เขียนธรรมนูญครอบครัวอย่างไร ให้การสืบทอดธุรกิจข้าม Gen ราบรื่น
Topic Summary: ธรรมนูญครอบครัวคืออะไร? เข้าใจความสำคัญในการช่วยลดความขัดแย้ง เพื่อวางแนวทางสืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่นอย่างราบรื่น พร้อมกรณีศึกษาความสำเร็จจากเครือเซ็นทรัล
Content Summary:
ธรรมนูญครอบครัว คือ คู่มือที่ช่วยวางกติกาในการทำงานร่วมกันระหว่างสมาชิกครอบครัว เพื่อให้การบริหารธุรกิจและการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นไปอย่างมีระบบ ลดความขัดแย้ง และสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน
วิธีจัดทำธรรมนูญครอบครัวที่มีประสิทธิภาพ ควรเริ่มต้นจากการเปิดใจ พูดคุยอย่างรอบด้าน และร่วมกันกำหนดแนวทางผ่าน Workshop หรือกระบวนการที่เป็นมิตร พร้อมมีที่ปรึกษาภายนอกช่วยให้เนื้อหาอยู่บนพื้นฐานทางกฎหมายและความเป็นจริงของธุรกิจ
ตัวอย่างจากตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของเครือเซ็นทรัล สะท้อนถึงข้อดีของการมีธรรมนูญครอบครัวที่ชัดเจน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว และสามารถส่งต่อความสำเร็จข้ามเจเนอเรชันได้อย่างยั่งยืน
ธรรมนูญครอบครัว คือ เอกสารที่เปรียบเสมือนคู่มือของครอบครัวที่ทำธุรกิจร่วมกัน โดยกำหนดหลักเกณฑ์ ข้อตกลง และแนวทางการดำเนินงาน เพื่อป้องกันความขัดแย้ง และสร้างความเข้าใจร่วมกันทั้งในด้านความสัมพันธ์ภายในครอบครัว และการดำเนินธุรกิจให้มีความต่อเนื่องระหว่างรุ่นสู่รุ่น
ผลการวิจัยของ สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์ ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ระบุว่า ปัจจุบัน 80% ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศไทยเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งพบว่าปัญหาส่วนใหญ่ที่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงักหรือไม่สามารถส่งต่อได้อย่างราบรื่น มักเกิดจากความขัดแย้งภายในครอบครัว หรือการขาดแผนการสืบทอดที่ชัดเจน การจัดทำธรรมนูญครอบครัวจึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความชัดเจนและวางหลักการที่ทุกคนสามารถยึดถือร่วมกัน
วิธีจัดทำธรรมนูญครอบครัว ควรเริ่มจากตรงไหนดี?
การเริ่มต้นเขียนธรรมนูญครอบครัวไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการวางแผนที่ดีและสื่อสารอย่างเปิดใจ โดยจุดเริ่มต้นที่เหมาะสมมีดังนี้
เปิดใจฟังเสียงทุกฝ่าย
ไม่ควรให้เพียงคนรุ่นก่อนกำหนดทิศทางแต่ฝ่ายเดียว แต่ควรให้ทุกเจเนอเรชัน ทั้งรุ่นพ่อแม่ ลูกหลาน หรือแม้แต่คู่สมรสของสมาชิกในครอบครัว ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน
ทำ Workshop ท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลาย
ควรหลีกเลี่ยงการพูดคุยในสถานการณ์ที่เคร่งเครียด แล้วหันมาใช้วิธีการจัด Workshop แบบ Retreat เช่น การไปต่างจังหวัดในรูปแบบการประชุมเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้สมาชิกกล้าเปิดใจ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้มากขึ้น
