ดันไทยเป็นศูนย์กลาง Medical & Wellness Hub

SME Update
11/11/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 2984 คน
ดันไทยเป็นศูนย์กลาง Medical & Wellness Hub
banner

ประเทศไทยมีมนต์เสน่ห์มากมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหลงใหลฮิตเดินทางมาเยือนก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 เพราะไม่เพียงแต่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามอันซีน อาหารอร่อยเลิศรส และพหุวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะถิ่นของแต่ละภูมิภาคแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่กำลังจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เดินทางเยือนไทยปีละหลายล้านคน นั่นก็คือ การแพทย์และสุขภาพ (Medical & Wellness) แต่ภายหลังโรคโควิดคลี่คลายลง ประเทศไทยกำลังยกฐานะเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Medical & Wellness Hub) ของโลก

ไม่ใช่ความเพ้อฝันแต่เป็นเรื่องจริง เพราะจากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รวบรวมข้อมูลตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ระบุว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาใช้บริการดูแลสุขภาพและการบริการส่งเสริมสุขภาพ (Medical & Wellness) เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 สูงถึง 3.3 ล้านคน ซึ่งกลายเป็นคำถามตามมาว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงเลือกมาปักหมุดในประเทศไทย ซึ่งคำตอบที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความกระจ่างข้อสงสัย นั่นเป็นเพราะคุณภาพกับให้บริการทางการแพทย์และสุขภาพในราคาที่สมเหตุสมผลมากกว่าประเทศเอเชียคู่แข่งไทย

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีอีกหลายปัจจัยที่นักท่องเที่ยวใช้ประกอบการตัดสินใจมาไทย ทั้งชื่อเสียงในระดับนานาชาติที่ยกให้ระบบสาธารณสุขไทยติดอันดับ 1 ของเอเชียและอันดับที่ 6 ของโลกในการจัดการการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะอยู่ในวงจำกัดจนสถานการณ์คลี่ลาย เพราะความร่วมคนไทยทั้งประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยแล้วสบายใจ เพราะการเอาใจใส่และการอำนวยความสะดวกในการเข้าไปใช้บริการทางการแพทย์ในระดับเวิลด์คลาส อีกทั้งทักษะอันเชี่ยวชาญทางการแพทย์ และที่ปรึกษาในการดูแลสุขภาพดีเยี่ยมมาตรฐานโลกเช่นนี้ จึงกลายเป็นจุดมุ่งหมายปลายทางการท่องเที่ยวทางการแพทย์สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

10 จุดขายด้านบริการ Medical & Wellness Hub

ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่การให้บริการดูแลสุขภาพและการบริการส่งเสริมสุขภาพ (Medical & Wellness)ระดับโลก เพราะมี 10 จุดขายด้านบริการทางการแพทย์ ประกอบด้วย

1. เวชศาสตร์การฟื้นฟูสภาวะเสื่อมและการชะลอวัย

2. การแพทย์ทางเลือก

3. คาร์ดิโอ

4. กระดูกและกล้ามเนื้อ

5. คลินิกทันทตกรรม

6. การทำเด็กหลอดแก้ว

7. การรักษาโรคมะเร็ง

8. การศัลยกรรม

9. จักษุแพทย์ (ต้อ)

10. การรักษาแบบแม่นยำและจำเพาะ

ทั้งนี้ พบว่าบริการยอดฮิตที่นักท่องเที่ยวมองหามากที่สุด คือการดูแลทางการแพทย์ทั่วไปและการศัลยกรรม, ศัลยศาสตร์ออร์โทพีดิกส์ (กระดูก), การทำเด็กหลอดแก้ว และทันตกรรม ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลและสถาบันทางการแพทย์หลายๆ แห่งของไทย เริ่มมีการนำเทคโนโลยีมานำเสนอในการให้ดูแลสุขภาพกับนักท่องเที่ยวบ้างแล้ว ทั้งการประมวลผลทางดิจิทัล, เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI และเทคโนโลยี Big Data ในการช่วยเป็นที่ปรึกษาทางการแพท, วินิจฉัยโรค และการบริการทั้งหมด

เช่นเดียวกับในส่วนภาครัฐก็เข็นมาตรการต่างๆ มานำเสนอเพื่อดึงดูดใจและอำนวยความสะดวกในการให้บริการทางการแพทย์แก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาลที่ขยายเวลาการพำนัก และวีซ่าพำนักระยะยาวให้เพิ่มมากขึ้น โดยนำร่องนักท่องเที่ยวชาวจีนและกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโรคโควิดต่ำ หรืออยู่ระดับเดียวกันกับประเทศไทยสามารถมาพำนักในไทยได้อย่างน้อย 90 วัน

 

