เคล็ดลับความสำเร็จ 'Digital Transformation’ สำหรับ SMEs
ในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโลกยุคดิจิทัลเป็นยุคที่ “ปลาเร็วกินปลาช้า” และไม่ใช่เร็วอย่างเดียวแต่เป็นปลาใหญ่ด้วย ดังนั้นถ้าหากองค์กรไม่คิดเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัวไปสู่ ‘Digital Transformation’ ในที่สุดองค์กรก็จะไปไม่รอดอย่างแน่นอน
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
ก่อนอื่นต้องอรรถาธิบายความหมายของ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น คือการเปลี่ยนวิธีคิดอย่างมีกลยุทธ์และวิธีคิดใหม่ในการทำธุรกิจทุกมิติ สู่การเป็น Digital Business นั่นแปลว่าทุกคนในองค์กรจะต้องมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง
ข้อคิดของประสบการณ์ในอดีตสะท้อนให้เห็นว่าความล้มเหลวของ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น จะมาจากผู้บริหารเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเรื่องของเทคโนโลยี ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องของ ‘การเปลี่ยนแปลง’ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงจะต้องให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์องค์กรเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
เหนือสิ่งอื่นใดองค์กรต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Digitization และ Digitalization เสียก่อนกล่าวคือ Digitization เป็นการลงทุนระบบเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การจัดหาระบบคอมพิวเตอร์, การจัดทำERP, CRM, การเก็บข้อมูลขึ้นระบบคลาวด์ หรือ การแปลงข้อมูลต่างๆ ในองค์กรให้อยู่ในรูปดิจิทัล
แต่สำหรับ Digitalization คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ เข้ามาแล้วทำให้กระบวนการทำงานเปลี่ยนไป ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สำคัญคือ เปลี่ยนประสบการณ์ผู้บริโภคทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
ตัวอย่าง ประเทศที่ทำอุตสาหกรรมส่งออกอาหารเป็นอันดับสองของโลกอย่าง เนเธอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลไม่ว่าจะเป็น AI Robotics และ โดรนมาขับเคลื่อนและพลิกประเทศของเขาจนประสบความสำเร็จ หรือการเข้ามาของเทคโนโลยี 3D Printer ที่จะส่งผลกระทบกับทุกอุตสาหกรรมและทั้งรายเล็กรายใหญ่
ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยต้องเรียนรู้ให้เท่าทัน ต้องรู้ว่าในอนาคตข้างหน้ามีเทคโนโลยีอะไรที่จะช่วยทำให้ธุรกิจก้าวขึ้นแท่นผู้นำในสาขาที่ถนัดตามเป้าหมาย และ ผู้ประกอบการต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างการเติบโตครั้งใหม่ โดยไม่มองว่าเป็นคู่แข่ง
สำหรับ ‘ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น’ นั้นมีอยู่ 2 ระดับ ระดับต่ำสุดก็คือ ธุรกิจเอาดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้เพื่อลดต้นทุน และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ระดับที่สอง คือเอามาเปลี่ยน Business Model ทำให้ธุรกิจเกิด New S-Curve เพราะดิจิทัลก็ถือเป็น S-Curve ของเทคโนโลยีเช่นกัน และนำไปสู่การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจและของประเทศ
บอสตัน คอลซัลติ้ง กรุ๊ป ได้แนะนำว่าให้องค์กรต่างๆ ควรตระหนักถึงขั้นตอนการทำ ‘Digital Transformation’ ไว้ 4 ขั้นตอน ดังนี้
1.กำหนดกลยุทธ์เชิงธุรกิจ ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยีดิจิทัล การวางแผนกลยุทธ์ธุรกิจขององค์กรต้องเป็นหนึ่งเดียวกับกลยุทธ์ด้านดิจิทัล ต้องมองแนวโน้มด้านดิจิทัลที่จะมีผลต่อธุรกิจ เช่น พิจารณาว่าข้อมูลจะเปลี่ยนแปลงการบริการลูกค้าได้อย่างไร ระบบออโตเมชั่น จะเปลี่ยนแปลงองค์กรได้อย่างไร หรือบริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นรูปแบบดิจิทัลได้อย่างไร
2.ปรับระบบหลักขององค์กรให้เป็นดิจิทัล นำระบบดิจิทัลเข้ามาใช้ในองค์กร เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น วางระบบ ซีอาร์เอ็ม, อีอาร์พี หรือระบบ ออโตเมชั่นต่างๆ ขณะเดียวกันต้องนำระบบดิจิทัลเข้ามาปรับในด้านของการทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อ เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ลูกค้า
3.หาสินค้าและบริการที่จะเติบโตเชิงดิจิทัล องค์กรต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางเติบโตในรูปแบบใหม่ ด้วยการมีสินค้าหรือบริการที่เกิดจากนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการลงทุนนั้นอาจต้องสร้างหน่วยธุรกิจใหม่
4.การขับเคลื่อน ประกอบย่อยช่วยผลักดัน ‘ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น’ ให้ประสบความสำเร็จ 4 ด้าน คือ
ทั้งนี้แนวทางการทำ ‘Digital Transformation’ นี้ อาจเริ่มต้นในลักษณะ จากข้างบนลงล่าง มีกลยุทธ์มาจากผู้บริหารสูงสุด หรืออาจเป็น จากข้างล่างขึ้นไปโดยเริ่มจากหน่วยธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง และอาจเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ Customer Journey ต่างๆ ขององค์กร จากนั้นมาพิจารณาว่าเทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร
อันที่จริง หลักการของ ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ไม่ได้แตกต่างกับเรื่องอื่นๆ เริ่มที่ผู้นำองค์กรเป็นอันดับแรก ที่ต้องรู้ว่าเทคโนโลยีอะไรที่จะสามารถนำมาใช้มีความเหมาะสมกับการขับเคลื่อนธุรกิจ และต้องมีเป้าหมายว่าธุรกิจควรจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด
ทั้งหมดนี้คือ หัวใจสำคัญของความสำเร็จของ ‘Digital Transformation’ อย่างแท้จริง
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก www.bangkokbanksme.com หรือ โทร call center 1333