ใช้ที่ปรึกษาภายนอกเข้าช่วยร่างเอกสารธรรมนูญครอบครัว
การมีที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์ด้านการจัดทำธรรมนูญครอบครัวจะช่วยให้กระบวนการเป็นระบบ และสามารถนำแนวทางสากลมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของครอบครัวนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
6 ข้อที่จำเป็นต้องมีในธรรมนูญครอบครัวยุคใหม่
1. แยกโครงสร้างครอบครัวและธุรกิจให้ชัดเจน
กำหนด Family Tree (ผังเครือญาติ) ควบคู่กับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้เห็นบทบาทของแต่ละบุคคลอย่างชัดเจน และป้องกันการสับสนระหว่างความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตำแหน่งงาน ซึ่งการแยกโครงสร้างนี้จะช่วยให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความขัดแย้งภายในครอบครัว
2. เกณฑ์การเข้าทำงานในธุรกิจครอบครัว
การกำหนดเกณฑ์การเข้าทำงานในธุรกิจครอบครัวจะช่วยให้การแต่งตั้งตำแหน่งงานเป็นไปตามความสามารถและประสบการณ์ มากกว่าความสัมพันธ์ทางครอบครัว เช่น ต้องจบการศึกษาตรงสายที่เกี่ยวข้อง ต้องผ่านการทำงานนอกองค์กรอย่างน้อย 3 ปี หรือ ผ่านเกณฑ์การประเมินตามระบบ HR ของธุรกิจตนเองก่อน จึงจะมีสิทธิ์รับตำแหน่ง เพื่อป้องกันปัญหาการแต่งตั้งโดยอิงความสัมพันธ์มากกว่าความสามารถ
3. ระบบสวัสดิการและผลประโยชน์ภายในครอบครัว
สวัสดิการต่าง ๆ ในธุรกิจครอบครัว เช่น ค่าเล่าเรียนสำหรับบุตรหลาน ค่ารักษาพยาบาล สิทธิในการจัดงานสำคัญ ไปจนถึงเงินปันผล โบนัส หรือผลประโยชน์อื่น ๆ หากมีการกำหนดผลประโยชน์ให้ชัดเจนและเป็นธรรม จะช่วยสร้างความรู้สึกเท่าเทียม และลดความขัดแย้งภายในครอบครัว
4. บทบาทของบุคคลภายนอก
การกำหนดบทบาทของบุคคลภายนอก คู่สมรส (เขยหรือสะใภ้) ควรมีขอบเขตหรือบทบาทให้ชัดเจนเพื่อป้องกันปัญหาและความไม่แน่นอนในอนาคต เช่น ควรมีบทบาทในธุรกิจครอบครัวในระดับใด มีสิทธิในการตัดสินใจหรือรับทรัพย์สินจากธุรกิจครอบครัวหรือไม่
5. แนวทางการส่งต่อผู้นำ และการประเมินทายาท
การวางแผนส่งต่อผู้นำและการประเมินทายาท ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ขององค์กร จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ควรมีเกณฑ์การคัดเลือกผู้นำรุ่นใหม่ที่ไม่ยึดติดแค่ความเป็นลูกหลาน แต่พิจารณาจากวิสัยทัศน์ ความสามารถ และการยอมรับจากทุกฝ่าย พร้อมแนบขั้นตอนการเตรียมตัวเป็นทายาทธุรกิจไว้อย่างชัดเจน
6. ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อขัดแย้งเล็กน้อยลุกลามไปสู่การดำเนินคดีความ ธรรมนูญครอบครัวควรระบุแนวทางไกล่เกลี่ยอย่างมีระบบ โดยอาจรวมถึงการใช้กรรมการครอบครัวที่มีความเป็นกลาง หรือการเชิญบุคคลที่สามที่มีความเชี่ยวชาญในการไกล่เกลี่ยเข้ามาช่วยจัดการข้อขัดแย้ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว
Legal vs Emotional Binding: ธรรมนูญครอบครัวควรมีสถานะแบบใด?
