สำหรับค่าแรงดังกล่าวเมื่อตีเป็นเงินบาทจะอยู่ที่ราว 126 บาทต่อวัน หรือ 3,730 บาท ต่อเดือน เมื่อเทียบกับปี 2558 เท่ากับเป็นการเพิ่มขึ้น 33% โดยจะปรับขึ้นในธุรกิจที่มีพนักงาน 10 คนขึ้นไป และบังคับใช้ในทุกเขต ทุกรัฐ
แน่นอนว่าการที่เมียนมาประกาศขึ้นค่าแรง ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศน่าจะขยับขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาสินค้า/บริการในเมียนมา ยังไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร รวมถึงยังไม่มีความหลากหลายมากนักเมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง สะท้อนว่าตลาดเมียนมา ยังมีความต้องการสินค้าและบริการที่หลากหลายอีกมาก
ขณะที่การเพิ่มยอดขายให้ได้ผลกำไรสูงสุด อาจต้องพึ่งพากลยุทธ์การตลาดเข้ามาปรับใช้ในธุรกิจของ SME แม้สินค้าจะยังไม่มีความหลายหลายและคุณภาพที่ดีนัก แต่สิ่งที่ต้องสร้างความแข็งแกร่งให้ SME คือเรื่องของกลยุทธ์การตลาด เพราะสิ่งที่ปราบเซียนในเมียนมามาจากการแข่งขันในธุรกิจ ตลาดเมียนมามีความรุนแรงสูงจากทั้ง SME ไทยด้วยกัน จาก SME จีน, SME เวียดนาม, SME มาเลเซีย, SME อินโดนีเซีย, SME เกาหลี และ SME ญี่ปุ่น
5 กลยุทธ์เพิ่มยอดขายในเมียนมา
สิ่งนี้เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นหากอยากขยายตลาดเข้าประเทศเพื่อนบ้าน เพราะการเพิ่มสายการผลิตจะสามารถขยายความต้องการซื้อของผู้บริโภคได้
การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดเดิมเป็นการทำให้ SME ได้กำไรโดยที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม แต่ต้องขยายส่วนแบ่งการตลาดเดิมให้ได้ ผ่านกลยุทธ์ดังนี้
SME เมียนมา เป็นประเทศที่ติดกับ 2 ประเทศที่ประชากรรวมกันแล้วมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งโลกรวมกัน นั่นก็คือ “จีนและอินเดีย” คุณสามารถขยายสินค้าของคุณที่อยู่ใน เมียนมาส่งออกจากชายแดนเมียนมาไปยังอินเดียและจีนได้
การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเป็นการเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้าให้ผู้บริโภคเช่นกัน
บทบาทสำคัญที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าจาก SME มากขึ้นที่สำคัญ ยังมาจาก “การบริการ” อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการแข่งขันทางการค้าในหมู่ SME มีความรุนแรงมาก การที่สินค้ามีคุณภาพ หรือจะติดโลโก้ Made in Thailand เพื่อสร้าง Nation Branding ไปแล้ว แต่การตัดสินใจซื้อของลูกค้าปัจจุบันยังมาจากการบริการอีกด้วย
Bangkok Bank SME เราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพ คลิก หรือสายด่วน 1333