6 จุดแข็งที่ทำให้ธุรกิจความงามเกาหลีใต้ทะยานสู่ระดับโลก
เกาหลีใต้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็น
3 เท่าของไทย ซึ่งขับเคลื่อนประเทศด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และเวลาไม่ถึงทศวรรษจากที่เคยเป็นผู้ตาม ได้ปรับเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและดินแดนแห่งการสร้างสรรค์หลากหลายด้าน
ทุกวันนี้เกาหลีใต้ไม่เพียงมีจุดแข็งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี
แต่ยังมีความแข็งแกร่งในการผลิตคอนเทนต์ป้อนอุตสาหกรรมบันเทิงทั่วโลก
เริ่มตั้งแต่วงการศิลปิน K-Pop จากเดิมที่คนเอเชียจะก้าวเข้าสู่ระดับโลกไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งในช่วงปีนี้วงการ K-Pop ได้ก้าวไปไกลถึงเวทีโลก เช่น เมื่อประมาณมกราคม วง BTS กลุ่มศิลปินเกาหลีกลุ่มแรกที่มีโอกาสได้ขึ้นโชว์บนเวที Grammy Awards ฯลฯ และอีกหนึ่งเบื้องหลังที่ผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจไปไม่น้อยกว่าวงการ K-Pop และภาพยนตร์ซีรีส์เกาหลี ก็คือวงการอุตสาหกรรมความงาม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของของหลีใต้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
มูลค่าและการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามในเกาหลีใต้
ปัจจุบันเกาหลีใต้มีตลาดความงามขนาดใหญ่ติดอันดับ
10 ของโลก หรือประมาณ 2.9 เปอร์เซ็นต์ของตลาดโลกทั้งหมด
แม้ภายในประเทศดูเหมือนการเติบโตจะช้า เพราะมีให้เลือกหลากหลายแบรนด์
และผลิตภัณฑ์ออกใหม่เรื่อยๆ ไม่เว้นแต่ละวัน
แต่การเติบโตของการส่งออกกลับตรงกันข้าม
ด้วยประเทศเกาหลีใต้มีอัตราการส่งออกเติบโตในระดับสูง
หลากหลายแบรนด์ค่อนข้างประสบความสำเร็จในการตีตลาดประเทศอื่น
โดยเฉพาะในแถบเอเชียที่มีความนิยมใน K-Pop เป็นทุนเดิม เช่น
จีน ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน และไทย ฯลฯ
ในส่วนของมูลค่าโดยรวมของอุตสาหกรรมความงามเกาหลีใต้จากรายงานทั่วโลก
ปี 2561 พบว่า มีมูลค่ารวมสูงถึง 9.3 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสูงถึง 21.8 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2569 ไม่นับรวมในส่วนของบริการคลินิกความงามและศัลยกรรม
6 จุดแข็งของอุตสาหกรรมความงามเกาหลีใต้
1. จุดยืนที่แข็งแกร่ง เชื่อหรือไม่ว่า แม้ภายในตลาดความงามหลายแบรนด์จะเป็นคู่แข่งกัน
แต่หลายแบรนด์มักจะมีจุดยืนที่คล้ายกัน เช่น การเลือกใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ, บรรจุภัณฑ์สวยงามเป็นเอกลักษณ์, การใช้งานที่น่าสนใจเน้นไปที่หลักการ Skin-First มากกว่าปกปิดต่างจากฝั่งตะวันตก,
พยายามสื่อสารการดูแลผิวตามฉบับ K-beauty 10 ขั้นตอน จนผู้บริโภคเชื่อมั่นว่าหากดูแลครบ
10 ขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีเหมือนผิวของชาวเกาหลี
ส่งผลให้จุดยืนนั้นเป็นอีกหนึ่งภาพที่เสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมความงามเกาหลีใต้
2. การเลือกใช้ Influencers อย่างเหมาะสม ในขณะที่การตลาดของบ้านเราเลือกที่จะทำการตลาดแบบลุยกับผู้คนในประเทศ
โดยเน้นไปที่ Facebook และ Twitter
เสียส่วนใหญ่ ส่วนการตลาดของเกาหลีใต้มักจะเลือกทำการตลาดผ่าน Instagram
ให้ผู้คนในประเทศอื่นได้ติดตามข่าวสารอัปเดตเกี่ยวกับความงามได้ไวไม่แพ้กับคนในประเทศเกาหลี
และได้รับความน่าเชื่อถือ-มีอิทธิพลในการซื้อต่อผู้บริโภคพอสมควร
ไม่ว่าจะเป็นคนมีชื่อเสียงหรือไม่ก็ตาม
ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะการสื่อสารที่เน้นความจริงใจเป็นหลัก ชอบหรือไม่ชอบ
ดีหรือไม่ดีอย่างไร สามารถบอกได้หมด รวมถึงกำลังมีกฎหมายเพื่อควบคุม Influencer
