การระบาดของโควิด-19
เป็นเหตุให้ธุรกิจต่างๆ ทั่วทั้งโลกต่างต้องหยุดชะงักทั่วโลก ทำให้กิจการต่างๆ
มากมายต้องเกิดการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการหรือบางอย่างอาจถึงขั้นล่มสลายไปเลยก็มี ในทางตรงกันข้ามการมาของโควิด-19
นี้ก็ใช่ว่าจะสร้างแต่ความทุกข์ให้กับทุกธุรกิจเสมอไป
เพราะมีกิจการอีกมากมายที่สามารถลืมตาอ้าปากหรือมียอดขายที่ดีขึ้นได้จากภัยพิบัตินี้ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Delivery ต่างๆ ธุรกิจออนไลน์ ร้านขายของออนไลน์ และอื่นๆ อีกมากมาย หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมีแนวโน้มจะเติบโตสูงขึ้นไม่แพ้กันที่จะพูดถึงในวันนี้ก็คือ Co-Working Space นั่นเอง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ Co-Working Space เติบโต
มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในวิกฤตโควิด-19
นี้ แม้จะสร้างความลำบากให้กับธุรกิจต่างๆ มากมาย แต่ Co-Working Space กลับเป็นหนึ่งในไม่กี่ธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์
เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดทำให้กิจการมากมายต้องปรับตัวรับ New
Normal การทำงานแบบ Remote หรือ Work
from Home เพิ่มมากขึ้น ตรงนี้เองที่หลายๆ คนไม่สะดวก หรือรู้สึกว่าการทำงานที่บ้านไม่ตอบโจทย์
ทั้งในเรื่องของการรบกวนจากคนรอบข้าง เรื่องของอุปกรณ์ต่างๆ และความกระตือรือร้นในการทำงาน
ทำให้มีคนจำนวนมากหันมาทำงานที่ Co-Working Space แทน
นอกจากนี้ด้วยความที่โควิด-19 มันทำให้ธุรกิจหลักต่างๆ ขาดรายได้เป็นเวลานาน การจะปรับลดรายจ่ายมหาศาลอย่างการเช่าออฟฟิศลง
จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ผู้ประกอบการทำกัน หลายๆ
ที่ปิดออฟฟิศแล้วเปิดเช่าบริการจาก Co-Working Space แทน เพื่อลดต้นทุนในองค์กรของตัวเอง
ซึ่งมันประหยัดกว่ากันได้มากจริงๆ
นอกจากนี้ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะปรับตัวให้เข้ากับ
New Normal ทุกอย่าง
ทำให้การหันมาใช้งาน Co-Working Space ไม่ใช่เรื่องยากพวกเขาจะเรียนรู้ถึงข้อดี
ความสะดวกสบายของมัน และพร้อมจะทำงานที่นี่เป็นตัวเลือกแรกๆ
แน่นอนทำให้มีการคาดการณ์เกิดขึ้นว่าตลาดของ Co-Working Space ในเอเชียจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 30% ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้เท่านั้น
SME ไทยเกิดใหม่มากขึ้น
ต้องการพื้นที่ แต่ไม่อยากเสี่ยงลงทุนสูง
จุดเด่นของ Co-Working Space อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้คนทำธุรกิจต่างๆ
สนใจและหันมาใช้บริการมากหลังจากวิกฤตโควิด-19 นั่น เพราะการลงทุนกับธุรกิจด้วยงบประมาณมหาศาลไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีอีกต่อไป
ผู้ประกอบการเรียนรู้แล้วว่าทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ และไม่ไว้ใจกับสถานการณ์ในตอนนี้มากพอที่จะลงเงินทุนของตัวเองเพื่อสร้างสำนักงาน
หรือออฟฟิศที่เป็นตัวดูดเงินในทุกๆ เดือน
เนื่องจากอัตราการเติบโตของ SME ไทยนั้นสูงถึง 8-10% ต่อปีนั่น หมายความว่าคนไทยยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะประกอบธุรกิจ
เพียงแต่พวกเขารู้จักเซฟเงินในกระเป๋ามากขึ้นและหันมามองหาสถานที่ทำงานที่สามารถตอบโจทย์ทุกอย่างได้ในงบประมาณที่จำกัด
ทำให้ Co-Working Space กลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดแบบไม่มีใครเทียบได้
การปรับตัวของ Co-Working Space ในยุค New Normal
แน่นอนว่าถึงแม้ Co-Working Space จะได้รับผลกระทบในแง่บวกจากวิกฤติโควิด-19
นี้ก็จริง แต่ก็ต้องเกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอให้สอดคล้องกับ New Normal ของโลกใบนี้อยู่ดี
เพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้สึกอุ่นใจรับรู้ได้ถึงความปลอดภัยเมื่อมาใช้บริการ
โดยปัจจุบัน ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนได้มีการเปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งเขาได้วางบรรทัดฐานของการทำ Co-Working Space ในรูปแบบ New
Normal ไว้อย่างดี เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้ทุกคนที่มาใช้บริการ
1. ต้องเว้นระยะห่าง
การเว้นระยะห่างของ Co-Working Space นั้นสามารถทำได้ด้วยการจัดเก้าอี้ให้สามารถนั่งได้แบบตัวเว้นตัว
จำกัดผู้โดยสารในลิฟต์ และยืนตามจุดที่กำหนดมีการจัดระเบียบการเข้าออกร้านค้าต่างๆ
เพื่อไม่ให้เกิดการแออัดมากเกินไป
2. นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งาน
Co-Working Space ในอนาคตจะมีการนำหุ่นยนต์อัจฉริยะมาอำนวยความสะดวกไปยังห้องต่างๆ
และเปิดให้ทุกพื้นที่นั้นรองรับสังคมไร้เงินสด ชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ เพื่อลดการสัมผัสหรือการแพร่เชื้อ
อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Heat Map ที่จะคอยสอดส่องว่าพื้นที่ไหนมีการใช้งานที่หนาแน่นเกินไป
เพื่อลดความเสี่ยงตรงนี้ด้วยเช่นกัน
3. คัดกรองก่อนเข้าใช้บริการ
แน่นอนว่าใน Co-Working Space ก่อนจะเข้าใช้บริการได้ก็จะมีการคัดกรองต่างๆ
เช่น วัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคาร กรอกแบบสอบถามด้านสุขภาพก่อนเข้าใช้งาน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่ในพื้นที่
Co-Working Space
4. ทำพื้นที่ให้สะอาดอยู่เสมอ
สุดท้ายคือเรื่องของความสะอาดที่เป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันเชื้อไวรัส
Co-Working Space จะต้องมีการทำความสะอาดบัตรจอดรถก่อนและหลังใช้งาน
มีจุดบริการแอลกอฮอล์ทั่วทั้งอาคาร และทำความสะอาดจุดสัมผัสต่างๆ ทุก 30 นาที เช่น
ราวบันได ที่จับประตู ลิฟต์ และสถานที่อื่นๆ
ทั้งหมดนี้คือบรรทัดฐานการให้บริการรูปแบบใหม่ของ Co-Working Space ในสไตล์ New Normal ที่คุณจะต้องพบเจอในอนาคต สำหรับผู้ประกอบการ Co-Working Space เองก็ต้องพัฒนาพื้นที่ของคุณให้อยู่ในมาตรฐานเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการและเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างหนึ่ง