เทคนิคนายจ้าง วิธีจัดการทีมให้กระชับเข้ากับยุคสมัยใหม่
เนื่องจากเหตุการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้หลายๆ องค์กรต่างหาการรับมือ
หรือปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ รวมทั้ง New Normal
รูปแบบใหม่ทั้งการใช้ชีวิตและการทำธุรกิจ นั่นคือ การประหยัดงบประมาณ
และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด ส่งผลให้หลายๆ ที่ตัดบุคลากรหรือพนักงานออกไปเป็นจำนวนมาก
และหันมาใช้บริการเหล่า Freelance ที่ตอบโจทย์ได้จริง
รวมทั้งมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่ามาก
การทำแบบนี้อาจทำให้ SMEs เหล่านั้นได้รับงานที่ดี มีคุณภาพ
และลดค่าใช้จ่ายได้จริง แต่สิ่งที่เขาสูญเสียไปคือ
บุคลากรที่พร้อมจะช่วยเหลือองค์กรในยามที่ลำบาก
เพราะสุดท้ายหากคุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เดือดร้อน
พนักงานประจำจะคอยช่วยเหลือคุณ แม้พวกเขาจะได้รับผลกระทบด้านการเงินไปด้วยก็ตาม
ธุรกิจ SMEs ส่วนมากกำลังลังเลอยู่ว่าจะปรับลดพนักงานลง หรือจัดทีมยังไงให้เข้ากับยุคสมัยนี้ดี ซึ่งจริงๆ แล้วคุณมีหนทางอีกมากมายที่จะประคับประคองทั้งความสัมพันธ์ทั้งธุรกิจไปได้ และนี่คือตัวอย่างดีๆ จากองค์กระระดับประเทศที่มีการปรับตัวจัดทีมให้เข้ากับสถานการณ์โควิด-19 โดยไม่ลดพนักงานลงแม้แต่คนเดียว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
กลยุทธ์เด็ดที่ SCG ใช้ในการบริหารจัดการคน
ช่วงโควิด-19
นั้นมีธุรกิจมากมายได้รับผลกระทบโดยตรง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวกับวงการอสังหาริมทรัพย์อย่าง SCG ที่โครงการต่างๆ ถูกชะลอลง
และคนที่ตั้งใจจะปลูกบ้าน รวมถึงปลูกสร้างสิ่งต่างๆ กลับเปลี่ยนแผน ทำให้ SCG ขาดรายได้ไปมหาศาลในช่วงวิกฤตนี้ แต่เขาเองก็ไม่ได้ปรับลดพนักงานลง
เพียงแต่เขานำดิจิทัลเข้ามาเพื่อช่วยเหลือพนักงานเหล่านั้นแทน
SCG นำเทคโนโลยีต่างๆ
เข้ามาปรับใช้กับองค์กร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการช่วยเหลือให้พนักงานทำงานได้ง่ายขึ้นจาก Work from
Home วางระบบให้องค์กรติดต่อกันได้อย่างสะดวกสบาย รวมถึงการติดตั้งเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยให้ภาระการทำงานของพนักงานเบาลง
โดยเขายังคงสร้างความมั่นใจให้พนักงาน
สื่อสารให้ทุกคนรู้ว่าจุดประสงค์ของสิ่งเหล่านี้คือ
เพื่อประโยชน์ของทุกคนอย่างแท้จริง เพราะมันช่วยให้พวกเขาทำงานได้ง่ายขึ้น ดีขึ้น
เบาแรงไปได้เยอะขึ้น
การทำงานที่น้อยลง
ระบบเทคโนโลยีที่ดีขึ้น ช่วยให้ชีวิตของพนักงานทุกคนดีขึ้นได้เช่นกัน หลายๆ
คนจากที่ต้องทำงานจำนวนมากก็สามารถทำงานได้น้อยลง ในขณะเดียวกันเขาเลือกที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายจากส่วนอื่นๆ
