จริงหรือ? อาเซียนจะฟื้นตัวเร็วสุดในโลกหลังจบโควิด

SME in Focus
22/07/2020
รับชมแล้วทั้งหมด 2472 คน
จริงหรือ? อาเซียนจะฟื้นตัวเร็วสุดในโลกหลังจบโควิด
banner

หลังจากจบวิกฤติโควิด-19 เหล่านักเศรษฐกิจศาสตร์และนักวิเคราะห์ด้านการเงินชั้นนำของโลก ยังคงมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจกลุ่มภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) 10 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย บรูไน เวียดนาม ลาว เมียนมา และกัมพูชา มีศักยภาพฟื้นตัวรวดเร็วที่สุดในโลก เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนทั่วโลกมั่นใจในชาติอาเซียนในการมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพสูงสุดทั้งในปัจจุบันและอนาคต

โดยเฉพาะประเทศไทยถือว่ามีความโดดเด่นเหนือกว่าชาติอาเซียนด้วยกัน เพราะนักลงทุนต่างชาติมีมุมมองทางบวกต่อมาตรการควบคุมการระบาดเชื้อโรคในไทย หลังจากรัฐบาลยกระดับควบคุมการแพร่ระบาดโควิดขั้นสูงสุดจนสถานการณ์คลี่คลาย จากนั้นรัฐบาลไทยคลายมาตรการคุมเข้มตามขั้นตอนปล่อยให้เศรษฐกิจขยับตัวค่อยเป็นค่อยไป ทำให้นักลงทันต่างชาติเกิดความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในไทย

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

สอดคล้องกับบริษัทยัวโกฟ (YouGov) จากประเทศอังกฤษ ที่รายงานดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดเชื้อโรคของประเทศไทย จากการสุ่มสอบถามประชาชนกลุ่มตัวอย่างจำนวน 12,999 ราย ใน 56 ประเทศอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ต่างก็ให้ความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยยกย่องประชาชนชาวไทยมีความรับผิดชอบสูง และยังมีพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สูงที่สุดในอาเซียน จนทำให้ประเทศไทยสามารถตัดวงจรการแพร่ระบาดของโควิดอยู่ในวงจำกัด

สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีจุดแข็งไม่แพ้ใครด้วยระบบสาธารณะสุขที่ยอดเยี่ยม และพฤติกรรมความมีระเบียบเคร่งครัดของประชาชนชาวไทยในการช่วยกันควบคุมโรคระบาด ทำให้นักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นว่าหลังจากจบวิกฤติโควิด ประเทศไทยเปิดประเทศอย่างเป็นทางการจะได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวและภาคการลงทุนเป็นประเทศแรกๆ ของกลุ่มชาติอาเซียนด้วยกัน เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติมีมุมมองด้านบวกต่อมาตรการการควบคุมการระบาดในไทย

 

ญี่ปุ่นเลิกพึ่งจีนเตรียมย้ายฐานผลิตมาไทยและอาเซียน

อานิสงส์ชาติอาเซียนตัดวงจรการแพร่ระบาดโควิดไม่ให้ขยายเป็นวงกว้าง ไม่เพียงแต่สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติแล้วยังดึงดูดกลุ่มนักลงทุนเข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น เพราะต้องการหลีกสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนที่ยังทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้รัฐบาลหลายประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นเร่งอัดฉีดงบประมาณอุดหนุนให้แก่บริษัทชั้นนำ เพื่อลงทุนในโรงงานในญี่ปุ่นและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดการพึ่งพาการผลิตในประเทศจีน

โดยกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (METI) ของญี่ปุ่น ยืนยันเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่ารัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนบริษัทยักษ์ใหญ่จำนวน 57 แห่ง รวมถึงผู้ผลิตหน้ากากอนามัย เช่น Iris Ohyama Inc. และ Sharp Corp โดยได้รับเงินอุดหนุนรวมทั้ง 57,400 ล้านเยนจากรัฐบาลเพื่อลงทุนในการผลิตในญี่ปุ่น เช่นเดียวกับบริษัทอีก 30 แห่งจะได้รับเงินเพื่อเข้าไปลงทุนในไทย เวียดนาม เมียนมา และประเทศอื่นๆ ในอาเซียน

การย้ายฐานผลิตเข้าไปลงทุนในไทยและอาเซียนครั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงและพึ่งพาประเทศจีนอย่างเดียว โดยรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมอัดฉีดงประมาณรวมทั้งสิ้น 70,000 ล้านเยน ซึ่งงบประมาณส่วนนี้มาจากจากงบประมาณ 243,5000 ล้านเยนที่รัฐบาลจัดสรรในเดือนเมษายน เพื่อลดการพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานของจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บริษัทย้ายโรงงานกลับบ้านหรือไปลงทุนยังประเทศอื่นๆ แทน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังเลวร้าย

 

จีนแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นแทนนักลงทุนเบอร์ 1 ในไทยและอาเซียน

