ESG คืออะไร? เปิดคู่มือสร้างความยั่งยืน เพิ่มความได้เปรียบให้ธุรกิจ SME [อัปเดต 2025]
ในยุคที่การแข่งขันสูงและการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา การสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่คือทางรอด ESG จึงเป็น “กลยุทธ์สำคัญ” ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะ ESG Model คือหัวใจที่จะสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว
บทความนี้ จะพาผู้ประกอบการไปทำความรู้จักกับ ESG ในทุกมิติ พร้อมแนวทางการนำไปปรับใช้เพื่อยกระดับธุรกิจของคุณให้เติบโตไปอีกขั้น
ESG คืออะไร
ESG ย่อมาจาก Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) หมายถึง กรอบการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงมิติของความยั่งยืนและผลกระทบด้านจริยธรรม อันเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนและลูกค้าในปัจจุบัน ใช้เพื่อประเมินศักยภาพและความน่าเชื่อถือขององค์กร มีความเชื่อมโยงโดยตรงต่อขีดความสามารถในการแข่งขันและโอกาสในการได้รับการลงทุนในระดับโลกได้อีกด้วย
ทำไมผู้ประกอบการ SME ต้องให้ความสำคัญกับ ESG?
1. เพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อ
การปฏิบัติตามหลักการ ESG ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับสถาบันการเงินและนักลงทุน ทำให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อได้ง่ายขึ้น และการดำเนินงานตามหลักการ ESG ยังสอดคล้องกับแนวทางการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) ที่กำลังได้รับความนิยม ซึ่งเป็นการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านความยั่งยืน ทำให้ธุรกิจมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยเฉพาะสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนที่มีอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่พิเศษกว่าปกติ
2. สร้างความเชื่อมั่น มัดใจลูกค้าและคู่ค้า
การปฏิบัติตามหลัก ESG ช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า เพราะผู้บริโภคยุคใหม่ต้องการสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อโลกและผู้คน ทำให้ธุรกิจ SME มีโอกาสในการเข้าถึงและร่วมงานกับบริษัทขนาดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นเริ่มกำหนดให้คู่ค้าต้องมีมาตรฐาน ESG เพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน และ ESG Model ทำให้ธุรกิจขนาดเล็ก สามารถกลายเป็นพันธมิตรที่น่าเชื่อถือและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันตลอดจนรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจในระยะยาวได้
3. ดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพ (Talent Attraction & Retention)
การสำรวจของ Deloitte พบว่า ปัจจุบันพนักงานรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Millennials และ Gen Z ให้ความสำคัญกับการทำงานในองค์กรที่มีเป้าหมาย และค่านิยมที่สอดคล้องกับความเชื่อของพวกเขา การทำ ESG จึงมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาทำงาน และเพิ่มความพึงพอใจและรักษาพนักงานที่มีคุณภาพไว้ เพราะเมื่อพนักงานรู้สึกถึงคุณค่าและจุดมุ่งหมาย (Purpose and Pride) ของงานที่ทำ ไม่ใช่เพียงงานประจำทั่วไป ก็จะเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการรักษาพนักงานไว้ได้ในระยะยาว
4. บริหารจัดการความเสี่ยงและลดต้นทุนในระยะยาว
ESG ช่วยให้บริษัทสามารถประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยงที่ไม่ใช่แค่เรื่องการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ความเสี่ยงจากกฎหมายที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หรือปัญหาที่อาจเกิดกับพนักงาน ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจในระยะยาว
ESG มีอะไรบ้าง 3 องค์ประกอบหลักของ ESG ที่ธุรกิจต้องรู้
