จับตา! กลุ่มทุนธุรกิจค้าปลีกไทยสมัยใหม่ เมื่อรุกตลาดอาเซียน

ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ของตลาดอาเซียนมีประชากรกว่า 600 ล้านคน ทั้งยังมีกำลังซื้อสูงจากการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) และการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว เป็นปัจจัยหนุนให้ธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในอาเซียนมีแนวโน้มเติบโตได้ดี นี่จึงเป็นโอกาสหนึ่งของนักธุรกิจค้าปลีกไทยจะขยายการลงทุนเข้าไปยังอาเซียน แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาเซียน แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ของไทยก็สามารถฝ่าวงล้อมปัจจัยลบเข้าไปลงทุนได้

โดยเมื่อเดือนเมษายน 2563 ที่ผ่านมา กลุ่ม CP ALL เป็นตัวอย่างนักลงทุนได้เดินหน้าขยายไปรุกตลาดโมเดิร์นเทรดในประเทศเมียนมาเป็นสาขาแรก และได้เปิดให้บริการไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2563

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme 

สำหรับห้างแมคโครเมียนมานี้ ถือเป็นห้างค้าปลีกแห่งที่ 3 ในอาเซียนของแมคโคร จากก่อนหน้านี้ที่ได้ขยายไปยังกรุงพนมเปญ และเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้เป็นกิจการที่คนไทยถือหุ้น 100% ตามประกาศที่รัฐบาลเมียนมา เปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติสามารถขออนุญาตประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในเมียนมาได้ ซึ่งทางแม็คโครวางระบบการบริหารจัดการภายใต้บริษัท Aro Company Limited (Myanmar) และ Aro Commercial Company Limited (Myanmar) 

ห้างแมคโครเมียนมาแห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขต Mingalar Taung Nyunt Township มีพื้นที่ ขนาด 25 ไร่ แบ่งเป็นลานจอดรถสัดส่วน 40% รองรับรถได้ถึง 300 คัน และอาคาร 60% ซึ่งแบ่งเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตและส่วนจัดเก็บ รวมประมาณ 7,700 ตารางเมตร และพลาซ่าซึ่งเปิดให้ร้านค้าภายนอกเช่า 2,000 ตารางเมตร ซึ่งมีทั้งร้านอาหารไทยและเมียนมาได้เช่าเปิดกิจการ เช่น เชสเตอร์กริลล์ ร้านกาแฟจังเกิล เป็นต้น

ทั้งนี้ ทางแมคโครได้มีการจัดหาสินค้าจากการนำเข้าสินค้าไทยไปจากประเทศไทย ทั้งกลุ่มอาหารสด อาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร เครื่องดื่ม ขนม อาหารกระป๋อง และส่วนประกอบอาหาร และกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะมีการเปิดจำหน่ายสินค้าแล้ว ทางห้างแมคโครยังได้ให้บริการจำหน่ายสินค้าในช่องทางออนไลน์ และบริการเดลิเวอรี่ด้วย เมื่อซื้อสินค้า 250,000 จ๊าต หรือ 6,250 บาท

นอกจากการให้บริการจำหน่ายสินค้าแล้ว ทางแม็คโครยังได้เปิดให้บริการศูนย์การเรียนรู้ Makro Retailer Allience Center เพื่ออบรมให้ความรู้กับผู้ประกอบการร้านค้าโซห่วย หรือโมเดลต้นแบบในเมียนมา เกี่ยวกับการจัดวางสินค้า การจัดร้าน การบริหารจัดการด้านการเงิน การทำการตลาด เป็นต้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจบริการอาหาร (Food Service) ในอนาคต

ไม่เพียงแค่เมียนมาเท่านั้น กลุ่ม CP ALL ยังได้รุกขยายธุรกิจร้านค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อเซเว่น-อิเลฟเว่นไปยังกัมพูชาด้วย โดยจัดตั้งบริษัท CPALL (Cambodia) จำกัด ถือหุ้น 100% โดยบริษัทลูกของซีพีออลล์ ที่ชื่อว่า Albuera International Limited ซึ่งได้ทำสัญญาแฟรนไชส์หลัก สำหรับดำเนินการร้านเซเว่นฯ ในกัมพูชากับ 7Eleven,Inc. เรียบร้อยแล้วเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2563

วางเป้าหมายการลงทุนครั้งนี้ จะเปิดสาขาแรกที่กรุงพนมเปญ และขยายสาขาให้ได้ 1,000 สาขาในปี 2021 พร้อมทั้งขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ที่สนใจต่อไป สำหรับสินค้าที่นำไปจำหน่ายในร้านเซเว่นฯ มีทั้งอาหารแห้ง ขนม เครื่องดื่ม และอาหารพร้อมทาน เพื่อรองรับผู้บริโภคในตลาดกัมพูชา ซึ่งก็ถือเป็นตลาดที่เริ่มปรับตัวรับธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่มากขึ้น ทำให้มีทั้งการลงทุนธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเมืองเศรษฐกิจสำคัญอย่าง เสียมราฐ พระตะบอง และพระสีหนุ มีจำนวนร้านค้าปลีกสมัยใหม่กว่า 60-70 สาขา คาดว่าจะขยายไป 100 สาขา

ต้นแบบการลงทุนของธุรกิจค้าปลีกไทยในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงความมีศักยภาพทางธุรกิจของนักลงทุนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนด้วยกัน ช่วยการจ้างแรงงานท้องถิ่น กระตุ้นรายได้ให้กับประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืนอีกด้วย ขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสในการกระจายสินค้าไทยถึงมือผู้บริโภคทั้งในตลาดเมียนมาและกัมพูชาอีกด้วย 

สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<

มิงกะลาบา...เมียนมา ตลาดใหม่ E-Commerce

จับตา! การค้าออนไลน์ข้ามพรมแดนกัมพูชา