ให้สื่อสารกับผู้บริโภคอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็น Sponsor หรือไม่
3. เลือกใช้นวัตกรรมใหม่เพื่อให้ผู้คนจดจำ อย่างที่หลายท่านทราบกันว่า
ภายในตลาดของเกาหลีใต้มีตลาดความงามที่ค่อนข้างใหญ่และมีมูลค่าสูง
แต่การแข่งขันขึ้นมายืนเหนือแบรนด์ทั่วไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ในแต่ละแบรนด์จึงต้องมีการผลักดันผลิตภัณฑ์ให้มีการใช้เทคโนโลยี-คุณภาพที่สูง ในราคาที่คุ้มค่ากับผู้บริโภคมากที่สุด
บางครั้งเลยมีคนกล่าวว่า วงการความงามของเกาหลีใต้ก้าวไปไกลกว่าตะวันตกแล้ว
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์บางประเภทเกาหลีมีใช้มาหลายปี แต่ชาวตะวันตกกลับเพิ่งรู้จัก เช่น
บีบีครีม สกินแคร์เมือกหอยทาก ฯลฯ และเท่าที่สังเกต แต่ละแบรนด์ของเกาหลีใต้ไม่เคยหยุดที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
เพื่อจุดประกายกระแสให้โลกใบนี้ได้ตื่นเต้นอยู่เสมอ
4. ทันสมัย รวดเร็วเสมอ โดยปกติแล้วแบรนด์ใหญ่ระดับโลกในโซนตะวันตก
มักจะใช้เวลาวางแผนการสร้างผลิตภัณฑ์และเปิดตัวไม่น้อยกว่า 6 เดือนขึ้นไป ทำให้ไม่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องของความทันสมัยหรือเทรนด์ใหม่ได้
เน้นตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนในระยะยาวมากกว่า ส่วนวงการเกาหลีที่มีนักการตลาด
นักวิทยาศาสตร์ โรงงานผลิต และคนทำงานในทุกภาคส่วน พร้อมที่จะทำงานอยู่ตลอดเวลา
จนบางครั้งเราจะเห็นการแข่งขันผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายกันในเวลาที่ใกล้กันได้ไม่ยาก
และผู้บริโภคสามารถจับต้องได้ในราคาคุ้มค่า
เพราะพวกเขาจะนำมาแข่งกันด้วยโปรโมชั่นแทน
5. ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคโดยไม่ให้รู้สึกว่าแบรนด์กำลังขาย
ส่วนหัวข้อนี้เชื่อว่า
มีหลากหลายแบรนด์จากหลากหลายประเทศที่กำลังทำอยู่ คือขายด้วยการไม่เน้นขาย
แต่เน้นให้ความรู้และข้อมูลกับผู้บริโภคมากกว่า
โดยการอธิบายผลิตภัณฑ์และการใช้ให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
รวมถึงการหาวิธีลดปัญหาที่กำลังกวนใจผู้บริโภคอยู่ ซึ่งพวกเขาต้องไม่รู้สึกว่าคุณกำลังขายพวกเขาอยู่
เช่น แบรนด์เครื่องสำอางบางแบรนด์ที่ทำวิดีโอสอนแต่งหน้าจากเครื่องสำอางในแบรนด์นั้นทั้งหมด
สอนแบบใช้เทคนิคจริง หากผู้บริโภคเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ตัวนั้นไปก็สามารถทำตามได้ ฯลฯ
6. กระแสเกาหลีที่มีต่อโลก ต้องยอมรับอีกข้อว่า
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้วงการอุตสาหกรรมความงามเกาหลีมาได้ไกล
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการแพร่กระจายของวัฒนธรรมเกาหลีใต้เอง
ไม่ว่าจะกระแสศิลปิน K-Pop, ซีรีส์ภาพยนตร์เกาหลี ไปจนถึงวัฒนธรรมอื่นๆ
ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ประเทศและผู้คนมีชื่อเสียงจนต่างชาติรู้จัก
รวมถึงอยากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามไอดอลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่เห็นและคาดหวัง
แม้ประเทศเกาหลีใต้จะเป็นประเทศที่ค่อนข้างใหม่
สำหรับการก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมความงามระดับโลก
แต่ในเรื่องของความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมที่ถูกพัฒนามาตลอดหลายทศวรรษ
รวมถึงอิทธิพลจากวัฒนธรรมเกาหลีใต้อื่นๆ ก็น่าจะเพียงพอที่ขับเคลื่อนให้ตลาด K-Beauty ก้าวในระดับสากลไปได้อีกไกล
ให้ผู้บริโภคแบบเราได้จินตนาการอยู่เสมอว่า วันพรุ่งนี้ เดือนหน้า หรือปีถัดไป
จะมีผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ๆ อะไรที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้นมาบ้าง