วิเคราะห์ “ต้นทุนแฝง” ของธุรกิจที่ไม่ทำ ESG: ความเสี่ยงที่ SME มองข้ามไม่ได้ [2568]
ค่าใช้จ่ายที่แท้จริงของการทำธุรกิจในยุคนี้ อาจไม่ใช่ตัวเลขในงบการเงิน แต่คือต้นทุนแฝงจากการไม่ปรับตัวที่ค่อย ๆ กัดกินความสามารถในการแข่งขันและอนาคตของธุรกิจ
บทความนี้ไม่ใช่การบอกว่า ESG คืออะไร แต่คือเครื่องมือส่องความเสี่ยงที่จะพาคุณไปเจาะลึกต้นทุนแฝงใน 3 มิติสำคัญ เช่น การพลาดโอกาสเข้าถึงตลาดใหม่และนวัตกรรม การสูญเสียลูกค้า รวมถึงการเข้าไม่ถึงแหล่งทุน พร้อมทั้งมอบ Framework ให้คุณได้ลองประเมินความเสี่ยงของธุรกิจตัวเอง ไปจนถึงวิธีการเปลี่ยน “ต้นทุนแฝง” เป็น “แต้มต่อทางธุรกิจ”ต้นทุนแฝงคืออะไร? นิยามความเสี่ยงที่มากกว่าแค่ตัวเลขในบัญชี
ต้นทุนแฝง (Hidden Costs) หมายถึง ความเสียหาย ความเสี่ยง หรือค่าใช้จ่ายที่สูงเกินความจำเป็นซึ่งเกิดจากการที่ธุรกิจละเลยประเด็นด้าน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล) ซึ่งสามารถกัดกินกำไรและความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของธุรกิจ
เจาะลึก 3 ต้นทุนแฝงมหาศาลจากการ “ไม่ทำ” ESG
1. สูญเสียโอกาสการเข้าถึงตลาดใหม่และนวัตกรรมยั่งยืน
ต้นทุนแฝงของธุรกิจที่ไม่ได้ทำ ESG คือการสูญเสียโอกาสในการขยายสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่มีเงื่อนไขด้านความยั่งยืน ยิ่งในปัจจุบันที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น หากบริษัทละเลยประเด็นนี้ ก็มีโอกาสสูญเสียการสนับสนุนจากผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว รวมไปถึงการพลาดโอกาสสร้างนวัตกรรมจากโมเดลธุรกิจสีเขียวซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการลดต้นทุนและสร้างความแตกต่างในตลาด
2. การสูญเสียลูกค้าและบุคลากร (Loss of Customers & Talent)
ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ให้ความสำคัญกับคุณค่าของแบรนด์ หากแบรนด์เพิกเฉยต่อประเด็น ESG ก็มีแนวโน้มจะสูญเสียฐานลูกค้า อีกด้านหนึ่งคนเก่งหรือ Talent ชั้นนำในตลาดแรงงานก็ให้ความสำคัญกับการทำงานในองค์กรที่มีเป้าหมายสอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว การขาดทิศทางด้าน ESG อาจทำให้องค์กรไม่สามารถดึงดูดหรือรักษาบุคลากรคุณภาพไว้ได้ ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพและนวัตกรรมในระยะยาว ซึ่งปัจจัยนี้อาจเป็นต้นทุนแฝงของธุรกิจได้
3. การเข้าไม่ถึงแหล่งทุนและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น (Loss of Capital Access & Higher Cost of Capital)
สถาบันการเงินและธนาคารทั่วโลกเริ่มใช้เกณฑ์ ESG ในการพิจารณาสินเชื่อทำให้ธุรกิจมีต้นทุนแฝงในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน อาจกู้ยากขึ้นหรือถูกคิดอัตราดอกเบี้ยที่แพงกว่า เพราะถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงทางธุรกิจและกฎหมายในระยะยาวสูงกว่าคู่แข่งที่ทำ ESG

Framework ประเมินความเสี่ยง ESG ด้วยตัวเอง (ฉบับ SME)
วิธีประเมินความเสี่ยง: What if...? Scenario Analysis
What if...? Scenario Analysis คือ เครื่องมือการบริหารความเสี่ยง ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินงานขององค์กร โดยธุรกิจสามารถลองใช้ framework นี้ เพื่อถามตัวเองในแต่ละมิติของ ESGเพื่อดูว่าธุรกิจของคุณมีต้นทุนแฝงซ่อนอยู่ตรงไหน
E - Environment (สิ่งแวดล้อม):
What if...?