เมดิคอลทัวริซึ่ม ความหวังพลิกฟื้นธุรกิจท่องเที่ยวไทย

ภายหลังจากสถานการณ์โรคโควิดไทยคลี่คลาย กลายเป็นโอกาสสร้างธุรกิจท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ทั่วโลกถวิลหา เนื่องจากคู่แข่งเมดิคอลทัวริซึ่ม เช่น สิงคโปร์ เกาหลี อินเดีย  มาเลเซีย ต่างก็เพลี้ยงพล้ำจากการสกัดกั้นการแพร่ระบาดโรคโควิด ตรงข้ามกับประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นจากนานาชาติเกี่ยวกับมาตรการป้องกันโรคโควิดได้อย่างยอดเยี่ยม จึงกลายเป็น 1 ใน10 ประเทศทั่วโลกที่เป็นจุดขายในการดึงดูดนักท่องเที่ยวนานาชาติมาเยือน ตามนโยบายของรัฐบาลที่กำลังเปิดประเทศค่อยเป็นค่อยไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาเฟื่องฟู อีกทั้งยังจะสร้างแรงงาน สร้างรายได้ ตั้งแต่ห้องพักโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร และภาคบริการอื่นๆ โดยคาดว่าภายใน 5 ปี จะสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ตำกว่า 30,000 ล้านบาท

ตรงกับมุมมองของ นพ.เกรียงศักดิ์  หลิวจันทร์พัฒนา อดีตอาจารย์คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา บอกว่า เมดิคอลทัวริซึ่ม กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับประเทศไทย ช่วยสร้างรายได้ สร้างงาน ฟื้นฟูเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก  แม้ว่าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์เป็นของใหม่ของประเทศไทย แต่ประเทศไทยก็มีความพร้อมทุกด้านที่จะให้บริการนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนและประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดดึงดูดมาท่องเที่ยวไทยและภาคใต้

“ทุกวันนี้มีโรงพยาบาล ที่เข้าร่วมโครงการเมดิคอลทัวริซึ่ม เช่น โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลสงขลา และโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของเอกชนอีก 3 โรงพยาบาล รวม 6 โรงพยาบาล โดยคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งเป้าหมายการให้บริการปีแรกนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จากต่างชาติเฉพาะ จ.สงขลา ประมาณ 1,000 คนต่อเดือน วันละกว่า 30  คน แต่ละคนจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท  ภาพรวมเป็นเงินประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อปี  ซึ่งจะส่งผลเศรษฐกิจของ จ.สงขลา จะมีรายได้ประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อปี”

อย่างไรก็ตามโครงการเมดิคอลทัวริซึ่มใน จ.สงขลา ตั้งเป้าหมายไว้ภายในระยะ 5 ปี มาเที่ยวประมาณ 1,000 คนต่อวัน หรือประมาณ 30,000 คนต่อเดือน  หรือประมาณ 300,000 คนต่อต่อปี  ประมาณค่าใช้จ่าย 100,000 บาทต่อคน โดยภาพรวมรายได้ทั้งหมดประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี จากที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 30–40 ล้านคนต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับพรีเมียม ที่มีกำลังซื้อสูงที่ต้องการเข้ามาเพื่อมารักษาดูแลสุขภาพ  เช่น เข้ามาผ่าตัดหัวใจ ผ่าตัดหัวเข่า ผ่าตัดตา ต่อมลูกหมาก ศัลกรรมความงามสตรี สายตาสั้น และผสมเทียม โดยเฉพาะผสมเทียม โดยประเทศจีนมีความต้องการสูงมาก ทำให้กลายเป็นโอกาสของไทย

เชื่อว่าหากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมมือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วางยุทธศาสตร์ให้เกิดความสอดรับกัน เพื่อเร่งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Medical & Wellness Hub) ของโลกไม่ใช่เป็นเรื่องยาก เพราะตอนนี้ไทยมีความพร้อมทุกด้านเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 


สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<


7 วิธีกระตุ้นสมองให้ฉลาด ตื่นตัว อยู่เสมอ

8 อาชีพกระแสแรง งานดี อนาคตไกล


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

‘TikTok For All’ Update เทรนด์ใหม่ปี 2024 พร้อมกลยุทธ์เพิ่มโอกาส SME ไทยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

TikTok ตอกย้ำการเป็นแพลตฟอร์มเอนเตอร์เทนเมนต์ที่น่าเชื่อถือสำหรับทุกคน ทั้งครีเอเตอร์ คอมมูนิตี้ผู้ใช้งาน และธุรกิจทุกขนาดในไทย ด้วยการเปิดตัว…
pin
1364 | 14/02/2024
ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ทอดไม่ทิ้ง! เปลี่ยน ‘น้ำมันเหลือทิ้ง’ เป็น ‘น้ำมันเครื่องบิน’ โอกาสใหม่ SME ไทย เติบโตอย่างยั่งยืน

ขณะที่ยานพาหนะต่าง ๆ ทั้ง รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รถไฟ และเรือ ต่างมุ่งสู่การใช้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน ที่เป็นพลังงานสะอาดกันแล้ว แต่สำหรับการเดินทางโดยอากาศยาน…
pin
1739 | 26/01/2024
จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

จับกระแส 'เทรนด์ธุรกิจ' ปี 2024 ใครได้ไปต่อ ใครมาแรง SME ไทยต้องรู้

ปี 2024 นี้ ธุรกิจไหนมาแรง ธุรกิจไหนน่าจับตา เทรนด์ธุรกิจใดกำลังมาแรง Bangkok Bank SME สรุปมาไว้ในบทความนี้ เพื่อเป็นแนวทางแก่ SME และผู้ที่กำลังคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจทุกท่าน…
pin
1950 | 25/01/2024
ดันไทยเป็นศูนย์กลาง Medical & Wellness Hub