ต่อไปนี้ “บ้าน”
จะไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อนและพื้นที่ของครอบครัวอีกแล้ว
เมื่อเทรนด์การทำงานของคนบนโลกกำลังจะเปลี่ยนให้ “บ้าน” กลายเป็น “พื้นที่สร้างสรรค์ผลงาน”
แทนออฟฟิศ ท่ามกลางโควิด-19 ที่ยังแพร่ระบาดอยู่
รวมไปถึงพฤติกรรมการทำงานของคนที่ปรับเข้าสู่ New Normal อันจะกลายมาเป็นตัวช่วยกำหนดให้ตัวองค์กรต้องปรับเปลี่ยนตาม เพื่อรองรับการทำงานแบบ
Work From Home / Remote Working แทนการต้องเดินทางเข้าออฟฟิศทุกวัน
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่สามารถออกไปหมกตัวตามร้านกาแฟได้เหมือนเมื่อก่อน
ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบ้านให้เหมาะสมต่อการทำงานแทน
เพราะสิ่งหนึ่งที่ท้าทายการทำงานแบบรีโมทก็คือ วินัยอันเคร่งครัด
ท่ามกลางความยืดหยุ่นและตัวขี้เกียจที่ล่อใจมากมายนั่นเอง
ที่จะคอยมาบั่นทอนให้ทำงานได้ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
และการปรับเปลี่ยน 5 สิ่งนี้ภายในบ้านจะทำให้ได้สำนักงานเสมือน (Virtual Office) อันทรงประสิทธิภาพ เพื่อมาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจหรือทำให้ชีวิตการทำงานง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสี่ยงว่างานจะเสียหายหรือเจ้านายไม่ปลื้มได้อย่างแน่นอน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. มีเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้
เพื่อรองรับการทำงานแบบเต็มรูปแบบ
เพราะชีวิตการทำงานที่บ้านต่อจากนี้จะไม่ใช่เป็นการทำงานแบบ Work From Home ภาคบังคับเหมือนในช่วง 2-3
เดือนที่ผ่านมา เพราะนี่คือการเตรียมการเพื่อรองรับการทำงานที่บ้านแบบถาวร
โดยเทคโนโลยีที่ควรต้องมีได้แก่ วัสดุ-อุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการทำงาน เช่น
คอมพิวเตอร์, เครื่องปริ้นเตอร์, เครื่องสแกน, โทรศัพท์,
ไมโครโฟน, หูฟัง, ลำโพง, ขาตั้งโทรศัพท์, External Drive, คอมฯ
สำรอง, หม้อแปลงไฟ, Flash drive, โปรแกรมสแกนไวรัส,
พื้นที่แบ่งปันไฟล์ที่อาจต้องเพิ่มขนาดการใช้งาน เช่น Google Drive, One
Drive หรือ Dropbox
และโปรแกรมรองรับการทำงานทางไกลอย่างที่ได้รับความนิยม เช่น Zoom, Google
Meet, Microsoft Team, Webex อย่างไรก็ตามเครื่องและเทคโนโลยีเน้นเฉพาะที่จำเป็นต้องใช้เพื่อประหยัดรายจ่าย
2. แยกมุมทำงานและสร้างพฤติกรรมการทำงานเหมือนออฟฟิศ
การตกแต่งมุมบ้านให้เสมือนออฟฟิศ
แบ่งแยกสัดส่วนให้ชัดเจน ห่างจากมุมพักผ่อนหรือเตียงนอน จะทำให้ชีวิตได้มี Space ชัดเจนขึ้น
ไม่ปล่อยให้งานเข้าไปปะปนกับชีวิตส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมงจนเกิดความเครียด นอกจากนี้ควรสร้างวินัยด้านพฤติกรรมการกระทำให้เป็นปกติเหมือนเมื่อครั้งต้องตื่นแต่เช้า
อาบน้ำแต่งตัว เดินทางไปทำงานออฟฟิศ
เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยเตือนให้สามารถแยกแยะชีวิตการทำงาน
ออกจากชีวิตของการพักผ่อนอยู่บ้านได้อย่างชัดเจน
โดยไม่ต้องเคร่งเครียดกับการทำงานมากเกินไป ชนิดที่ไม่ต้องตื่นมาก็เจอกับกองงาน
นั่งทำงานทั้งๆ ที่ไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวกินข้าว
