บนโลกนี้ไม่มีอาจน้อยสิ่งที่เกิดขึ้นมาแบบสดใหม่ไม่เหมือนใครอย่างจริงแท้แน่นอน
แม้แต่เมล็ดพืชยังสืบทอดพันธุกรรมจากต้นแม่
ดังนั้นหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนต่อยอดมาจากสิ่งเก่าๆ
ในโลกของการทำธุรกิจก็เช่นกัน การจะเป็นผู้นำหนึ่งแบบไร้คู่แข่ง นั้นเป็นไปได้ยากพอๆ
กับการที่จะผลิตสินค้าที่ไม่มีใครสามารถทำซ้ำหรือลอกเลียนแบบขึ้นมาได้
หรือต่อให้ทำขึ้นมาได้ก็จะมีความเป็นเอกเทศน์แค่เพียงชั่วเวลาสั้นๆ ด้วยอีกไม่นานก็จะถูกลอกเลียนแบบและทำซ้ำโดยคนอื่นตามมา
เพราะนี่คือวงจรของโลกของสังคมมนุษย์ที่เกิดขึ้นได้จากการเรียนรู้สิ่งที่มีอยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้นเรื่องการทำธุรกิจ
การผลิตสินค้า แล้วมีคู่แข่งเกิดขึ้นในท้องตลาด
ชนิดที่ผลิตสินค้าแบบเดียวกันแล้วขายตัดราคาในสงครามตัดราคาจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก
เนื่องจากใครๆ ก็อยากมีพื้นที่ยืนทางตลาดให้แก่สินค้าตัวเอง
ซึ่งในบางครั้งบางทีอาจจะไม่ใช่แค่การเลี่ยงหลบเพื่อให้สินค้าตัวเองจบสวยเพียงเท่านั้น
เพราะหลายครั้งการที่จะจบสวยได้อาจต้องลงแข่งในสงครามตัดราคากับคู่แข่งด้วย
จึงจะทำให้รอดตายผ่านสถานการณ์มาได้โดยไม่ปิดประตูเจ๊งไปเสียก่อน
แล้วจะลงสนามสู้ศึกในสงครามตัดราคาครั้งนี้อย่างไรให้ win-win โดยที่เราไม่ต้องเป็นฝ่ายถือมีดเถือเนื้อตัวเองจนตายคาสนามจริงๆ หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์สินค้าที่เหมือนกับเจ้าอื่น การลงทุนหั่นราคาลงมาให้ต่ำกว่าก็มีแต่จะทำให้เสี่ยงต่อการปิดกิจการ และไม่สามารถสร้างความแตกต่างเพื่อหนีจากคู่แข่งได้ กลยุทธ์และชั้นเชิงทางการตลาดที่นำมาใช้รับมือเท่านั้นที่จะทำให้รอดจากสถานการณ์นี้ ซึ่งหนึ่งในไม้เด็ดที่ใช้สู้สงครามตัดราคาก็คือ กลยุทธ์การลดราคาล่อใจ (Loss Leader Pricing)
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
กลยุทธ์ลดราคาล่อใจ (Loss Leader Pricing)
กลยุทธ์หนึ่งที่ร้านค้าชั้นนำนิยมนำมาใช้ทำตลาดในการสู้ศึกสงครามราคา
โดยการลดราคาแบบเกือบแตะต้นทุนไปจนถึงยอมขาดทุน เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าชนิดนี้
ในขณะที่มีการเสนอขายสินค้าชนิดอื่นควบคู่ไปด้วย
เพื่อจะได้ทำกำไรจากสินค้าตัวอื่นแทนสินค้าตัวที่ตัดราคาลง
ด้วยการประเมินโอกาสเสนอขายสินค้าอื่นที่ทำกำไรได้จากมูลค่าของลูกค้าที่ได้มา (Net Customer Lifetime Value) ที่ต้องมีมากกว่ากำไรสินค้าที่เสียไป
ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในกลยุทธ์ตัดราคาล่อใจเพื่อแลกกำไรที่จะได้มา
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สินค้าเป็นตัวคัดกรองแบ่งแยกลูกค้า เนื่องจากลูกค้าธรรมดาจะซื้อสินค้าที่ตัดราคาและไม่ทำกำไร
ส่วนลูกค้าคุณภาพนอกจากจะซื้อสินค้าตัวที่ไม่ทำกำไรแล้ว ยังจะมีการซื้อสินค้าตัวอื่นเพิ่มเติมเป็นการเสริมกำไรให้แก่ผู้ประกอบการด้วย
โดยการตั้งราคาสินค้าตัวล่อให้ถูกลงไปจนคาดหวังเรื่องกำไรไม่ได้นั้น
จะเป็นการล่อใจและดึงดูดลูกค้าให้กลับมาซื้อซ้ำบ่อยครั้ง
จึงเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าอื่นโดยรวมเพิ่มขึ้นด้วย และเป็นตัวช่วยกีดกันคู่แข่งรายใหม่ที่จะเกิดขึ้นตามมา
จากการถูกบังคับด้วยกลไกลทางการตลาดให้ตั้งราคาสินค้าถูกตามไปด้วย
ฉะนั้นหากคู่แข่งสายป่านไม่ยาวพอ
ก็จะล้มหายตายจากไปจากระบบเอง ภายใต้การทำธุรกิจที่ไม่ควรยึดติดอยู่ที่สินค้าชิ้นเอกเพียงอย่างเดียว
แต่ควรเพิ่มความหลากหลายของสินค้าให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสที่จะเสนอขายสินค้าอื่นที่ทำกำไรในขณะที่มีโอกาส
และในสงครามราคาที่ห้ำหั่นกัน ก็ไม่ควรพลาดไปลดราคาสินค้าตัวพรีเมียมที่มีราคาแพงลง
จนอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าไปแล้วก่อนหน้า ถึงแม้จะต้องขายสินค้าตัวพรีเมียมออกไปให้ผู้คนรับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าหรือภาพลักษณ์ของแบรนด์แค่ไหน
ก็ไม่ควรใช้วิธีการลดราคา แต่ควรใช้วิธีแถมสินค้าตัวอื่นเพิ่มเติมเข้าไปแทนการลดราคา
เพราะตราบใดที่สินค้าของเราไม่มีความแตกต่างจากเจ้าอื่น
อย่างไรก็ตาม การลงทุนหั่นราคาลงมาก็ไม่ใช่หนทางที่จะประสบความสำเร็จได้เสมอไป เพราะในความเป็นจริงแล้วลูกค้าจะตัดสินใจซื้อจากตัวสินค้ามากกว่าราคาที่ลดลง แต่ยังประกอบด้วยปัจจัยที่หลากหลายและซับซ้อน