ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังวิตกกังวล
เรื่องของการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายทางสารคัดหลั่ง
ทั้งน้ำมูก น้ำลาย โดยเฉพาะการไอ จาม ซึ่งหลายครั้งก็ไม่อาจควบคุมหรือหลีกเลี่ยงได้ทัน
หน้ากากอนามัยเป็นเพียงปราการที่ป้องกันเชื้อเข้าสู่ร่างกายทางปาก
แต่หากเผลอหยิบจับอะไรที่มีเชื้อไวรัสติดอยู่แล้วยังนำมือที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดนั้นมาขยี้ตาหรือหยิบจับอาหารเข้าปาก
ก็ไม่พ้นต้องตกที่นั่งลำบาก
ดังนั้นการทำความสะอาดอุปกรณ์ ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญในสถานการณ์นี้ ยิ่งได้ทราบข้อมูลว่า การไอหรือจามเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้เกิดละอองที่แพร่กระจายไวรัสได้ถึง 3,000 จุด การดูแลความสะอาดอย่างทั่วถึงจึงจำเป็นมากยิ่งขึ้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ลูกค้ารุ่นใหม่มั่นใจในมืออาชีพ
Pain Point ดังกล่าวนับเป็นโอกาสของธุรกิจทำความสะอาด
ที่จะอาสาเข้าไปดูแลทำความสะอาดสิ่งต่างๆ ภายในบ้าน
เพื่อรองรับกลุ่มผู้มีกำลังซื้อที่ไม่อยากออกแรง
และต้องการความมั่นใจจากช่างทำความสะอาดมืออาชีพ
เป็นที่มาของธุรกิจทำความสะอาดและพ่นฆ่าเชื้อไวรัส
ซึ่งต่อยอดมาจากการดูแลรักษาความสะอาดแบบเดิมนั่นเอง
ธุรกิจบริการทำความสะอาดถึงบ้านอยู่ในเมืองไทยมานานแล้ว
โดยบ้านเรือนทั่วไป ออฟฟิศ สำนักงาน ก็จะมีแม่บ้าน
หรือบริษัทรับจัดการเรื่องนี้เป็นรายเดือน
หรืออาศัยบริการของบริษัทรับทำความสะอาดเป็นรายครั้ง โดยเฉลี่ยแล้วจะใช้เวลาทำความสะอาดประมาณ
2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ ตัวอย่างเช่น คอนโดมีเนียมขนาด 22-35
ตารางเมตร ราคา 550 บาทต่อครั้ง ขนาด 36-50 ตารางเมตร ราคา 650 บาทต่อครั้ง ขนาด 51-80
ตารางเมตร ราคา 850 บาทต่อครั้ง หากเป็นการใช้บริการเป็นแพ็กเกจก็จะมีราคาที่ถูกลงตามไปด้วย
ข้อดีของบริษัทรับทำความสะอาด
คือมาตรฐานการรับรองด้านความปลอดภัย ที่สร้างความน่าเชื่อถือและ
ความไว้วางใจให้กับลูกค้า
โดยผู้ที่เข้ามาสมัครเป็นผู้ทำความสะอาดกับบริษัทก็จะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการทำความสะอาด
และกฎระเบียบต่างๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อบริษัท
เชื้อเชิญสตาร์ทอัพหน้าใหม่เข้าสู่ตลาด
ด้วยสภาพการแข่งขันของบริการทำความสะอาด
หลายบริษัทจึงงัดหมัดเด็ดมาเสริมบริการในช่วงเวลาต่างๆ อาทิ การบริการกำจัดไรฝุ่น
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในช่วงก่อนหน้านี้
นอกจากนั้นการใช้ชีวิตยุคใหม่ที่คนไทยทั้งชายและหญิงต้องออกไปทำงานนอกบ้าน
ส่งผลให้ธุรกิจบริการทำความสะอาดมีการเติบโตขึ้น พร้อมสร้าง Startup หน้าใหม่ในธุรกิจ โดยอาศัยช่องทางอินเตอร์เป็นประตูที่เชื่อมต่อระหว่างบริการและลูกค้าได้อย่างสะดวก
ส่งผลให้มูลค่าของตลาดแรงงาน
“แม่บ้าน” 2.8 หมื่นล้านบาท มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าทุกปี
คิดเป็นการเติบโตมากกว่า 15% ด้วยจำนวนบริษัทที่มีอยู่ในตลาดกว่า 3,000 ราย
ฆ่าเชื้อไวรัสถึงบ้าน
สมรภูมิที่ยังหอมหวาน
และในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจบริการทำความสะอาดก็คึกคักขึ้นกว่าเก่า
เพราะเชื้อไวรัสคือตัวการร้ายที่ใครๆ ก็ต้องการหนีห่าง
ส่งผลบริษัทที่ให้บริการฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย มีการการเติบโตถึง 30% จากช่วงเวลาปกติ เนื่องจากบริการในลักษณะนี้
มีค่าบริการสูงกว่าการทำความสะอาดแบบทั่วไปมากกว่า 2 เท่าตัว
จากหลักร้อยสู่หลักพันบาทสำหรับบ้านเรือนทั่วไป
หากเป็นออฟฟิศขนาดใหญ่ราคาจะสูงไปถึงหลักแสนบาท
เนื่องจากตัวน้ำยาเป็นน้ำยาสำหรับฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในการฆ่าเชื้อพื้นผิว จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
ต้องใช้อุปกรณ์ฉีดพ่นละอองฝอยแบบละเอียด พร้อมผู้เชี่ยวชาญในการทำความสะอาด
อีกทั้งการทำงานในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
ก็ทำให้ผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องป้องกันตัวอย่างสูงขณะปฏิบัติหน้าที่
ส่งผลต่อต้นทุนที่เพิ่มสูงตามไปด้วย
ด้วยความเนื้อหอมของธุรกิจบริการทำความสะอาดและพ่นฆ่าเชื้อไวรัส ทำให้มีผู้เล่นรายใหญ่ในวงการค้าปลีกหลายรายเข้ามาในสนาม โดยนำเสนอบริการแบบครบวงจรมากขึ้น อาทิ บริการล้างแอร์ฆ่าเชื้อโรค, บริการพ่นเคลือบฆ่าไวรัสโควิด-19 บริการดูดไรฝุ่นที่นอน บริการล้างเครื่องซักผ้า บริการล้างแท้งค์น้ำ เป็นต้น
จึงเป็นโอกาสของ SMEs ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาอุปกรณ์
น้ำยาทำความสะอาด หรือบริการทำความสะอาด บริการพ่นฆ่าเชื้อไวรัส
หรือแม้แต่น้ำยาสำหรับการซักผ้า
และเช็ดทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
จากธุรกิจแม่บ้านถูกยกระดับมาเป็นธุรกิจของช่างทำความสะอาดมืออาชีพ โอกาสในวิกฤต ที่ใครคิดได้ คิดดี ก็โดดเด่นไปก่อนใคร