การสังเกตอาการเบื้องต้นจากความเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม อาจนำไปสู่การเจ็บป่วยที่รุนแรงได้ อาทิเช่น อาการปวดท้อง อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและมักมีความเกี่ยวพันกับอวัยวะภายใน และอาจเป็นไปได้ว่าอวัยวะที่ตรงกับตำแหน่งในการปวดท้องนั้นอาจมีปัญหา ลองมาดูกันว่าตำแหน่งปวดท้องตรงไหนบอกโรคอะไรกันบ้าง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
นพ.มลฑล
ก้องเกียรติกมล อายุรแพทย์ คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลหัวเฉียว ระบุว่า
หากเกิดอาการปวดตรงชายโครงขวา ซึ่งเป็นจุดของตับและถุงน้ำดี
หากกดแล้วเป็นก้อนแข็งๆ ประกอบกับอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
อาจมีความบกพร่องเกี่ยวกับตับและถุงน้ำดี
ใต้ลิ้นปี่ หรือบริเวณกลางตัวเรา
มักปวดเวลาหิวหรืออิ่ม ซึ่งอาจเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
หรือบางรายอาจมีอาการเจ็บ แน่นหน้าอกร่วมด้วยอาจเป็นโรคหัวใจขาดเลือด
แต่หากคลำเจอก้อนเนื้อจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับ ควรรีบปรึกษาแพทย์
ชายโครงซ้าย ตรงกับตำแหน่งของม้าม
อาจเป็นอาการม้ามโต
บั้นเอวขวาหรือซ้าย ตรงกับตำแหน่งของท่อไต ไต
และลำไส้ใหญ่ หากมีอาการปวดมาก บ่งบอกถึงลำไส้ใหญ่อักเสบ
แต่หากปวดร้าวถึงต้นขาหรือปวดหลัง มีไข้
ปัสสาวะขุ่นร่วมด้วยอาจเป็นอาการเริ่มต้นของนิ่วในท่อไต และกรวยไตอักเสบ
บริเวณรอบสะดือ ตรงกับตำแหน่งของลำไส้เล็ก มีอาการปวดบิด
ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดแบบมีลมในท้อง มักเป็นอาการท้องเดิน
แต่หากรุนแรงอาจเป็นอาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ
ท้องน้อยขวา ตรงกับตำแหน่งของไส้ติ่ง ท่อไต
และปีกมดลูกขวา จะมีอาการปวดเกร็ง เสียด บีบ
แต่หากมีอาการปวดในผู้หญิงร่วมกับมีไข้ มีตกขาว คืออาการปีกมดลูกอักเสบ
ท้องน้อย
ตรงกับตำแหน่งของกระเพราะปัสสาวะและมดลูก
หากมีอาการปวดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะกระปริบกะปรอย
อาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แต่หากมีอาการปวดเรื้อรังในผู้หญิงเวลามีประจำเดือน
ตกขาวมีกลิ่น แสดงว่ามีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก
ท้องน้อยซ้าย เป็นตำแหน่งของลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
ท่อไต และปีกมดลูกซ้าย หากคลำพบก้อนเนื้อหรือถ่ายอุจจาระผิดปกติ
อาจเป็นอาการเนื้องอกในลำไส้หรือลำไส้ใหญ่อักเสบ
รู้อย่างนี้แล้ว อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ แนะนำให้เข้าพบแพทย์เมื่อมีอาการปวดท้อง เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคอันตรายได้