ธุรกิจใหม่หรือกิจการที่ดำเนินการมานานแล้วต้องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
เข้าสู่ตลาด ควรมีการจัดทำการสำรวจหรือวิจัยตลาดก่อนเพื่อลดความเสี่ยงของธุรกิจ ซึ่งการวิจัยตลาดเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยธุรกิจ
(Business Research) เพราะการวิจัยเป็นกระบวนการที่มีระบบและมีวัตถุประสงค์ในการรวบรวม
(Gathering), การบันทึก (Recording), การวิเคราะห์ข้อมูล
(Analyzing data) เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
สำหรับธุรกิจ SME มักให้ความสำคัญในการจัดทำวิจัยทางการตลาด (Marketing Research) เพราะช่วยให้เจ้าของกิจการ-ผู้บริหารเข้าใจในความต้องการและพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน รวมทั้งได้ข้อมูลสำคัญๆ เพื่อใช้กำหนดทิศทางของธุรกิจและเสาะหาโอกาสทางการตลาด ซึ่งส่วนใหญ่การวิจัยตลาดจะจัดทำขึ้นสำหรับกิจการที่ผลิต–จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
‘เป้าหมาย’ การทำวิจัยตลาด
1. ค้นหาลูกค้า (Customer) และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเพื่อนำไปวางกลยุทธ์ในการตลาด
2. ค้นหาผลิตภัณฑ์ (Product) ที่ผู้บริโภคต้องการและพึงพอใจ
3. เพื่อวางแผนทางการตลาดและการโฆษณา
3 รูปแบบการวิจัยตลาดที่นิยมใช้ในปัจจุบัน
1. การวิจัยเชิงสำรวจ (Exploratory Research)
เป็นการทำวิจัยเพื่อค้นหาปัญหาที่ยังคลุมเครือ
เพื่อจะได้คำตอบจากงานวิจัยให้ชัดเจนขึ้น เช่น
ต้องการทราบถึงเหตุผลที่ยอดขายสินค้าตกต่ำลง, ต้องการทราบว่าผู้บริโภคจะสนใจในผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เราจะนำออกสู่ตลาดหรือไม่
2. การวิจัยเชิงพรรณนา (Descriptive Research)
เป็นการทำวิจัยเพื่อให้รู้ถึงลักษณะของปัญหา
เช่น ลักษณะของบุคคลที่ไม่พอใจผลิตภัณฑ์ของเรา ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าพึงพอใจเป็นอย่างไร
3. การวิจัยเชิงเหตุผล (Causal Research)
เป็นการทำวิจัยเพื่อให้ตอบคำถามที่กำหนดไว้ได้อย่างชัดเจน
เช่น ผู้ซื้อจะซื้อผลิตภัณฑ์เมื่อมีการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่หรือไม่
หากสินค้าราคาขึ้นไปอีกร้อยละ 5 ผู้ซื้อจะซื้อหรือไม่
ทำไมต้องทำวิจัยตลาด?
- เห็นโอกาสใหม่ๆ เช่น ชี้เป้าลูกค้ากลุ่มใหม่ ที่ตลาดอาจไม่เคยรู้, รู้ว่าลูกค้าชอบซื้อสินค้าใดพร้อมกัน
ก็สามารถทำ Bundle หรือ Add-on ได้,
เห็นโอกาสพาร์ทเนอร์กับธุรกิจที่มีลูกค้าร่วมกัน
- ลดความเสี่ยง เช่น ทดสอบสินค้าใหม่ก่อนออกตลาด, หาสาเหตุที่สินค้ายอดตก เป็นต้น
- เอาชนะคู่แข่ง เช่น หา Pain Point ลูกค้าคู่แข่ง
แล้วหาวิธีดึงลูกค้า, ชี้เป้าลูกค้าที่ไม่พึงพอใจ
ทำให้เราปรับปรุงสินค้า บริการได้
วิจัยตลาดที่ดี ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
1. การวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์
การวิจัยที่เริ่มจากการตั้งสมมุติฐานแล้วค่อยหาข้อมูลเพื่อพิสูจน์ว่าจริงหรือเท็จ
ในทางตรงกันข้าม งานวิจัยที่ไม่ใช่เชิงวิทยาศาสตร์จะไม่มีการตั้งสมมุติฐานก่อนเก็บข้อมูล
ซึ่งจะทำให้การตีความของข้อมูลมีโอกาสผิดพลาดสูง เช่น การโยงข้อมูลเพื่อคำตอบที่ตัวเองอยากได้
เป็นต้น
2. ตอบโจทย์ปัญหาธุรกิจอย่างชัดเจน
การตลาดเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจ
การวิจัยตลาดต้องสามารถตอบโจทย์ปัญหาของธุรกิจได้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งเป้าหมายไว้ก่อนล่วงหน้าก่อนเริ่มวิจัยตลาด
ว่าจะนำข้อมูลวิจัยตลาดนี้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
3.