ที่ไม่ใช่จากพนักงานลงแทน เช่น กิจกรรมที่ไม่จำเป็น และชะลอโครงการต่างๆ
เอาไว้จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
พิจารณาการลงทุนหรือใช้เงินในส่วนอื่นอย่างระมัดระวังที่สุด
ที่สำคัญที่สุดคือเขาจะใช้เม็ดเงินที่เก็บไว้
ในการลงทุนกับสิ่งที่มั่นใจจริงว่าจะสร้างรายได้ให้กับเขาในช่วงวิกฤตอย่างเต็มที่
เพื่อค้ำจุนองค์กรและบุคลากรให้ทุกคนสามารถทำงานต่อไปได้อย่างไม่ต้องโดนผลกระทบขั้นร้ายแรง
และถึงแม้การ Work from Home จะเกิดขึ้น แต่ SCG เองก็ยังมอบโปรแกรมเทรนนิ่งที่จะช่วยให้พนักงานสามารถเสริมทักษะอื่นๆ
ขณะอยู่ที่บ้านได้ และทำให้พวกเขาค้นพบทักษะ รวมถึงศักยภาพใหม่ๆ
ที่ซ่อนอยู่ข้างในตัว จนสามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจ
หรือนำไปสร้างรายได้ให้พวกเขาได้มากขึ้นอีกหนึ่งช่องทางด้วยเช่นกัน
AIS ดึงพนักงานกลับบ้าน
บริหารธุรกิจแบบ 50%
การไล่คนออกช่วงวิกฤต
ไม่ใช่ทางออกที่จะช่วยให้ธุรกิจคุณอยู่รอดเสมอไป เพราะสุดท้ายเมื่อธุรกิจเริ่มฟื้นกลับมา
คุณจะไม่เหลือใครที่คอยช่วยเหลือ และทุกคนจะไม่กล้าร่วมงานหรือเต็มที่กับคุณแน่นอน
เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
และวันไหนที่จะเป็นพวกเขาที่โดนไล่ออกแทน
ซึ่งทาง AIS จัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินช่วงโควิด-19
เกี่ยวกับบุคลากรไว้ ด้วยการแบ่งการทำงานของออฟฟิศให้มาทำงานแบบ 50% แทน โดยใช้แนวคิดแบบ Fit Fun Fair
นั่นคือการให้พนักงานสามารถเดินทางมาทำงานได้ภายใต้มาตรการคัดกรองขั้นสูง
และทำให้ช่วงนั้นพนักงานสามารถมีรายรับ พร้อมกับทำงานได้อย่างปลอดภัย
หัวใจสำคัญของการทำธุรกิจโดยแบ่งให้พนักงานมาวันเว้นวัน
หรือแบ่งเป็นชุด A ชุด B ให้ทำงานชุดละ 2 สัปดาห์ ซึ่งตรงนี้เหล่า SMEs
สามารถนำไปปรับใช้กับตัวเองเป็นไกด์เวลาเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นได้เช่นกัน
โดยแบ่งพนักงานออกเป็น 2 กลุ่มและสลับกันมาทำงาน ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายลงได้ในส่วนของบุคลากรลงครึ่งหนึ่งต่อเดือนเลยทีเดียว
วิธีนี้ดีกว่าการไล่พนักงานทุกคนออกไป
เพราะคุณยังคงช่วยเหลือพวกเขาไว้ ทำให้พวกเขามีรายรับ แม้จะลดน้อยลง
แต่ก็ยังมีงานที่มั่นคงทำ ในขณะที่ SMEs องค์กรของคุณเองก็ได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย
เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้เมื่อวิกฤตหมดไป คุณก็เริ่มทำงานต่อได้เลยทันที
กับพนักงานชุดเดิมที่รู้หน้าที่ตัวเองดีอยู่แล้วนั่นเอง
ภาพ https://www.workventure.com/
http://www.marketvillagehuahin.co.th/