ตลาดจีนเป็นตลาดยักษ์ใหญ่ที่ผู้ประกอบการทั่วโลกใฝ่ฝัน
ด้วยจำนวนประชากรที่มีถึง 1,400 ล้านคน มากเป็นเป็นอันดับ 1 โลก เหนือกว่าอันดับ 2 อย่างอินเดียที่มีประชากร 1,300 ล้านคน และสหรัฐที่มีประชากร
331 ล้านคน (ข้อมูล 4 เมษายน
2021 )
แต่ก็ใช่ว่าใครจะเข้าไปทำตลาดกันได้ง่ายๆ เนื่องจากขนาดของพื้นที่ที่ใหญ่ ประมาณ 9,597,000 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของทวีปเอเชีย ทำให้เกิดความหลากหลายของพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ข้อมูลจากบริษัท Mintel ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยการตลาดระดับโลก พบว่าปีนี้ผู้บริโภคชาวจีนมีลักษณะที่น่าสนใจ 2 ด้านหลัก คือ
1. ผู้บริโภคชาวจีนมีความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยผู้บริโภคชาวจีนมีความกังวลเกี่ยวกับรูปแบบการจ้างงานในอนาคต จึงให้ความสำคัญกับการที่จะใช้เวลาในการปรับปรุงตนเองให้มีความพร้อมสำหรับตำแหน่งงาน
ขณะที่ภายหลังการระบาดของโควิด 19 คลี่คลาย พบว่าผู้บริโภคมีความคุ้นเคยกับการทำงานที่บ้าน เรียนหนังสือออนไลน์ ออกกำลังกาย และมีกิจกรรมสันทนาการภายในบ้าน จึงทำให้มีความต้องการสินค้าสำหรับการใช้ภายในบ้านแบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำกิจกรรมในบ้านให้มีความหลากหลายมากขึ้น
2. การบริโภควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งจากผลการสำรวจนี้พบว่า ผู้บริโภคชาวจีนกว่า 89% ให้ความสนใจสินค้าที่เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย ที่จะทำให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของตนเอง โดยเฉพาะสมาร์ทวอร์ชซึ่งเป็นที่นิยมมากขึ้น มีผู้บริโภคกว่า 56% ที่ซื้อสมาร์ทวอร์ชเพื่อติดตามความปลอดภัยหรือสุขภาพของสมาชิกในครอบครัว
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดย 82% ของกลุ่มตัวอย่างยินยอมสวมใส่อุปกรณ์เพื่อแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อให้ได้รับการบริการเกี่ยวกับสุขภาพที่ดีมากขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ผู้บริโภคให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพมาจากผลการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่เป็นตัวเร่งทำให้ผู้บริโภคใส่ใจสุขภาพ ตระหนักถึงสุขภาพและความสมดุลของชีวิตมากขึ้น รวมถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย นำมาสู่การเลือกซื้อสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ซึ่งไปสอดรับกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่กำลังพัฒนาเข้ามาตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และได้รับประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ ผ่านเทคโนโลยีมากขึ้น
ทั้งนี้ ข้อมูลจากฝ่ายการตลาดของ Tmall Global ระบุว่า ในช่วงโควิดมีการนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมาหลังจากมีการระบาดของโควิด ไม่เป็นอุปสรรคต่อกับแบรนด์สินค้าต่างชาติที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดจีน เนื่องจากตลาดจีนเป็นตลาดแรกที่สามารถฟื้นตัวรับมือกับการแพร่ระบาดได้ จึงทำให้ตลาดจีนกลายเป็นเป้าหมายของของแบรนด์ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ
ผลิตภัณฑ์ Plant Based ครองใจคนรุ่นใหม่จีน
ข้อมูลจากบริษัท Vitasoy ระบุตรงกันว่าหลังจากโควิดเกิดขึ้น ผู้บริโภคชาวจีนมีความต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น และเกิดแนวคิด “การบริโภคสีเขียว” ซึ่งเป็นการบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพและดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ทำจากพืช หรือ Plant Based มีการบริโภคที่เติบโตสูงเป็นต้น
หากวิเคราะห์ลึกลงไปจะพบว่า ผู้บริโภคหลักของผลิตภัณฑ์ Plant Based มักจะเป็นกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงปักกิ่ง เซี่ยงไฮเทค กวางโจว และเซินเจิ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 46-47% โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นวัยเรียนและวัยทำงาน หรือเจน GEN Z อายุตั้งแต่ 18-35 ปีขึ้นไป ส่วนชนิดสินค้าที่นิยมากที่สุดจะเป็น “อาหารว่าง”
และจุดสำคัญที่ผู้ผลิตจะต้องใส่ใจ คือการพัฒนารสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ ควบคู่กับการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ดูทันสมัย และใช้กลยุทธ์ทางการตลาดมีคอนเทนต์ประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสม
จากการศึกษาถึงพฤติกรรมและแนวโน้มการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป
จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทยที่ต้องการทำการตลาดสินค้าและบริการไปยังตลาดจีน
ให้สามารถกำหนดทิศทางธุรกิจ พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับตลาดจีนมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ อย่าง “อาหารสุขภาพ” เป็นสินค้าที่ไทยมีความพร้อม ทั้งเทคโนโลยี และวัตถุดิบ และสุดท้ายต้องศึกษาเรื่องกฎระเบียบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการส่งออกสินค้าประเภทต่างๆ
เพื่อให้สามารถเจาะตลาด 1,400 ล้านคนนี้ได้
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<