ทำงานอยู่บ้านอย่างไรให้ Productivity เพิ่ม!

ช่วงนี้หลายๆ คนคงคุ้นเคย และได้ยินคำว่า Work from home กันบ่อยขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลก จากที่แต่ก่อนการทำงานที่บ้านนั้นเป็นเหมือนอุดมคติ หรือความฝันของใครหลายๆ คนที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับรถติด ไม่ต้องเบียดเสียดแออัด ไม่ต้องเสียเงินค่าเดินทางรายวัน และทำให้ชีวิตสะดวกสบาย มีความสุขมากยิ่งขึ้น

แต่พอเอาเข้าจริงการทำงานแบบ Work from home กลับไม่ได้ผลดีอย่างที่คิด เพราะถึงแม้จะช่วยประหยัดเวลาต่างๆ ได้จริง มีเวลานอนเยอะขึ้น ได้เริ่มงานตรงเวลามากขึ้น แต่มันกลับไม่ได้ทำให้งานเสร็จไวอย่างที่ใจนึกเลย สาเหตุของปัญหางานไม่เสร็จแม้จะ Work from home เกิดจากอะไรแน่?

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

Work from home ดูเหมือนจะสบาย แต่กลับทำงานหนักมากกว่าเดิม

ความย้อนแย้งของ Work from home นั้นเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วกับใครหลายๆ คน เพราะการ Work from home นั้นทำให้เราเหนื่อยมากขึ้นได้จริง จากการทำงานที่บ้านที่เราไม่สามารถแยก Work-Life Balance ของการใช้ชีวิตและการทำงานออกจากกันได้ ซึ่งถ้าเทียบกับการทำงานที่ออฟฟิศปกติแล้ว ทุกคนจะมองเห็นคุณอยู่เสมอ รู้ว่าคุณทำงานตอนไหน เดินออกไปพักตอนไหน หรือใช้เวลาว่างของตัวเองเมื่อไหร่

แต่กลับกันเมื่อ Work from home ทุกคนจะพร้อมสั่งงานให้คุณ โดยไม่รู้เลยว่าตอนนั้นคุณกำลังพักอยู่หรือไม่ ซึ่งทำให้คุณมีโอกาสทำงานหนักขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก เนื่องจากไม่มีเวลาพักที่แน่นอน

นอกจากนี้บางคนยังทำงานเกินเวลา เพราะหวังจะรีบปั่นงานให้เสร็จอย่างรวดเร็ว ตามนิสัยของ Perfectionist ที่ไม่ชอบค้างงานทิ้งไว้ ซึ่งถ้าอยู่ออฟฟิศ หมดเวลางานคุณก็พร้อมที่จะกลับบ้านทันที แต่เพราะ Work from home ทำให้คุณไม่มีข้ออ้างในการถอนตัวจากการทำงาน ส่งผลให้เกิดการทำงานเกินเวลาขึ้น และกลายเป็นว่าต้องเหนื่อยหนักกว่าเดิม

Work from Home เวลาเยอะขึ้น แต่ทำงานเสร็จน้อยลงได้ยังไง

อีกหนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นและเห็นได้บ่อยจากการ Work from home คืองานที่ทำนั้นเสร็จช้าลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเช่นกัน เพราะ Work from home ทำให้เรามีเวลาเยอะจากการไม่ต้องรีบตื่นไปทำงาน และมีเวลานั่งหน้าคอมพิวเตอร์คอยบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ทั้งวัน แต่เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆ มันไม่ได้เอื้ออำนวยให้กับการทำงานมากขนาดนั้น ทำให้เราเสียเวลาในแต่ละวันไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ซึ่งผลกระทบที่ทำให้เกิดปัญหานี้มันมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน บางคนมีหน้าที่ต้องดูแลงานบ้านต่างๆ อยู่แล้ว พอคนในครอบครัวเห็นว่าอยู่บ้าน ก็มักจะใช้ทำนู่น ทำนี่ หรือเอาเวลางานแว๊บไปทำกิจกรรมส่วนตัว จนส่งผลให้งานเสร็จช้าลง

บางคนสภาพแวดล้อมที่บ้านไม่เอื้ออำนวย ทั้งมีเสียงดัง รบกวนการทำงาน ส่งผลให้ใช้สมาธิไม่ได้เต็มที่ ไม่โฟกัสกับงาน เอาแต่แชท หรือใช้เวลางานไปอ่านเฟซบุ๊ก ดูยูทูป ทั้งหมดนี้ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และงานเสร็จช้าทั้งที่จริงๆ แล้วมันควรจะจบทุกอย่างได้ไวกว่าเดิม

4 เทคนิค Work from home อย่างมีประสิทธิภาพ

เพราะการ Work from home นั้นจำเป็นต้องมีการวางแผนที่ดี รู้ว่าการทำแบบไหนถึงจะส่งผลกับประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้ดีที่สุด ซึ่งถ้าคุณใช้หลักการทั้ง 4 เทคนิคนี้เข้าช่วย รับรองว่าจะทำให้การ Work from home เปลี่ยนไป และมีประสิทธิภาพได้ไม่แพ้การทำงานที่ออฟฟิศอีกเลย

1. กำหนดเวลาทำงานให้พร้อมกันทั้งออฟฟิศ

อันดับแรกของการ Work from home นั้นไม่ใช่การทำงานคนเดียว แต่หมายความว่าทุกคนจะต้องมีการทำงาน ประสานงานร่วมกัน ซึ่งถ้าคนหนึ่งทำงาน แต่อีกคนกำลังพัก ก็จะทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ จะติดต่อสื่อสารเรื่องงานก็ทำไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีต้องตกลงกันก่อนว่าในหนึ่งวันนั้นจะทำงานเวลาไหน และพักเมื่อไหร่ ซึ่งถ้ากำหนดเวลาทำงาน เริ่มงาน และพักผ่อนได้อย่างตรงกัน ก็จะลดช่องว่างของปัญหาไปได้ ช่วยให้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น และดำเนินการต่างๆ ได้แบบไม่ต้องกลัวจะเป็นการรบกวนอีกฝ่าย

2. จัดพื้นที่สำหรับการทำงานโดยเฉพาะ

เพราะหลายๆ คนมักคิดว่า Work from home แค่เปิดคอมทำบนที่นอนก็ได้ แต่เพราะนั่นเป็นการทำงานที่ผิดมหันต์ นอกจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีจะทำให้สุขภาพร่างกายเสีย หรือเป็นออฟฟิศซินโดรมปวดตามร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานด้วย

มีการวิจัยระบุว่า การตื่นมาแล้วทำงานเลย ไม่อาบน้ำหรือแต่งตัวให้ดี จะทำให้สมองตื่นตัวไม่เต็มที่ คิดอะไรไม่ออก ทางที่ดีควรจัดที่ทางในการทำงานให้เป็นระเบียบ อาบน้ำแต่งตัวให้ดีเหมือนอย่างที่คุณทำตอนมาทำงาน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ให้สมองสั่งการว่าพร้อมที่จะเริ่มงานในเช้าวันใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ทำตารางงาน To-Do List

อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยให้ทำงานได้เสร็จตามกำหนดคือ การซอยย่อยแบ่งงานออกเป็นหลายส่วน โดยที่ทำตารางเลยว่าวันนี้คุณต้องทำงานมากน้อยแค่ไหน และเร่งทำงานในแต่ละวันให้เสร็จ ซึ่งถ้าคุณทำงานเสร็จไว โอกาสที่จะทำงานชิ้นต่อไปของวันพรุ่งนี้ก็มี หรือจะใช้เวลานี้เลิกงานเร็ว พักผ่อนก่อนหมดเวลางานก็ทำได้ เพราะขอแค่งานเสร็จทันกำหนดเวลา ก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณได้ นอกจากนี้การตั้งเป้าหมายก็จะช่วยกระตุ้นให้พร้อมสำหรับการทำงานมากขึ้นอีกด้วย

4. ให้เวลาตัวเองได้พักบ้าง

นอกจากเวลาในการทำงานแล้ว การมีเวลาพักก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ซึ่งเมื่อคุณอยู่บ้าน โอกาสในการได้ทานอาหารเช้าก็มากขึ้น แนะนำว่าห้ามอดอาหารเช้าเด็ดขาด เพราะเป็นมื้อสำคัญสำหรับสมอง ที่จะช่วยปลุกพลังในการทำงานให้มีประสิทธิภาพ คิดงานต่างๆ ออกอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ต้องไม่ลืมให้เวลาตัวเองพักผ่อน เช่น หยุดงานเพื่อมาพักสายตา เข้าห้องน้ำ หรือยืดเส้นยืดสายทุกๆ 1 ชั่วโมง ก็จะช่วยให้ห่างไกลจากออฟฟิศซินโดรม หรืออาการล้าจากการทำงาน และช่วยให้สมองรวมถึงร่างกายผ่อนคลาย พร้อมสำหรับการทำงานชิ้นต่อไป

อีกเรื่องที่สำคัญคือการทำงานที่บ้านนั้นไม่ใช่การหยุดพักผ่อนแต่อย่างใด ทางที่ดีควรทำข้อตกลงกับคนที่บ้านให้เข้าใจว่า ระหว่างที่คุณทำงาน พยายามอย่ารบกวนคุณไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เพื่อให้คุณได้โฟกัสกับงานตรงหน้า และสร้างสรรค์มันออกมาได้อย่างสมบูรณ์ที่สุดอย่างที่มันควรจะเป็น

ท้ายสุดระเบียบวินัยและความเป็นมืออาชีพในงาน จะเป็นสิ่งผลักดันให้บุคคลนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะในออฟฟิศ หรือ WFH ดังนั้นนายจ้างอาจต้องวิเคราะห์ด้วยว่างานลักษณะใดควรทำที่ออฟฟิศ งานลักษณะใดและบุคคลใดสามารถยืดหยุ่นการทำงานได้ เท่านี้ออฟฟิศคุณก็สามารถรีด Productivity ของพนักงานได้อย่างเต็มที่

Work From Home ทำงานที่บ้านให้ได้งาน

วันที่ธุรกิจสะดุดชีวิตมีปัญหา ให้คิดว่าก็แค่วันธรรมดา