สำหรับวิธีจัดทำธรรมนูญครอบครัว สามารถเลือกได้ทั้งแบบ Emotional Binding และ Legal Binding ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของครอบครัว โดยทั้งสองประเภทมีรายละเอียดดังนี้
1. ธรรมนูญครอบครัวแบบ Emotional Binding
เป็นวิธีจัดทำธรรมนูญครอบครัวที่สมาชิกร่างร่วมกันเอง แม้อาจไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แต่ก็จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและความรับผิดชอบร่วมกัน
2. ธรรมนูญครอบครัวแบบ Legal Binding
เป็นการจัดทำโดยมีทนายหรือที่ปรึกษากฎหมายเข้าร่วม เพื่อให้เอกสารมีผลในทางกฎหมาย สามารถใช้เป็นหลักฐานหรือแนวทางปฏิบัติได้อย่างชัดเจนหากเกิดข้อพิพาทในอนาคต มักเหมาะสำหรับธุรกิจครอบครัวที่มีขนาดใหญ่และมีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะธุรกิจที่มีสมาชิกครอบครัวหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการตัดสินใจ
อย่างไรก็ดี หากถามว่าธรรมนูญครอบครัวควรมีสถานะแบบใด คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละครอบครัว” หากครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น อยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจ และต้องการใช้ธรรมนูญเป็นเครื่องมือในการสื่อสารและสร้างความผูกพันร่วมกันแบบไม่เป็นทางการ รูปแบบ Emotional Binding จะตอบโจทย์ เพราะเน้นความสมัครใจ ความยืดหยุ่น และการมีส่วนร่วมของทุกคน
ในทางกลับกัน หากครอบครัวมีโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน มีผู้ถือหุ้นหลายราย หลายเจเนอเรชัน หรือมีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาทในอนาคต การเลือกจัดทำในรูปแบบ Legal Binding จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า เพราะมีผลบังคับทางกฎหมาย สามารถใช้เป็นแนวทางที่ชัดเจนเมื่อต้องการอ้างอิงหรือแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จริง
ทั้งนี้ แนวทางที่ดีที่สุดในการจัดทำธรรมนูญครอบครัว คือ การเริ่มต้นจาก Emotional Binding เพื่อเปิดใจและสร้างความเข้าใจ แล้วจึงค่อยพัฒนาไปสู่ Legal Binding หากครอบครัวพร้อมและเห็นความจำเป็นในระยะยาว
กรณีศึกษาธรรมนูญครอบครัว ตัวอย่างจากตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของเครือเซ็นทรัล
หนึ่งในกรณีศึกษาที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างแพร่หลายในแวดวงธุรกิจครอบครัว คือ ตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของเครือ เซ็นทรัล กรุ๊ป กลุ่มธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทยที่มีสมาชิกครอบครัวมากกว่า 200 คน กระจายบทบาทอยู่ในหลายตำแหน่ง ทั้งในเชิงบริหารและการเป็นผู้ถือหุ้น
เพื่อบริหารความซับซ้อนที่มาพร้อมกับขนาดขององค์กรและจำนวนสมาชิกครอบครัว เซ็นทรัล กรุ๊ป จึงได้จัดทำธรรมนูญครอบครัวขึ้นตั้งแต่ปี 2552 เพื่อเป็นกรอบในการจัดการทั้งมิติความสัมพันธ์และการถ่ายทอดอำนาจทางธุรกิจ
โครงสร้างที่ชัดเจนระหว่าง “ครอบครัว” และ “ธุรกิจ”
ธรรมนูญครอบครัวของ เซ็นทรัล กรุ๊ป ได้แยกบทบาทระหว่างสมาชิกครอบครัวและการบริหารองค์กรอย่างชัดเจน โดยมีการกำหนด Family Tree เพื่อแสดงโครงสร้างสายเลือดควบคู่กับ Business Structure เพื่อแสดงตำแหน่งหน้าที่และลำดับชั้นการบริหาร ซึ่งช่วยลดปัญหาการสับสนด้านอำนาจหน้าที่ และลดการแทรกแซงที่ไม่เหมาะสมจากสมาชิกที่ไม่ได้อยู่ในสายบริหารโดยตรง
การจัดตั้งคณะกรรมการครอบครัวเพื่อดูแลภาพรวม
อีกหนึ่งหัวใจหลักของธรรมนูญครอบครัว คือ การจัดตั้ง Family Council หรือคณะกรรมการครอบครัว ซึ่งทำหน้าที่เป็นกลไกเชื่อมโยงระหว่างครอบครัวและธุรกิจ มีหน้าที่หลักในการคัดเลือกผู้นำรุ่นต่อไป วางแนวทางสืบทอดอำนาจ รวมถึงดูแลเรื่องสวัสดิการและผลประโยชน์ร่วม เช่น เงินปันผล ค่ารักษาพยาบาล หรือกิจกรรมสำหรับสมาชิกครอบครัว
การประชุมครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาใจกลางของธุรกิจ
แม้จะมีโครงสร้างที่เป็นทางการ แต่สิ่งที่ เซ็นทรัล กรุ๊ป ไม่มองข้ามคือความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ธรรมนูญครอบครัวจึงได้ระบุให้มีการจัด Family Meeting อย่างต่อเนื่อง เช่น การประชุมปีละ 2 ครั้ง เพื่อสื่อสาร เปลี่ยนผ่านแนวคิด และรับฟังเสียงจากทุกช่วงวัย รวมถึง Workshop สร้างความเข้าใจและความสามัคคีในหมู่สมาชิก
ผลลัพธ์จากการใช้ธรรมนูญครอบครัว
จากการจัดทำธรรมนูญครอบครัวที่เป็นระบบ เซ็นทรัล กรุ๊ป สามารถบริหารจัดการการเปลี่ยนผ่านรุ่นผู้นำหลายครั้งได้อย่างราบรื่น โดยปัจจุบัน ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนโดยทายาทรุ่นที่ 3-4 ได้อย่างต่อเนื่อง และในขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในวงศ์ญาติ ซึ่งมักเป็นอุปสรรคสำคัญของหลายธุรกิจครอบครัวในไทย
กรณีศึกษานี้เป็นธรรมนูญครอบครัวตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นถึงข้อดีของธรรมนูญครอบครัวอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคงทางธุรกิจ การลดความขัดแย้งภายใน และการสร้างความต่อเนื่องในภาวะผู้นำ ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานว่า การวางแผนอย่างเป็นระบบตั้งแต่วันนี้ คือรากฐานของความยั่งยืนในอนาคต
บทสรุปและแนวทางสู่ความสำเร็จ
จะได้เห็นว่า ข้อดีธรรมนูญครอบครัว คือการวางรากฐานที่มั่นคงให้แก่ธุรกิจครอบครัว ไม่เพียงแต่ป้องกันความขัดแย้งเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสามัคคี เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของธุรกิจ
สำหรับธุรกิจครอบครัวที่ยังไม่มีธรรมนูญครอบครัว การเริ่มต้นไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดวิกฤต คุณสามารถเริ่มได้ทันทีจากก้าวเล็ก ๆ เช่น
เริ่มต้นด้วยการพูดคุย เปิดใจในหมู่สมาชิกครอบครัวเพื่อทำความเข้าใจในคุณค่า วิสัยทัศน์ และเป้าหมายร่วม
ตั้งคณะทำงานหรือกลุ่มตัวแทนครอบครัว เพื่อรวบรวมแนวคิด ร่างโครงสร้าง และออกแบบกติกาที่เหมาะสมกับบริบทของครอบครัว
การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจครอบครัว หรือ นักกฎหมายมาช่วยเป็นที่ปรึกษา เพื่อให้แนวทางที่วางไว้มีความเป็นกลาง ชัดเจน และสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ทดลองใช้ธรรมนูญในระดับเล็กก่อน เช่น การประชุมครอบครัวประจำปี หรือการตั้งคุณสมบัติสำหรับผู้ที่จะเข้ามาทำงานในธุรกิจครอบครัว แล้วค่อย ๆ พัฒนาเป็นธรรมนูญฉบับสมบูรณ์
และที่สำคัญที่สุดคือ การเปิดใจรับฟัง ความเคารพในความหลากหลาย และความร่วมมือระหว่างรุ่น เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ธรรมนูญครอบครัวไม่ใช่แค่เอกสารทางธุรกิจ แต่เป็นแนวทางที่จะนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนข้ามเจเนอเรชัน
ข้อมูลอ้างอิง
‘ธุรกิจครอบครัว ’ ดันมูลค่าระดมทุนไทย 7 ปี ทะลุ 1.6 ล้านล้าน. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1139255
SMART to Know: How to ร่างธรรมนูญครอบครัว. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.thaichamber.org/news/view/510/3648/smart-to-know:-how-to-ร่างธรรมนูญครอบครัว-
เปิด ‘ธรรมนูญเซ็นทรัล’ ย้อนรอย 7 ทศวรรษ เส้นทางบริหารกงสี 4 แสนล้าน และวิธีปกครอง ‘ตระกูลจิราธิวัฒน์’. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.brandbuffet.in.th/2019/09/story-of-family-council-central-group/