ในวงการค้าปลีกระดับโลก ก่อนหน้านี้เราคงจะจับคู่ระหว่าง Amazon กับ Walmart
เปรียบเทียบหมัดต่อหมัดอยู่ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แต่ไม่ใช่ตอนนี้
เทรนด์โลกเปลี่ยน เทรนด์ค้าปลีกก็เปลี่ยน คู่แข่งระดับโลกที่น่ากลัวของAmazon อาจไม่ใช่แค่
Walmart อีกต่อไป เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็รู้ ธุรกิจค้าปลีกจีน เค้ามาแรง
ข้อมูลจากการจัดอันดับแบรนด์ระดับโลกโดย BrandZ ที่ได้จัดอันดับและรายงานประจำปี 2019 ที่มีการจัดอันดับแบรนด์ค้าปลีกทั่วโลก พบว่า Amazon รั้งอันดับหนึ่งแบรนด์ค้าปลีกของโลก โดยมีมูลค่าตลาดรวมทั่วโลก ถึง 3.155 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ Alibaba ค้าปลีกของจีน ขยับขึ้นจากอันดับ 3 มาเป็นอันดับ 2 มีมูลค่าตลาดรวมปีนี้ 1.31 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้าแบรนด์ McDonaid’s ที่เคยรั้งดับดับ 2 ในปีที่ผ่านมาอย่างเฉียดฉิว
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
David
Roth ซีอีโอของ The Store WPP EMEA และเอเชียและประธาน BrandZ กล่าวว่า วงการค้าปลีกกำลังเข้าสู่ยุคที่
3 นั่นคือ ‘ค้าปลีกแบบดิจิทัล’ ที่สู้กันด้วย ‘นวัตกรรม’ ทั้งนี้ผลการศึกษาเดิมพบว่า Alibaba เป็นธุรกิจค้าปลีกที่มีงานนวัตกรรม
มากกว่า Amazon ทั้งจากกรณีที่ Alibaba ร่วมมือกับ Starbucks
กาแฟเงือกเขียวที่ต้องการบุกตลาดประเทศจีน
โดยเปิดบริการส่งกาแฟถึงหน้าบ้านให้ลูกค้าชาวจีนในช่วงกลายปีที่ผ่านมาเป็นผลทำให้Alibaba มีแนวโน้มที่จะไล่ตามAmazonในอนาคตได้อย่างน่าสนใจ
รวมทั้งประเด็นนวัตกรรมของจีนนี้กำลังเป็นที่สนใจ
นอกเหนือจากกรณี ‘หัวเหว่ย’ ที่กำลังเจอมรสุมอยู่ในขณะนี้ โดยจากรายงานของ Securities
Daily News เมื่อวันที่ 20
พ.ค.62 ที่ผ่านมา ที่ระบุว่า ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากจีน ‘JD.com’
ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรด้านบล็อคเชนมากกว่า
200 ใบ
นอกจากนี้ ในรายงานยังมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าทาง Alibaba ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรบล็อคเชน 262 ใบ รวมไปถึง Tencent 80 ใบ และ Baidu อีก 50 ใบเช่นกัน
โดยอิงตามข้อมูลจากทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศจีน (Intellectual Property Center of China Information and
Communication) ได้บันทึกไว้
อีกทั้งจากข้อมูลที่ทางกรมได้ให้ออกมานั้นยังเข้าใจได้ว่า JD.com มีความแข็งแกร่งในเรื่องสิทธิบัตรเกี่ยวกับบล็อคเชนมากที่สุดในโลกแล้วตอนนี้ ส่วน Alibaba, Tencent และ Baidu นั้นตามมาเป็นที่ 2, 7 และ 15 ตามลำดับ
ในรายงานยังมีโน้ตไว้อีกว่า
ประเทศจีนถือว่าเป็นผู้บุกเบิกในด้านแอปพลิเคชันบล็อคเชนของโลก โดยตั้งแต่เมื่อปี
2556 จนถึง 2561 นั้น จีนได้มีสิทธิบัตรด้านบล็อคเชนเกิดขึ้นมาจำนวนถึง 4,435 ใบ
ถือเป็น 48% ของการยื่นจดสิทธิบัตรบล็อคเชนทั่วโลกเลยทีเดียว
ส่วนรองอันดับหนึ่งในเรื่องจำนวนสิทธิบัตรนั้นเป็นของฝั่งสหรัฐอเมริกา
ซึ่งได้จดสิทธิบัตรบล็อคเชนจำนวน 1,833 ใบ ถือเป็น 21%
ของสิทธิบัตรบล็อคเชนทั้งหมดในโลก
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้
จีนกำลังผงาดในด้านการเป็นเจ้าแห่งนวัตกรรม
ขณะที่ทางฝั่งอเมริกาอาจมองว่านี่คือภัยคุกคาม อย่างกรณีการสกัด ‘หัวเหว่ย’ ก็เป็นได้