The Internship เป็นภาพยนตร์ comedy ที่เข้าฉายตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งเป็นผลงานการกำกับโดย Shawn Levy เขียนบทโดย Jared Stern และ Vince Vaughn ซึ่งนำแสดงเองด้วยพร้อมกับ Owen Wilson ที่เคยฝากผลงานคู่กันในเรื่อง Wedding Crashers เมื่อปี 2005 มาก่อน
The Internship เป็นเรื่องของคู่หูเซลล์แมนขายนาฬิกา 2 คน Billy McMahon (Vince Vaughn) และ Nick Campbell (Owen Wilson) ที่บริษัทปิดตัวลง เพราะใคร ๆ ก็หันมาดูเวลาจากมือถือกันหมด ทั้งคู่จึงตัดสินใจสมัครเข้าเป็นเด็กฝึกงานในบริษัท Google ซึ่งทำให้ต้องร่วมทีมกับเด็กรุ่นใหม่อีก 4 คน จากต่างชาติต่างภาษา ไม่ว่าจะเป็น Staurt ที่วัน ๆ ก้มหน้าก้มตาอยู่กับมือถือ YoYo ลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อเมริกัน Neha ลูกครึ่งอินเดีย-อเมริกัน และ Lyle ที่มีโลกส่วนตัวสูง เพื่อปกปิดความรู้สึกอ่อนแอ ไม่มั่นคง ซึ่งแต่ละคนล้วนมีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ทั้งสิ้น
ต่างจาก Billy และ Nick ที่ไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์เลย แถมอายุมากอีกต่างหาก ทำให้ไม่ว่าจะเป็น Chetty ผู้ดูแลเด็กฝึกงาน รวมไปถึงผู้ร่วมทีมทั้ง 4 ต่าง ก็คลางแคลงในความสามารถของทั้งสอง และดูจะเข้ากันไม่ค่อยได้
ทั้งสองจึงต้องพยายามปรับตัวทำให้ทั้งทีมยอมรับ ในขณะเดียวกันพวกเขาทั้งทีมก็จะต้องฝ่าอุปสรรคการแข่งขันเพื่อให้เป็นผู้ชนะ จึงจะได้รับคัดเลือกเข้าเป็นพนักงานของ Google ซึ่งต้องผ่านภารกิจหลายอย่างด้วยกัน
จากความแตกต่างกันของคนในทีมขนาดนี้ ทีมนี้จะชนะการแข่งขันหรือไม่ ลองเดากันดูค่ะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีหักมุมมั้ย
นอกจากจะเป็นภาพยนตร์ comedy ดูสนุกแล้ว ยังได้สาระเกี่ยวกับการทำงานหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล ที่ทำให้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือผู้คนต่างได้รับผลกระทบ ซึ่งผู้ที่จะอยู่รอดได้นั้น ย่อมต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาวะใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น กล้าที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำ และเมื่อต้องเข้าสู่สังคมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศใหม่ หรือร่วมงานกับคนใหม่ที่มีความแตกต่างกัน ทั้งอายุและความสามารถ มุมมอง ประสบการณ์
สิ่งสำคัญก็คือ การยอมรับฟังความคิดเห็นหรือความสามารถของผู้อื่น เพื่อให้สามารถนำข้อดีหรือความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ของแต่ละคนมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ อย่างเช่นในภารกิจสุดท้ายของการฝึกงาน ที่จะต้องทำให้ร้านค้าในชุนชมเข้าร่วมเปิดร้านออนไลน์กับ Google ซึ่งปรากฏว่าเมื่อทีมเด็กรุ่นใหม่เข้าไปเสนอข้อเสนอให้กับเจ้าของร้าน แต่ไม่ได้รับความสนใจเลย จนกระทั่ง 2 คู่หูใช้ความเป็นเซลล์แมนตัวพ่อ เพื่ออธิบายถึงโอกาสในการเติบโตและขายสินค้าไปได้ทั่วโลก เจ้าของร้านจึงคล้อยตามและยอมเข้าร่วมโครงการในที่สุด
ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะสำคัญ แต่การสื่อสาร และความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน หากสามารถหาจุดแข็งด้านอื่น ๆ มาผสานกับความสามารถของเทคโนโลยีสมัยใหม่ โอกาสความสำเร็จย่อมอยู่ไม่ไกลเลยล่ะค่ะ
https://youtu.be/cdnoqCViqUo