ซึ่งการทำแบบนี้จะเท่ากับว่าเกิดการยอมรับให้พื้นที่การทำงานเข้าไปพัวพันกับการใช้ชีวิตจนแยกไม่ออก
และจะทำให้หมดสนุก
ไม่มีความสุขกับการทำงานไปจนเสียสุขภาพจิตขึ้นได้ในระยะยาวอีกด้วย
3. เพิ่มพื้นที่เขียวช่วยกระตุ้นความสร้างสรรค์
พื้นที่สีเขียวของดอกไม้ใบหญ้าต้นไม้
จะทำให้รู้สึกสดชื่น สงบ ผ่อนคลาย
การวางโต๊ะทำงานในมุมที่สามารถทอดสายตาออกสู่สวนหรือพื้นที่สีเขียวนอกบ้าน
หรือตกแต่งสถานที่ทำงนให้มีต้นไม้ดอกไม้สวยงาม
จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ด้วย ซึ่งมีผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Queensland ในประเทศออสเตรเลียช่วยยืนยันว่าผลลัพธ์ของการประดับตกแต่งพื้นที่ทำงานด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาพันธุ์
จะช่วยให้คนทำงานมีศักยภาพเพิ่มขึ้น 15% และตอบสนองต่อการทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วย
4. เพิ่มทักษะด้าน IT
การสร้างออฟฟิศเสมือนจริง (Virtual Office)
ไว้ที่บ้านเพื่อใช้การดำเนินธุรกิจหรือแม้แต่ทำงานแบบรีโมท
ในยุคนี้ต้องยอมรับและพร้อมเรียนรู้เติบโตไปกับเทคโนโลยี
แบบไม่ต้องพึ่งพาฝ่ายไอทีประจำบริษัท เพราะไม่สามารถเรียกหาบริการได้
และไม่ใช่ว่าพอมีอะไรติดขัดมีปัญหาก็ยกคอมไปให้ช่างซ่อมเพียงอย่างเดียว
อันจะทำให้เกิดการสิ้นเปลืองไปกับค่าแรงช่างฝ่ายไอทีที่สูงเอาการ
ด้วยในการทำงานย่อมมีปัญหาติดขัดเกิดขึ้นได้กับอุปกรณ์หรือโปรแกรมที่ใช้งาน
ดังนั้นการใช้เวลาว่างในการศึกษาหาความรู้ด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ
จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในสังคมแห่งเทคโนโลยีดิจิทัล
ที่คนทำงานอยู่บ้านต้องมีการเรียนรู้ ทั้งในเรื่อง Hardware,
Software และการใช้ program ต่างๆ
เอาไว้เพื่อเอื้ออำนวยต่อการทำงานของตัวเอง นอกจากนี้ยังจะเป็นการ Up Skill
การทำงานให้ตัวเองได้ก้าวไปกับยุคแห่งเทคโนโลยี
อันเป็นคุณสมบัติสำคัญที่คนทำงานในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลต้องมี
ทำให้กลายเป็นคนทำงานที่มีแต่ตลาดงานต้องการอีกด้วย
5. พื้นที่ทำงานควรโปร่งโล่ง
การจัดตั้งมุมทำงานไว้ในพื้นที่ที่มีแสง ลม อากาศ ถ่ายเทดี มีความเงียบสงบ บรรยากาศโปร่งโล่ง มีเฟอร์นิเจอร์ที่อำนวยความสะดวกในการทำงานแบบน้อยชิ้น แต่ให้ประสิทธิภาพเยี่ยม จะทำให้ลดความอึดอัดจากการถูกบีบรัดจากเฟอร์นิเจอร์ที่แย่งพื้นที่ใช้สอยลงได้ ซึ่งการเปิดโล่งทั้งสภาพบรรยากาศหรือพื้นที่ จะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายในการทำงาน คิดงานได้อย่างสร้างสรรค์และลื่นไหล หรือถ้าหามุมวิวหน้าต่างบรรยากาศดีไม่ได้ก็อาจใช้เรื่องสีสัน วอลเปเปอร์ และการตกแต่งเข้ามาช่วยได้ในข้อนี้ แล้วจะทำให้มีบรรยากาศการทำงานแบบ Virtual Office ที่เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพในการทำงานได้ในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ คราวนี้ต่อให้ต้องใช้ไอเดียขบคิดปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อนแค่ไหน ก็จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างลื่นไหล ตามใจต้องการเลยล่ะ
Remote Working เทรนด์นี้มาแน่ หลังโควิด-19
8 วิธีปรับสมดุลชีวิตและทำงาน Work From Home