแยกขยะกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร” 

โมเดลดังกล่าวถูกนำไปใช้แล้วในหลายกรณี ตั้งแต่สำนักงานจนถึงสนามบิน ซึ่งต้องมีการจัดการขยะวันละหลายตัน และอินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) ก็สามารถออกแบบระบบเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย Zero Waste to Landfill ได้สำเร็จ 



บทพิสูจน์ของการจัดการขยะในสเกลใหญ่

ตลอดระยะเวลาการดำเนินงาน อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) ได้จัดการขยะรวมแล้ว 157 ตัน ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 398 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คุณไก่อธิบายว่า หากเปรียบในเชิงสิ่งแวดล้อม ก็เสมือนการปลูกป่ากว่า 100 ไร่ เพราะการจัดการขยะที่ถูกต้องช่วยลดก๊าซเรือนกระจกโดยตรง



“ปกติเราจะเทียบกับการปลูกป่า 1 ไร่ ที่ดูดซับคาร์บอน 1 ตันต่อปี ดังนั้น การจัดการขยะ 100 ตันก็คือการปลูกป่า 100 ไร่” 

ตัวเลขนี้ไม่เพียงบ่งบอกถึงศักยภาพของนวัตกรรม แต่ยังแสดงให้เห็นว่าการจัดการที่ดีสามารถขยายผลไปสู่โครงการสเกลใหญ่ได้จริง โดยหนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีปริมาณขยะมหาศาลกว่า 70 ตันต่อวัน และอินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) ก็ได้รับความไว้วางใจเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปดูแลระบบขยะภายในพื้นที่ ชี้ชัดว่าโซลูชันที่พัฒนาขึ้นมา สามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในองค์กรขนาดใหญ่

มุ่งสร้างคุณค่าให้สิ่งแวดล้อม ธุรกิจ และสังคม

สิ่งที่อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) ทำ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การจัดการขยะให้ถูกวิธี แต่ยังสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น

  • สิ่งแวดล้อม: การจัดการขยะที่ถูกต้องช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเชื่อมโยงกับเป้าหมาย Net Zero ขององค์กร

  • ธุรกิจ: ลูกค้าในอุตสาหกรรมโรงแรมที่เลือกใช้โซลูชันของอินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) สามารถยกระดับมาตรฐาน Green Leaf (การรับรองด้านสิ่งแวดล้อมที่โรงแรมต้องผ่านเกณฑ์การจัดการต่าง ๆ รวมถึงการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ) สร้างความมั่นใจต่อลูกค้าต่างชาติที่มองหาที่พักที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

  • สังคมและชุมชน: ขยะอินทรีย์ที่ผ่านกระบวนการย่อยสลายถูกแปรรูปเป็นสารปรับปรุงดินและปุ๋ยน้ำ เพื่อนำกลับไปใช้ในภาคเกษตร ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประโยชน์ให้เกษตรกร 

ต่อยอดนวัตกรรม สู่โอกาสในอนาคต

นอกจากการจัดการเศษอาหารและขยะทั่วไปแล้ว อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) ยังขยายแนวทางสู่การแก้ปัญหา “ผักตบชวา” ซึ่งมีปริมาณมากกว่า 50,000 ตันต่อปี สร้างปัญหากีดขวางทางน้ำในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะเขื่อนเจ้าพระยา โดยแนวคิดของคุณไก่คือ การนำเครื่องจักรไปตั้งริมตลิ่ง ย่อยผักตบชวาให้กลายเป็นปุ๋ยผงและปุ๋ยน้ำ ผลลัพธ์ที่ได้คือสามารถนำไปใช้ต่อในชุมชนเกษตรริมแม่น้ำได้ทันที 

โครงการดังกล่าวยังได้รับการออกแบบให้เชื่อมโยงกับโมเดล Circular Economy และต่อยอดไปสู่ Carbon Credit เนื่องจากการย่อยขยะอินทรีย์ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสามารถนำผลลัพธ์ Verify เป็น Carbon Credit เพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนขององค์กรได้จริง โดยคุณไก่กล่าวว่า

“ตอนนี้เรากำลังทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ เพื่อ Verify Carbon Credit จากการจัดการขยะ ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่ทั้งในตลาดไทยและตลาดโลก” 


มุมมองนี้สอดคล้องกับเทรนด์ระดับสากล ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมาย Net Zero, ESG หรือแม้แต่การเข้าถึง Green Loan ผ่านเกณฑ์ Taxonomy ที่เริ่มได้รับการผลักดันในประเทศไทย การจัดการขยะจึงไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ยังกลายเป็น “เงื่อนไขใหม่ทางธุรกิจ” ที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมพร้อม 


“ขยะไม่ใช่ปัญหา แต่คือทรัพยากรใหม่ของ SME”


สิ่งที่อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน คือ “ขยะ” ไม่ได้เป็นเพียงภาระของธุรกิจหรือสังคมอีกต่อไป แต่สามารถถูกพลิกให้กลายเป็นทรัพยากรที่สร้างคุณค่าได้จริง ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก มิติธุรกิจที่สนับสนุนองค์กรให้ก้าวสู่มาตรฐานด้านความยั่งยืน และมิติสังคมที่เกษตรกรและชุมชนได้รับประโยชน์โดยตรง

สำหรับ SME ไทย บทเรียนจากอินโนเวสท์ (ไทยแลนด์) คือการมองความยั่งยืนเป็นกลยุทธ์ธุรกิจในอนาคต ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และเชื่อมโยงกับแนวโน้มระดับโลกอย่าง Net Zero, ESG และ Circular Economy ได้อย่างเป็นรูปธรรม


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

“หัวปลาช่องนนทรี” สืบทอดธุรกิจครอบครัวด้วย DNA ดั้งเดิม พร้อมสร้างระบบใหม่ที่แข็งแรง

“หัวปลาช่องนนทรี” สืบทอดธุรกิจครอบครัวด้วย DNA ดั้งเดิม พร้อมสร้างระบบใหม่ที่แข็งแรง

ธุรกิจครอบครัวไทยหลายแห่งถือกำเนิดขึ้นจากความขยันและความมุ่งมั่นของรุ่นแรก ทว่าการจะรักษาธุรกิจให้สามารถยืนหยัดได้อย่างต่อเนื่อง และก้าวสู่การเติบโตในรุ่นถัดไปได้นั้นกลับเป็นโจทย์ที่ยากยิ่งกว่า…
pin
1 | 26/09/2025
“อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์)” กับนวัตกรรมไทยที่เปลี่ยนขยะให้เป็นโอกาส

“อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์)” กับนวัตกรรมไทยที่เปลี่ยนขยะให้เป็นโอกาส

ทุกเช้าที่รถขยะเคลื่อนผ่านตรอกซอกซอยของกรุงเทพฯ ภาพที่หลายคนเห็นอาจเป็นเรื่องคุ้นตา จนเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน แต่ในความเป็นจริง…
pin
2 | 24/09/2025
“พสุธารา” เปลี่ยนแพสชันเล็ก ๆ เป็นผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมเกษตร

“พสุธารา” เปลี่ยนแพสชันเล็ก ๆ เป็นผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมเกษตร

หลายครั้ง จุดเปลี่ยนของชีวิตไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ใหญ่โต แต่อาจเริ่มต้นจากสัญญาณเล็ก ๆ ที่ทำให้เราหันกลับมาทบทวนการใช้ชีวิตของตัวเอง สำหรับ…
pin
3 | 19/09/2025
“อินโนเวสท์ (ไทยแลนด์)” กับนวัตกรรมไทยที่เปลี่ยนขยะให้เป็นโอกาส