E - Environmental (สิ่งแวดล้อม): ธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม
มิติแรกใน ESG Model คือ มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ซึ่งหมายถึง การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ เช่น การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน การลดของเสียและรักษาทรัพยากร หรือการเลือกใช้แพ็กเกจจิง Eco-Friendly
เนื่องจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ ดังนั้น การตั้งเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน จึงไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” สำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต หากแต่เป็นสิ่งที่ธุรกิจ “จำเป็น” ต้องทำ
S - Social (สังคม): การดูแลพนักงานและชุมชน
มิติด้านสังคม (Social) เกี่ยวข้องกับเรื่องการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ตลอดจนให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของสังคมโดยภาพรวม เช่น เรื่องผลกระทบของบริษัทต่อชุมชน แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับแรงงาน ค่าจ้างที่ยุติธรรม การพัฒนาทักษะ หรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย การสร้างแนวปฏิบัติด้านสังคมที่ดี ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยสร้างชื่อเสียง แต่ยังทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากสังคมอีกด้วย
G - Governance (ธรรมาภิบาล): การบริหารจัดการอย่างโปร่งใส
ธรรมาภิบาลเป็นอีก มิติสำคัญที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการธุรกิจทั้งหมด ตั้งแต่การมีแนวทางในการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ชัดเจน การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมและปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำที่ให้ความสำคัญกับการลดความเสี่ยงทั้งด้านการเงินและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
แผนปฏิบัติการ: 4 ขั้นตอนเริ่มต้นทำ ESG สำหรับ SME
ขั้นตอนที่ 1: สำรวจธุรกิจและค้นหาจุดเริ่มต้น
เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจว่า ธุรกิจของเราเกี่ยวข้องกับมิติ ESG ในด้านใดบ้าง โดยไม่ต้องตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ทันที อาจลองมองดูที่กระบวนการทำงานในแต่ละวัน เช่น
E - Environmental (สิ่งแวดล้อม): สำรวจว่าทรัพยากรที่ใช้ว่ามีอะไรบ้าง เช่น ไฟฟ้า น้ำ กระดาษ และตรวจสอบถึงการสร้างขยะในแต่ละขั้นตอนการผลิต
S - Social (สังคม): ตรวจสอบแนวทางในการดูแลพนักงาน ความเหมาะสมของของสวัสดิการ วิธีการปฏิบัติต่อคู่ค้าและลูกค้า และการมีส่วนร่วมกับชุมชนรอบข้าง
G - Governance (ธรรมาภิบาล): วางระบบการบริหารจัดการธุรกิจให้มีความชัดเจน โปร่งใสในทุกๆด้านของการดำเนินงาน
การสำรวจนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการมองเห็นภาพรวมและหาจุดเริ่มต้นวางแผน ESG ที่เหมาะสมกับธุรกิจได้ ซึ่งอาจเป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ใกล้ตัว เช่น การลดการใช้พลังงานในออฟฟิศ หรือการจัดการขยะที่เกิดขึ้นในธุรกิจ
ขั้นตอนที่ 2: ตั้งเป้าหมาย ESG เล็ก ๆ ที่วัดผลได้
เมื่อทราบแล้วว่าควรเริ่มต้นจากจุดไหน เจ้าของธุรกิจสามารถเริ่มกำหนดเป้าหมาย ESG ที่เฉพาะเจาะจง (Specific) วัดผลได้ (Measurable) บรรลุผลได้จริง (Achievable) มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ (Relevant) และมีกรอบเวลาชัดเจน (Time-bound) หรือที่เรียกว่า SMART Goal เช่น
เป้าหมายด้าน E: ลดปริมาณการใช้กระดาษในสำนักงานลง 20% ภายใน 6 เดือน โดยเปลี่ยนมาใช้เอกสารดิจิทัลแทน
เป้าหมายด้าน S: ลงทุนกับการพัฒนาบุคลากรในระยะยาว จัดงบประมาณสำหรับการอบรมพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน สนับสนุนการเรียนรู้ออนไลน์ หรือส่งพนักงานไปร่วมงานสัมมนาที่เกี่ยวข้อง
เป้าหมายด้าน G: จัดทำนโยบายและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน และสื่อสารให้พนักงานรับทราบ
ขั้นตอนที่ 3: การดำเนินงานและการสื่อสารในองค์กร
ขั้นตอนต่อไปคือการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นจริง และหัวใจสำคัญอยู่ที่การเปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วม
สร้างความเข้าใจ: เริ่มต้นด้วยการอธิบายให้พนักงานเข้าใจว่าทำไมเรื่อง ESG ถึงสำคัญกับธุรกิจและตัวพวกเขาเอง ไม่ใช่แค่เรื่องของฝ่ายบริหาร แต่เป็นสิ่งที่จะช่วยให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง
ให้พนักงานมีส่วนร่วม: เปิดโอกาสให้พนักงานเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการต่าง ๆ เช่น การตั้งทีมรณรงค์ลดใช้พลังงาน การจัดกิจกรรมจิตอาสาทำความสะอาดชุมชน หรือการให้พนักงานเสนอไอเดียใหม่ ๆ ในการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เริ่มจากผู้นำ: ผู้บริหารควรเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติเรื่อง ESG อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริง
ขั้นตอนที่ 4: บอกเล่าเรื่องราวสู่ภายนอก
การสื่อสารเรื่องหลักการ ESG ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลักษณ์ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่เพิ่มความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับธุรกิจ การเปิดเผยสิ่งที่ทำอย่างโปร่งใสจะช่วยดึงดูดลูกค้า บุคลากร และคู่ค้าที่มีค่านิยมตรงกันเข้ามา
SME ควรเริ่มจากการสื่อสารในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและเข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องทำรายงานที่ซับซ้อนเหมือนบริษัทขนาดใหญ่ โดยมีแนวทางดังนี้
โซเชียลมีเดีย: ใช้ภาพถ่าย วิดีโอสั้น ๆ หรือข้อความที่กระชับเพื่อแสดงกิจกรรมที่ธุรกิจทำ เช่น การแยกขยะ การใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก หรือกิจกรรมเพื่อสังคมของพนักงาน
เว็บไซต์: สร้างหน้าเว็บเพจง่าย ๆ เพื่อสรุปนโยบายและเป้าหมาย ESG ของบริษัท รวมถึงอัปเดตความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ
ใช้ภาษาที่จริงใจ: เล่าเรื่องราวจากประสบการณ์จริงในการทำ ESG Model และใช้ภาษาที่สื่อถึงความตั้งใจ เพื่อให้ลูกค้าและคู่ค้าเห็นว่าธุรกิจทำเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังและสม่ำเสมอ
กรณีศึกษา: ตัวอย่างธุรกิจ SME ไทยที่เติบโตได้ ด้วยแนวคิด ESG
SELIC
บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาวอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทยที่มีประวัติยาวนาน และติดอันดับ ESG100 ซึ่งเป็นรายชื่อ 100 หลักทรัพย์จดทะเบียนในประเทศไทย ที่ได้รับการจัดอันดับโดยสถาบันไทยพัฒน์ว่ามีผลการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance) ควบคู่ไปกับผลประกอบการที่ดีตาม ESG Model ดังนี้
E - ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) SELIC มุ่งมั่นที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต โดยมีเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ชัดเจนในหลายด้าน
การจัดการพลังงาน: มีเป้าหมายลดการใช้ไฟฟ้า 5% ภายในปี 2026 และสามารถทำได้เกินเป้าหมายแล้วที่ 5.52% โดยมีการเปลี่ยนอุปกรณ์และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด
การจัดการน้ำ: มีเป้าหมายลดอัตราการใช้น้ำ 10% ภายในปี 2026 และทำได้ดีเกินเป้าหมายที่ 18.63% พร้อมทั้งมีระบบบำบัดน้ำเสียที่ได้มาตรฐาน
การจัดการของเสีย: ตั้งเป้าลดปริมาณของเสียที่ต้องนำไปฝังกลบและของเสียอันตรายลง 3% และมีการนำของเสียจากกาวกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตใหม่
S - ด้านสังคม (Social) SELIC ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในห่วงโซ่คุณค่า ทั้งพนักงาน คู่ค้า และชุมชน