ในฐานะประเทศที่ครองตำแหน่งนักลงทุนเบอร์ 1 ในไทยและอาเซียน แซงหน้าคู่แข่งญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2019 ทางการจีนยังสนับสนุนให้นักลงทุนจากแดนมังกรไปลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานที่มั่นโดยเฉพาะประเทศไทย เมื่อปี 2019 นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทย คิดเป็นมูลค่า 2.62 แสนล้านบาท มากกว่า 50% ของการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด เหนือกว่าญี่ปุ่นลงทุนคิดเป็นมูลค่า 7.31 หมื่นล้านบาท ตามมาด้วยฮ่องกงคิดเป็นมูลค่า 3.63 หมื่นล้านบาท

การเข้ามาของกลุ่มทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับโครงการ “One Belt One Road” หรือเส้นทางสายไหมใหม่ ที่มีมูลค่าสูงสุดในปี 2019 ได้แก่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-อู่ตะเภา คิดเป็นมูลค่า 2.24 แสนล้านบาท ซึ่งมีการลงนามสัญญาจ้างระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มบริษัทจีน โดยมีบริษัท Railway Construction Corporation บริษัทสร้างทางรถไฟที่เป็นของรัฐบาลจีน

บรรยากาศการลงทุนครึ่งปีหลังของปี 2020 มีแนวโน้มคึกคักลากยาวไปถึงปี 2021 เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน โดยเฉพาะโครงการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เพื่อเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ผ่านมาตรการ Thailand Plus ซึ่งเพิ่มสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 50 เป็นเวลา 5 ปี สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนภายในปี 2563 และมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564

ขณะเดียวกันบีโอไอยังได้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี โดยให้โครงการลงทุนในทุกพื้นที่อีอีซีสามารถได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม (ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% 3 ปี หรือยกเว้น 2 ปี) ไม่ว่าจะตั้งอยู่ในนิคมหรือเขตอุตสาหกรรม หากโครงการรับนักศึกษาฝึกงานตามจำนวนขั้นต่ำที่กำหนดไว้ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ส่วนโครงการที่ตั้งในพื้นที่พิเศษ (เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) และศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ พัทยา หรือ EECmd) รวมทั้งนิคมนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอันเนื่องจากที่ตั้งอีกด้วย

จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของอาเซียนกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนด้วย และที่สำคัญทั้ง 10 ชาติอาเซียนกำลังอยู่ในช่วงของการสร้างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคม โดยในอีก 10 ปีข้างหน้าภูมิภาอาเซียนจะเป็นภูมิภาคที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก ด้วยตลาดผู้บริโภค 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งในแต่ละประเทศสมาชิกกำลังพัฒนาที่แตกต่างกัน และทุกประเทศจะได้รับโอกาสในการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น


สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<< 


เศรษฐกิจเวียดนามไปต่อหลัง EVFTA บังคับใช้

จับตา! กลุ่มทุนค้าปลีกไทยรุกตลาดอาเซียน


Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

ยนต์ผลดี จากโรงงานผลิตเครื่องสีข้าว สู่ ‘โรงเรียนโรงสี’ และเป้าหมายการยกระดับอุตสาหกรรมข้าวให้เข้มแข็ง

ยนต์ผลดี จากโรงงานผลิตเครื่องสีข้าว สู่ ‘โรงเรียนโรงสี’ และเป้าหมายการยกระดับอุตสาหกรรมข้าวให้เข้มแข็ง

โรงเรียน ‘โรงสีข้าว’ แห่งแรกของไทย โรงเรียน ‘โรงสีข้าว’ หรือ ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวข้าว จัดตั้งโดย บริษัท ยนต์ผลดี จำกัด…
pin
251 | 25/03/2024
3 ผู้บริหารหญิงยุคใหม่ กับแนวคิดใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจรับเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ

3 ผู้บริหารหญิงยุคใหม่ กับแนวคิดใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนธุรกิจรับเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ

ไขเคล็ดลับและแนวคิดที่ผลักดันให้ผู้นำหญิงในโลกธุรกิจขึ้นมายืนแถวหน้า นักธุรกิจหญิงแกร่งที่ทรงพลังต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ จนทำให้พวกเธอสามารถขึ้นมายืนแถวหน้าอย่างภาคภูมิ…
pin
417 | 22/03/2024
พลังหญิง เปลี่ยนโลก 3 บทบาทของผู้บริหารหญิงในการขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียวที่สร้างแรงบันดาลใจด้านสิ่งแวดล้อม

พลังหญิง เปลี่ยนโลก 3 บทบาทของผู้บริหารหญิงในการขับเคลื่อนธุรกิจสีเขียวที่สร้างแรงบันดาลใจด้านสิ่งแวดล้อม

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อธุรกิจ เมื่อหลายประเทศทั่วโลกเริ่มออกกฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น…
pin
329 | 20/03/2024
จริงหรือ? อาเซียนจะฟื้นตัวเร็วสุดในโลกหลังจบโควิด