ถ้าวันหนึ่งภาครัฐออกกฎหมายควบคุมการปล่อยน้ำเสียเข้มงวดขึ้น ธุรกิจเราจะรับมืออย่างไรจะเกิดอะไร (Impact): ต้นทุนแฝงของธุรกิจสูง ถ้าธุรกิจยังไม่มีระบบตรวจสอบคุณภาพน้ำ ทำให้ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อปรับระบบบำบัดน้ำเสีย หรือซื้อเครื่องมือใหม่ที่ได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม
ประเมินความเสียหาย:
ค่าปรับจากการทำผิดกฎหมาย: ค่าปรับสูงสุดตามกฎหมายโรงงาน 200,000 บาท
ค่าลงทุนติดตั้งระบบบำบัดใหม่: ราคาติดตั้งระบบบำบัดน้ำครบวงจรขนาดกลางประมาณ 200,000–400,000 บาท
ต้นทุนการหยุดผลิต: การหยุดการผลิตเพื่อติดตั้งและทดสอบระบบใหม่ทำให้สูญเสียรายได้และกำไร และเกิดต้นทุนคงที่ที่ต้องจ่ายแม้จะไม่ได้ผลิตสินค้าออกมาเลย

S - Social (สังคม):
What if...?
ถ้ามีข่าวว่าสินค้าของเรามีสารตกค้างที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคหลุดออกไป ธุรกิจจะรับมืออย่างไรจะเกิดอะไร (Impact): ความเชื่อมั่นในแบรนด์ลดลงอย่างรวดเร็ว อาจถูกเรียกคืนสินค้า (Product Recall) หรือถูกถอดออกจากชั้นวาง และเกิดวิกฤตแบรนด์ (Brand Crisis)
ประเมินความเสียหาย: ต้นทุนแฝงของธุรกิจในกรณีดังกล่าวได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการเรียกคืนสินค้า (Product Recall) ยอดขายและกำไรที่เสียไปในระยะที่มีข่าวและหลังจากนั้น 3-6 เดือน ค่าใช้จ่ายในการจัดการวิกฤตหรือประชาสัมพันธ์ รวมไปถึงค่าปรับทางกฎหมายที่แตกต่างกันหากเป็นวัตถุอันตรายตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภคมีโทษปรับตั้งแต่ 50,000 - 500,000 บาท
G - Governance (ธรรมาภิบาล):
What if...?
ถ้าคู่ค้าหรือนักลงทุนขอตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของเรา แล้วพบว่าไม่โปร่งใสจะเกิดอะไร (Impact): สูญเสียคู่ค้าคนสำคัญทันที โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ที่มีนโยบายด้าน ESG ที่เข้มงวด อาจถูกถอดออกจากรายชื่อซัพพลายเออร์ และต้นทุนแฝงของธุรกิจที่สำคัญไม่แพ้กันคือเข้าไม่ถึงแหล่งทุนจากธนาคารหรือนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับธรรมาภิบาล
ประเมินความเสียหาย:
หากสูญเสียคู่ค้ารายใหญ่ที่มีสัญญาซื้อขายปีละ 500,000 บาท ธุรกิจจะสูญเสียรายได้ทันทีในปีนั้น รวมถึงต้องใช้เวลาและต้นทุนเพิ่มเติมเพื่อหาคู่ค้ารายใหม่ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์องค์กรในระยะยาว

แล้ว SME ต้องทำอะไร? : 3 ขั้นตอนแรกในการเปลี่ยน “ต้นทุนแฝง” เป็น “แต้มต่อทางธุรกิจ”
1. เริ่มต้นจากความโปร่งใส (Start with Transparency)
SME สามารถเปลี่ยนต้นทุนแฝง เช่น ค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่จากการดำเนินธุรกิจที่ไม่โปร่งใสให้กลายเป็นแต้มต่อทางธุรกิจได้ เพียงเริ่มต้นจากการเปิดเผยข้อมูลพื้นฐานอย่างโปร่งใสในการดำเนินงานซึ่งสิ่งที่ SME ทำได้ทันทีคือการเปิดเผยข้อมูลพื้นฐานเท่าที่ทำได้ เช่น การบอกแหล่งที่มาของวัตถุดิบหลัก หรือสื่อสารนโยบายต่อต้านการทุจริตที่ชัดเจน โดยแนวทางนี้จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและรักษาความต่อเนื่องของธุรกิจในห่วงโซ่อุปทาน
2. เลือกทำในสิ่งที่สร้าง Impact ที่สุด (Focus on Materiality)
SME ไม่จำเป็นต้องเริ่มทำทุกประเด็นด้านความยั่งยืนตั้งแต่แรก แต่สามารถเลือกประเด็นที่เกี่ยวข้องและมีผลกระทบต่อธุรกิจมากที่สุดมาทำก่อนได้ เพื่อหลีกเลี่ยงต้นทุนแฝงจากการดำเนินงาน หากธุรกิจมีการใช้พลังงานสูง ประเด็น ESG ที่สร้างผลกระทบสูงสุดคือ การลดการใช้พลังงาน (E-Environment) หากละเลยเรื่องนี้ ต้นทุนแฝงจากพลังงานที่ใช้ในรูปของค่าไฟที่สูงลิ่วจะกัดกินกำไรของธุรกิจไปเรื่อย ๆ
3. สื่อสารสิ่งที่ทำ ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน (Communicate Actions, Not Ambitions)
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ แต่การสื่อสารที่เน้นแค่ความตั้งใจจะกลายเป็นความเสี่ยงด้านชื่อเสียงได้ โดยสิ่งที่ SME ควรทำคือสื่อสารสิ่งที่ได้ลงมือทำไปแล้วแม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ ก็ตาม เช่น การเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์รีไซเคิลแล้ว 50% โดยการสื่อสารอย่างซื่อสัตย์และวัดผลได้ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี พร้อมพิสูจน์ให้ลูกค้าหรือนักลงทุนเห็นว่าธุรกิจลดความเสี่ยงจากการดำเนินงานและพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน

บทสรุป: การทำ ESG ไม่ใช่ “ค่าใช้จ่าย” แต่คือ “การซื้อประกัน” ให้อนาคตของธุรกิจ
เมื่อมองลึกลงไปต้นทุนแฝงจากการไม่ทำ ESG ไม่ได้เป็นเพียงความเสี่ยงทางภาพลักษณ์ แต่คือค่าใช้จ่ายจริงของธุรกิจและยังทำให้ SME สูญเสียโอกาสการเข้าถึงตลาดและนวัตกรรมใหม่ ๆ สูญเสียลูกค้าและบุคลากร ทั้งยังตัดโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนอีกด้วย ดังนั้น การทำ ESG จึงไม่ใช่ค่าใช้จ่ายส่วนเกิน แต่คือการจัดการความเสี่ยงที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตในโลกที่ความยั่งยืนกลายเป็นมาตรฐานของการดำเนินธุรกิจ
สำหรับ SME แล้ว การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องใหญ่เพียงเริ่มจากความโปร่งใสในกระบวนการทำงาน การเลือกทำสิ่งที่มีผลต่อธุรกิจจริง และสื่อสารสิ่งที่ลงมือทำอย่างซื่อสัตย์ ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยน “ต้นทุนแฝง” ให้กลายเป็น “แต้มต่อทางการแข่งขัน” ที่ยั่งยืนในระยะยาวได้
ข้อมูลอ้างอิง
The Hidden Costs Of Unsustainable Project Practices สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 จาก https://www.forbes.com/councils/forbesbusinesscouncil/2025/04/22/the-hidden-costs-of-unsustainable-project-practices/
ESG ซ่อนอยู่ตรงไหนในงบการเงิน สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 จาก https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/668-hidden-esg-data-in-balance-sheet
ESG Risk ความเสี่ยงด้านความยั่งยืน สืบค้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 จาก https://setsustainability.com/page/esg-risk
ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดอัตราค่าปรับสำหรับการระบายน้ำทิ้งออกจากโรงงาน ที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ สืบค้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 จาก https://www.gem-thai.com/wp-content/uploads/2019/03/13.pdf
การดำเนินการเกี่ยวกับสินค้าที่อาจเป็นอันตราย สืบค้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2568 จาก
https://www.ocpb.go.th/news_view.php?nid=9763
![วิเคราะห์ “ต้นทุนแฝง” ของธุรกิจที่ไม่ทำ ESG: ความเสี่ยงที่ SME มองข้ามไม่ได้ [2568] วิเคราะห์ “ต้นทุนแฝง” ของธุรกิจที่ไม่ทำ ESG: ความเสี่ยงที่ SME มองข้ามไม่ได้ [2568]](https://admin.bangkokbanksme.com/uploads/topics/17619133583363.jpg?width=1100)