สิทธิมนุษยชน: บริษัทยึดมั่นในหลักการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเท่าเทียม โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ และไม่มีข้อร้องเรียนด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การพัฒนาพนักงาน: ส่งเสริมการพัฒนาความรู้และทักษะของพนักงานผ่านการฝึกอบรม ทั้งในรูปแบบบังคับและการเรียนรู้ในระหว่างการปฏิบัติงาน (On-the-job Training)
ความปลอดภัยในการทำงาน: มีเป้าหมาย “อุบัติเหตุเป็นศูนย์” โดยให้ความสำคัญกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน
การมีส่วนร่วมกับชุมชน: เข้าร่วมและสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมและชุมชนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ใกล้เคียง
G - ด้านการกำกับดูแลกิจการ (Governance) บริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
หลักธรรมาภิบาล: ยึดมั่นในหลักความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความรับผิดชอบ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การบริหารความเสี่ยง: มีการจัดตั้งระบบการควบคุมภายใน การตรวจสอบภายใน และการบริหารความเสี่ยง เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างคุณค่าในห่วงโซ่: มุ่งมั่นสร้างคุณค่าเชิงบวกให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
บทสรุป: ESG กลยุทธ์สร้างภูมิคุ้มกันให้ธุรกิจในอนาคต
หลักการ ESG ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป และยังเป็นประโยชน์ต่อ SME อีกด้วย เช่น การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและคู่ค้า รักษาพนักงานเก่าและดึงดูดบุคลากรใหม่ ๆ เข้ามาในบริษัท และยังช่วยลดความเสี่ยงทางธุรกิจและต้นทุนในระยะยาวอีกด้วย โดย SME ที่สนใจสามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการสำรวจธุรกิจของตน วางเป้าหมายที่จับต้องได้ และลงมือปฏิบัติ จากนั้นสื่อสารให้ลูกค้าหรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรับรู้
ขณะที่ SELIC บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาวอุตสาหกรรมรายใหญ่ของไทยที่ติดอันดับ ESG100 สามารถนำหลักการ ESG มาปฏิบัติได้จริง ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่ว่าจะเป็นการลดการใช้พลังงานและน้ำเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ การพัฒนาความรู้และทักษะของพนักงาน ควบคู่กับการยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ทำให้เห็นว่า ESG ไม่ใช่ภาระ แต่คือการลงทุนที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ SME และเปิดโอกาสให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในโลกธุรกิจยุคใหม่
ข้อมูลอ้างอิง
ESG เพื่อธุรกิจไทยก้าวหน้าและยั่งยืน สืบค้นข้อมูลเมื่อ 27 สิงหาคม 2568 จาก https://www.ftpi.or.th/2025/122302
What Are ESG Goals? And Why Do They Matter for Your Business?สืบค้นข้อมูลเมื่อ 27 สิงหาคม 2568 จาก https://constantenergy.net/blog/what-are-esg-goals-and-why-do-they-matter-for-your-business/
Workplace ESG: How ESG Factors Shape Employee Engagement สืบค้นข้อมูลเมื่อ 27 สิงหาคม 2568 จาก https://www.greatplacetowork.com/resources/blog/workplace-esg-environmental-social-governance-employee-experience
ESG and (out)sourcing: the success factor for suppliers in attracting and retaining clients สืบค้นข้อมูลเมื่อ 27 สิงหาคม 2568 จาก https://kpmg.com/nl/en/home/insights/2024/02/esg-and-out-sourcing-the-success-factor-for-suppliers-in-attracting-and-retaining-clients.html
เปิดความสำเร็จ SELIC จากอุตสาหกรรมเคมี สู่ความยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม| ? SME Successor Ep:21 สืบค้นข้อมูลเมื่อ 27 สิงหาคม 2568 จาก https://youtu.be/tvB-6vzOY-I?si=yhEc08D_44jAvzHE