Tech Startup หรือ สตาร์ทอัพที่มีการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาใช้งาน สร้าง และพัฒนา เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ปัจจุบัน (ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา) ถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสตาร์ทอัพที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในประเทศไทยสูง จนเกิดขึ้นใหม่มากมาย แต่ก็ไม่ใช่ทุกสตาร์ทอัพจะได้รับความนิยมจนไปถึงฝั่งฝันหรืออยู่รอด เพราะช่วงที่ผ่านมาก็กลายเป็นปลาเล็กในท้องทะเลใหญ่ บ้างก็ถูกกระแสน้ำพัด บ้างก็ถูกปลาใหญ่กิน ซึ่งมาจากจุดอ่อนบางข้อที่เทคสตาร์ทอัพไทยยังคงมองข้ามอยู่ ดังนี้
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
1. งบน้อยจนถูกองค์กรรายใหญ่ฮุบไป
ในแวดวงเทคสตาร์ทอัพของไทย
มีลักษณะแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก อาศัยอำนาจจากการที่ตัวเองมีทุนสูงและคอนเนกชันที่กว้างกว่า
ทำให้องค์กรรายใหญ่สามารถไล่ตาม และบางครั้งก็กระโดดแซงหน้าได้เลยทีเดียว
ทั้งที่เทคสตาร์ทอัพรุ่นใหม่เป็นผู้คิดและลงมือสร้างสรรค์ก่อน
เพียงแต่ติดปัญหาที่เงินทุนน้อยกว่า ทำให้กว่าจะได้ชิ้นงานออกมาแต่ละชิ้นล่าช้ากว่าองค์กรใหญ่เล็กน้อย
หรือต้องไปเสนอโปรเจ็กต์เพื่อขอเงินทุนจากองค์กรใหญ่แล้วโดนลอกไอเดียไปทำเอง ดังเช่นที่
กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคยออกมายอมรับว่า สตาร์ทอัพรุ่นใหม่เจ้าของไอเดียมักถูกลอกเลียนแบบเพราะผลงานไม่มีลิขสิทธิ์
เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้โอเพ่นซอร์สในการพัฒนา พร้อมเสนอทางแก้ไขให้เทคสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ในเรื่องของการจดลิขสิทธิ์และกระตุ้นให้สร้าง
Deep Technology มากกว่า
2. หยุดนิ่งหรือเดินช้า
เทคโนโลยีถ้าหยุดนิ่ง หรือเดินช้า
ก็โดนแซง ส่วนด้านธุรกิจถ้าเทคสตาร์ทอัพไม่พยายามพัฒนาตลอดเวลาก็อาจถึงขั้นล้มไปไม่ถึงฝั่งฝันได้เลยทีเดียว
เพราะในขณะที่สตาร์ทอัพรูปแบบอื่นเน้นพัฒนาสินค้าและบริการภายในองค์กรของตนเอง
แต่เทคสตาร์ทอัพจะเติบโตได้สูง
ถ้าเราพัฒนาเหนือคู่แข่ง ยิ่งไม่เหมือนใครและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ยิ่งดี นอกจากนี้ในเรื่องของการบริหารองค์กร
ควรลบภาพที่ว่า เจ้าขององค์กรต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะหากศึกษากันจริงๆ
แล้วจะเห็นได้เลยว่า เทคสตาร์ทอัพที่บริหารโดยกลุ่มคนที่มีความเชี่ยวชาญหลากหลายมาร่วมมือกันสร้างสรรค์ผลงาน
จะสามารถทำเงินได้มูลค่ามหาศาลมากกว่า
3. มุ่งเพียงตลาดภายในประเทศ
ต้องยอมรับว่าไอเดียของเทคสตาร์ทอัพในไทย
สามารถช่วยพัฒนาชีวิตของคนไทยหลายคนให้ดีขึ้นได้จริง แต่บางส่วนก็ไม่ใช่ไอเดียที่มาจากความคิดใหม่
100% ซะทีเดียว
แต่เป็นความคิดที่เกิดจากการนำไอเดียของต่างประเทศมาดัดแปลง
ทำให้มุ่งเพียงตลาดภายในประเทศอย่างเดียว
ไม่สามารถส่งไปได้ไกลถึงระดับสากลหรือนานาชาติ เพราะด้วยความที่เทคสตาร์ทอัพเน้นการพัฒนาหรือคิดค้นสิ่งใหม่ๆ
ด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้
แต่ถ้าเทคสตาร์ทอัพของไทยยังคงเดินตามหลังต่างชาติอยู่
ก็คงทำได้เพียงแค่หวังขายในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับตลาดโลก
ถ้าเป็นไปได้เทคสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ควรวางแผนคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ให้ไปได้ไกล
โดยตอบโจทย์คนทั้งโลกหรือหลากหลายชาติมากกว่าตอบโจทย์เฉพาะตลาดภายในประเทศเท่านั้น
4. การตลาดและคอนเนกชันยังค่อนข้างแคบ
พอเริ่มต้นมองตลาดและใช้เทคโนโลยีมาสร้างผลงานที่มุ่งเน้นตลาดค่อนข้างแคบ
ผลที่ตามมาคือ ไม่สามารถทำการตลาดได้กว้าง อีกทั้งไม่ใช่เรื่องง่ายที่องค์กรธุรกิจในไทยจะทำการตลาดและหาคอนเนกชันได้ข้ามประเทศ
แม้จะไม่ใช่สตาร์ทอัพเกิดใหม่หรือ SMEs เองก็ตาม ทำให้การติดต่อเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศเป็นไปได้ยาก
ไม่สามารถรับรู้ความต้องการบริโภคที่แท้จริงของประเทศอื่น
รวมถึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้ว่า
ควรพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนเพื่อให้ผลงานตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติหรืออื่นๆ
ได้อย่างไร ซึ่งการจะทำการตลาดและหาคอนเนกชันอย่างกว้างขวางเพื่อให้เทคสตาร์อัพไทยไปถึงฝั่งฝัน
จำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ร่วมด้วย
อาทิ กรณีกระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ร่วมแก้ปัญหาด้วยการจัดตั้ง
บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมมือกับภาคเอกชนรายใหญ่ เพื่อเป็นตัวแทนยกระดับผลงานและความสัมพันธ์ระหว่างสตาร์ทอัพไทยและสตาร์ทอัพต่างประเทศ
โดยสรุปหากจะกล่าวถึงจุดอ่อนของเทคสตาร์ทอัพไทยที่มีส่วนให้อาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน สาเหตุเกินกว่าครึ่งมักเกิดจากการขาดเงินทุนที่เพียงพอ เราขอแนะนำว่าอย่าลืมวางแผนการพัฒนาและสร้างรายได้ให้เหมาะสมกับการนำมาใช้เป็นเงินทุนเสมอ ไม่ว่าจะระยะสั้น ระยะยาว หรือการระดมทุนด้วยวิธีต่างๆ เพื่อให้เทคสตาร์ทอัพของไทยสามารถพัฒนาผลงานเติบโตไปได้เรื่อยๆ จนถึงฝั่งฝัน