วิธีวิจัยต้องตอบโจทย์เป้าหมายการวิจัย
จะเห็นได้ว่าเครื่องมือและวิธีในการวิจัยตลาดในปัจจุบันนั้นมีตัวเลือกหลากหลาย
แต่ไม่ใช่ทุกตัวเลือกจะเหมาะกับทุกงานวิจัยตลาด เช่น การสัมภาษณ์ลูกค้าอาจจะให้ข้อมูลเชิงลึก
แต่ก็อาจจะทำให้ได้ข้อมูลไม่เพียงพอ (และชัดเจน) มากเท่ากับการทำแบบสอบถามลูกค้าจำนวนมาก
เป็นต้น
4. การวิจัยควรคุ้มค่ากับเวลา-ค่าใช้จ่าย
การทำธุรกิจขึ้นอยู่กับความคุ้มค่าของเวลาและค่าใช้จ่าย
ดังนั้นงานวิจัยตลาดที่ดีต้องสามารถตอบโจทย์เรื่องประสิทธิภาพของการทำงานได้
การจ่ายเงินมากเกินไปหรือใช้เวลานานเกินไปเพื่อเก็บข้อมูล อาจจะทำให้ข้อมูลนี้สูญเสียประสิทธิผลในเชิงธุรกิจได้
5. ทำความเข้าใจ ข้อเสีย
และอคติ ก่อนนำข้อมูลไปใช้
การวิจัยตลาดก็คือการเก็บข้อมูลพฤติกรรมและความชอบของลูกค้า
ทำให้เข้าใจได้ว่าทั้งผู้ออกแบบแบบสอบถามและลูกค้าที่ทำแบบสอบถามก็มีอคติและมุมมองเฉพาะตัว
ดังนั้นสิ่งที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษก็คือภาษากับวิธีถามคำถามลูกค้า และการเลือกกลุ่มลูกค้ามาทำวิจัยการตลาด
ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยที่ทำให้งานวิจัยผิดพลาดบ่อยๆ เช่น อยากเก็บข้อมูลกลุ่มลูกค้ารายได้ต่ำ
แต่ไปเก็บข้อมูลในห้างหรู เป็นต้น
ธุรกิจใหม่ซึ่งอยู่ในภาคอุตสาหกรรมมีความเสี่ยงในการผลิตสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดมากที่สุด
โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคและบริโภค การว่าจ้างบริษัทวิจัยตลาดจึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก
แม้ค่าจ้างทำวิจัยจะทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น แต่ก็ทำให้กิจการสามารถผลิตและออกแบบสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
ทำให้ทราบถึงปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการซื้อสินค้าของลูกค้า
สำหรับกิจการขนาดเล็กที่มีทุนน้อยควรลองใช้วิธีทดสอบตลาดในกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กๆ ก่อน
เพื่อสอบถามความคิดเห็นและนำมาประมวลผลเพื่อออกแบบสินค้าให้เป็นที่นิยม-ตรงกลุ่มเป้าหมาย
แหล่งอ้างอิง : กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม