‘ไฟฟ้า’ พลังงานรูปหนึ่งที่มนุษย์นำมาใช้เป็นพลังงานสำหรับเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
ให้สามารถทำงานได้ ซึ่งในปัจจุบันล้วนต้องอาศัยพลังงานไฟฟ้าในการทำงาน จึงส่งผลให้
‘ไฟฟ้า’ กลายเป็นพลังงานที่มีความสำคัญที่มนุษย์แทบจะขาดไม่ได้เลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้นักวิจัยของสถาบันวิจัยด้านวัสดุศาสตร์และเทคโนโลยี (The Federal Institute for Material Science and Technology : Empa) ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อควบคุมการใช้พลังงานแบบอัตโนมัติสำหรับบ้านพักที่มีแหล่งผลิตไฟฟ้าจากแหล่งต่างๆ อาทิ แสงอาทิตย์ หรือมีแหล่งไฟฟ้าจากภายนอกที่หลากหลาย อาทิ ระบบจ่ายไฟฟ้าทั่วไป ปั๊มความร้อน และถังเก็บน้ำร้อนของท้องถิ่น รวมทั้งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่อาจมีไฟฟ้าเหลืออยู่หลังการใช้งานตลอดวัน
โดย AI จะเรียนรู้จังหวะการใช้ไฟฟ้าของผู้อยู่อาศัยและบริหารจัดการแหล่งไฟฟ้า เพื่อให้การใช้ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงสุดและลดค่าไฟฟ้าได้มากที่สุด ทั้งนี้ระบบ AI สามารถเรียนรู้การใช้พลังงานของผู้อยู่อาศัยแต่ละคนได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญตั้งโปรแกรม
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
การทดสอบจะแบ่งเป็น 2 ขั้น ในขั้นแรก นักวิจัยฯ
ได้จำลองระบบควบคุมผ่านคอมพิวเตอร์ โดยป้อนข้อมูลสภาพอากาศและอุณหภูมิภายในห้องของปีที่ผ่านมา
รวมถึงข้อมูลอัตราค่าไฟฟ้าที่แตกต่างกันโดยแบ่งเป็น 2 ช่วง
คือ ช่วงระหว่าง 08.00-20.00 น. ซึ่งค่าไฟฟ้าจะสูง
และช่วงกลางคืนซึ่งค่าไฟฟ้าจะถูกกว่า
โดยโจทย์คือการทำความอบอุ่นภายในห้องด้วยไฟฟ้าให้คงอุณหภูมิในระดับที่ต้องการ
พร้อมกับการจ่ายไฟให้แก่แท่นชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้อย่างน้อยร้อยละ
60 ในช่วงเวลากลางคืน โดยภายใต้การควบคุมด้วยระบบ AI
สามารถประหยัดพลังงานได้ร้อยละ 16
เมื่อเทียบกับระบบโปรแกรมธรรมดาที่ไม่มี AI
ในการทดสอบขั้นที่สอง นักวิจัยฯ ได้ทดลองระบบ AI ในอาคาร The Nest ของสถาบัน Empa โดยใช้อัลกอริทึมของ AI ควบคุมอุณหภูมิในห้องนอนของนักศึกษาห้องหนึ่ง
และใช้แบตเตอรี่ที่สามารถจัดเก็บไฟฟ้าขนาด 100 kWh จำลองเป็นแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผลการทดลองพบว่าตลอด 1 สัปดาห์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งมีสภาพอากาศหนาว
ระบบ AI ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าในการทำความอบอุ่นห้องทดลองได้กว่าร้อยละ
27 เมื่อเทียบกับระบบโปรแกรมธรรมดาที่ไม่มี AI
ขณะนี้ นักวิจัยฯ อยู่ระหว่างพัฒนาระบบ AI ให้สามารถขยายพื้นที่ครอบคลุมทั้งอาคารและเป็นการวางรากฐานสำหรับระบบที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
โดยขั้นทดลองเป็นไปเพื่อวางแบบบ้านสำหรับอนาคตที่รูปแบบเปลี่ยนแปลงไปตามความประสงค์ของมนุษย์
อีกทั้งต้องมีการปรับรถยนต์ไฟฟ้าให้รองรับกับระบบ AI ด้วย โดยปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าสามารถรับไฟฟ้าได้อย่างเดียวแต่ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้ากลับคืนได้
นอกจากนี้ สถาบัน Empa ร่วมกับสถาบัน Paul Scherrer
Institute (PSI)
ริเริ่มโครงการ SynFuels โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนการวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีสวิส
(ETH) เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่มีคุณภาพสูงที่สุดทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
การผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์จะใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากหลายแหล่ง
อาทิ ชีวมวล อากาศ หรือกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม
มาสังเคราะห์รวมกับไฮโดรเจนจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ผ่านตัวกลาง อาทิ ก๊าซมีเทน
คาร์บอนมอนออกไซด์ หรือเมทานอล ด้วยวิธีที่แตกต่างกัน
เพื่อให้ได้ส่วนผสมของเชื้อเพลิงสังเคราะห์เหลวที่มีคุณภาพสูงที่สุด
ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า
ก๊าซมีเทนเป็นไฮโดรคาร์บอนที่ผลิตจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และไฮโดรเจนได้ง่ายที่สุด
สถาบัน Empa เป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาการผลิตเชื้อเพลิงจากพลังงานหมุนเวียน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเชื้อเพลิงไฮโดรเจน โดยเป็นผู้ดำเนินโครงการก่อสร้างสถานีเติมไฮโดรเจนแห่งแรกในสวิตเซอร์แลนด์
มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเชื้อเพลิงสังเคราะห์แทนเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อใช้ในการคมนาคม
แหล่งอ้างอิง : กรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