แม้วาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยจะยังคงเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนคุกคาม
ตลอดทั้งการชุมนุมประท้วงในเกาะฮ่องกงไม่มีท่าทีว่าจะยุติ แต่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยังคงเติบโตสวนกระแสโลก
เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเดียวกัน
โดยกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานสถานการณ์ท่องเที่ยวเดือน ส.ค.ม 2562 ระบุว่าในช่วง
8 เดือนแรกของปี 2562 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย
จำนวน 3.4 ล้านคน ขยายตัว 5.60%
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา สร้างรายได้ 0.17 ล้านล้านบาท
ขยายตัว 7.12% หรือมีรายงานได้รวม 2 ล้านล้านบาท ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)มั่นใจว่าตลอดทั้งปีทะลุกว่า
3.4 ล้านล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทย
5 อันดับแรก ในเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้แก่
อันดับ 1 จีน มีจำนวนนักท่องเที่ยว
1,002,971 คน (ขยายตัว 15.62%)
อันดับ 2 มาเลเซีย
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 384,083 คน (ขยายตัว 0.99%)
อันดับ 3 ญี่ปุ่น
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 197,924 คน (ขยายตัว 9.03%)
อันดับ 4 เกาหลีใต้
มีจำนวนนักท่องเที่ยว 179,168 คน (ขยายตัว 9.16%)
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme

อินเดีย-เกาหลีใต้ มาแรง
ก่อนหน้าที่นี้หลายฝ่ายต่างประเมินว่าวิกฤติสงครามการค้าและค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทย
แต่ไม่เป็นเช่นนั้นเพราะยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวไทยต่อเนื่อง
โดยมีอัตราการขยายตัวถึง 15.62% ส่วนนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย แม้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
จะไม่ติด 5 อันดับแรก แต่อัตราการขยายตัวยังคงสูงถึง 26.48% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนธันวาคม
2561
ขณะที่นักท่องเที่ยวเกาหลีใต้มีแนวโน้มเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น
ปัจจัยหนึ่งผลพวงจากกรณีปัญหาพิพาทการค้าระหว่างประเทศเกาหลีใต้กับประเทศญี่ปุ่น
โดยประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่ม Top 5
ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาและมีแนวโน้มเข้ามาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตั้งเป้ารายได้ทะลุ 4 ล้านล้าน
ปี 2562 ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยไม่น่าจะมีปัญหาสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มั่นใจว่า ปี 2563 จะเติบโดด้านรายได้จากการท่องเที่ยวขึ้นอีก
10% โดยจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยไม่ต่ำกว่า 42 ล้านคน สามารถสร้างรายได้จำนวน
2.43 ล้านล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวในประเทศไม่ต่ำกว่า 185 ล้านคน
สร้างรายได้ 1.287 ล้านล้านบาท รวมรายได้มากกว่า 3.72 ล้านล้านบาท ตามตั้งเป้าหมายผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยวให้ถึง
4 ล้านล้านบาทในปี 2564
เพื่อให้เป็นไปตามตัวชี้วัดตามวิสัยทัศน์อันดับประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากที่สุดติด
1 ใน 5 อันดับแรกของโลก
นอกจากนี้ยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้การท่องเที่ยวรายได้ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)
ให้ขยับไปเป็น 22% ในปี 2564 และขยับไปถึง 30% ให้ได้ภายในปี 2580
พร้อมทั้งกระจายสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่แหล่งท่องเที่ยวเมืองรองให้เพิ่มไปสู่
40% ทั้งนี้ ททท.ได้ร่วมกับสภาพัฒน์ฯในการพัฒนาฝั่งอุปสงค์และอุปทานให้กับเมืองรองต่างๆเพื่อยกระดับศักยภาพในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว
โดยเริ่มจากจังหวัดที่มีศักยภาพที่เลือกมาเบื้องต้น 10 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน, เชียงราย, หนองคาย, อุบลราชธานี, สระแก้ว, ตราด, ชุมพร, ระนอง, ตรัง และสตูล
ธุรกิจโรงแรมรับอานิสงส์ท่องเที่ยวยังคึกคัก

ขณะที่อัตราการเข้าพักแรมปี 2562 ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะห้องพักที่ยังล้นตลาด แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน (ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญและเหตุการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต) ส่งผลให้อัตราการเข้าพักขยายตัวได้ไม่มาก แต่จังหวัดที่ยังมีแนวโน้มอัตราการเข้าพักที่โดดเด่น ประกอบด้วย กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ส่วนอัตราราคาห้องพักขายได้เฉลี่ยปี 2562 คาดว่า ทรงตัวจากปี2561 จากการแข่งขันที่รุนแรง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องแย่งชิงลูกค้าด้วยการใช้กลยุทธ์การลด ราคาค่าที่พัก สะท้อนจากราคาห้องพักขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ 9 เดือนแรกของปี 2561 อยู่ที่ 1,672 บาท ลดลงร้อยละ -5.7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
นอกจากนี้โรงแรม 4-6 ดาว ปี 2562 คาดว่าขยายตัวต่อเนื่องเช่นกัน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวระดับกลางและบน ยังขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา มาเลเซีย อินเดีย ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลางและยุโรป รวมทั้งนักท่องเที่ยวในกลุ่ม MICE ที่มีกำลังการใช้จ่ายสูงเนื่องจากประเทศกลุ่มนี้มีอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจเติบโตไม่หยุด
รัฐแจกเงินพันบาทช่วยปลุกเที่ยวทั่วไทยปลายปี
ปี
2562 ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเติบโตสวนกระแสโดยในช่วง 8
เดือนแรกของปีนี้ดีเกินคาดและแนวโน้มทะลุเป้าหมายที่วางไว้ตลอดทั้งปี 3.4
ล้านล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลได้ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชนต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงมาท่องเที่ยวประเทศไทยควบคู่กับการขายสินค้าและบริการสามารถตอบโจทย์กลุ่มนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ส่วนใหญ่ไฮซีซั่นปลายปีนี้ นอกจากรัฐบาลอัดแคมเปญกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวประเทศไทยต่อเนื่องแล้ว ทางกระทรวงการคลังคลอดมาตราการกระตุ้นชาวไทยท่องเที่ยวภายในประเทศโดยแจกเงินให้ 1,000 บาท สำหรับคนไทยที่มีอายุ 18 ปีขี้นไป โดยกำหนดลงทะเบียน 10 ล้านคนแรกไปเที่ยวจังหวัดไหนก็ได้ยกเว้นจังหวัดบ้านเกิดซึ่งจะมีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 3 แสนล้านบาทเลยทีเดียว