แกะรอยโมเดลธุรกิจร้าน ‘After you’ทำอย่างไรถึงขายดี

ทำธุรกิจร้านอาหารได้ 7 เดือน พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ร้านอยู่รอด แต่สุดท้ายไปไม่รอด ฟางเส้นสุดท้ายคือ ขอเงินทุนทางบ้านมาอีกก้อน หวังฟื้นฟูกิจการร้านอาหารให้ยืนหยัดอยู่ได้ ทว่าจากความเชื่อว่าหากทำในสิ่งที่รักแล้วน่าจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นแทนที่จะนำเงินมาฟื้นฟูกิจการร้านอาหาร กลับเปิดเป็นร้านขนมหวานแทน โดยใช้ชื่อว่า ‘After you’ สาขาแรกที่ เจ อเวนิวซอยทองหล่อ 13 ปี 2550 ผ่านมา 11 ปี เชื่อว่า ‘อาฟเตอร์ ยู’ ชื่อนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะกว่าจะได้กินรอคิวกันนานมาก

‘เมย์ - กุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ’ ผู้ก่อตั้งร้าน ‘อาฟเตอร์ ยู’ บอกว่า จุดเริ่มต้นมาจากเป็นคนชอบขายของ และชอบทำขนม ทำให้อยากจะทำธุรกิจมีร้านขนมของตัวเอง แต่ก็เคยไปเรียนทำขนมที่ไหนเลย ความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดได้มาจากเรียนรู้จากรายการทีวี และการหาประสบการณ์จากสถานที่ต่างๆ ต่างด้วยตัวเอง ผ่านการลองผิดลองถูกมามากมาย จนเกิดเป็นความเชี่ยวชาญในที่สุด หลังเรียนจบเลยได้ทำทางบ้านให้ทำธุรกิจร้านอาหาร แต่บทสรุปก็ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้น

เงินก้อนสุดท้ายที่ขอมาจากทางบ้าน คือเชื้อไฟที่ เมย์ เลือกที่จะสานฝันร้านขนมหวานสิ่งที่รักและใฝ่ฝันมาตลอด โดยในช่วงแรกด้วยความกลัวพลาดอีก จึงพยายามลดต้นทุนทุกอย่างในร้าน ยกเว้นของที่จำเป็นต้องลงทุนจริง ๆ อย่างพวกเตาอบ ที่เป็นหัวใจของการทำเบเกอรี่ ตรงนี้ต้องใช้ของดี ทั้งให้ความสำคัญทุกรายละเอียดในร้าน ความสูงของโต๊ะ-เก้าอี้ อุณหภูมิ เสียงเพลง กลิ่น ทำให้ลูกค้าแม้รอนานจะได้ไม่รู้สึกเบื่อซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการครองใจลูกค้าในระยะยาวดีกว่าการทำอะไรที่ฉาบฉวย  ผลคือลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะพาคนอีกกลุ่มกลับมารับประทานที่ร้าน

เมย์ เล่าให้ฟังอีกว่า การวิจัยตลาดเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงแรกๆ เป็นแบบเรียบง่าย คือการเดินไปถามลูกค้าที่ร้านทุกโต๊ะเพื่อสอบถามความรู้สึกลูกค้าว่าคิดอย่างไร ทั้งพยายามแนะนำเมนูต่างๆ หรือทำขนมเมนูใหม่ๆให้ลูกค้าได้ลองชิม และเธอเชื่อว่าถ้าของเราดีมีคุณภาพ เน้นเรื่องมาตรฐาน ของต้องดี ก็จะเกิดการบอกต่อปากต่อปาก  หรือลูกค้าที่มาจะแชร์ในโซเชียลเอง ไม่ต้องไปจ้าง ทำโฆษณา อีกอย่าง ‘อาฟเตอร์ ยู’ จะคิดขนมใหม่ๆ พยายามมีเมนูใหม่ทุกๆเดือน  ทุกวันนี้จึงไม่มีใครปฎิเสธว่าจุดแข็งคือ การคิดค้นเมนูของหวานใหม่ๆ อยู่เสมอ

ในปี 2559 ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 165 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท อาฟเตอร์ ยู จํากัด (มหาชน)

ปัจจุบัน อาฟเตอร์ ยู มี 24 สาขา โดยเน้นการตั้งสาขาในพื้นที่ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศบิวดิ้ง คอมมูนิตี้มอลล์ ทั้งกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด ทว่า ต้นทุนการลงทุนสาขาค่อนข้างสูง จึงมีการใช้ช่องทางใหม่ๆในการกระจายสินค้า เช่น จับมือกับร้านสตาร์บัคส์ นำเมนู ซิกเนเจอร์อย่าง ‘ชิบูยา ฮันนี่ โทสต์’ ไปขายในร้าน ทำให้ไม่ต้องลงทุนเปิดสาขาเอง ทั้งยังช่วยทำให้แบรนด์ของ อาฟเตอร์ ยู แข็งแกร่งมากขึ้น รวมทั้งการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าไปสู่การบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง

เป้าหมายต่อไปในของ เมย์  คือการสร้างแบรนด์ย่อยเพื่อเพิ่มช่องทางในการเจาะตลาด ธุรกิจขนมหวาน อาทิ การทำให้โมเดลร้านใหม่ๆเช่นที่  สยาม พารากอน โดยใช้ชื่อ After You Durian เป็นร้านที่ใช้ทุเรียนเป็นวัตถุดิบหลัก จากนั้นก็สร้างสรรค์เมนูต่างๆ มาขาย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างดี

รวมทั้งการแตกตัวธุรกิจไปเจาะตลาดที่เป็น Mass ที่ขายตามช่องทางปกติทั่วไป โดยการผลิตสินค้าใหม่ๆ ในราคาสบายกระเป๋าให้คนทั่วไปได้ลิ้มลอง ซึ่งจะเป็นอีกบทพิสูจน์ของ ‘อาฟเตอร์ ยู’ ธุรกิจขนมหวานที่เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นว่าทำในสิ่งที่รักและสนใจแล้วจะประสบความสำเร็จ