ปัจจุบันโลกเริ่มเข้าสู่ยุคระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Digital Economy) ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลจะไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนการทำงาน แต่เป็นฐานรากของเศรษฐกิจ ทั้งกระบวนการการผลิต การค้า การบริการ และกระบวนการทางสังคมอื่นๆ รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ด้วยเหตุนี้ทั่วโลกจึงให้ความสำคัญต่อการขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
กรณีศึกษาของ ‘ประเทศออสเตรเลีย’ ก็เป็นอีกโมเดลหนึ่งที่น่าสนใจยิ่ง
ต่อการพัฒนาประเทศไปสู่การเป็นผู้นำด้าน Digital Economy ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม
2563 ที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียประกาศการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลหลายประการ อาทิ ประกาศแผนกลยุทธ์ด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการลงทุน
หรือ 2020 Cyber Security Strategy เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยออนไลน์
โดยรัฐบาลออสเตรเลียจะจัดสรรเงินลงทุน 1,670 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วง 10 ปี
ซึ่งนับเป็นการจัดสรรงบประมาณด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
เพื่อพัฒนาขีดความสามารถสำหรับภาครัฐในการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับประชาชนและภาคธุรกิจ
กระตุ้นให้ธุรกิจปกป้องตนเองและลูกค้าจากภัยคุกคามทางไซเบอร์
และสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจดิจิทัล
นอกจากนี้เมื่อเดือนกันยายน 2563
รัฐบาลได้ประกาศแผนการพัฒนา National
Broadband Network (NBN) เพิ่มเติม วงเงิน 4,500
ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อให้ครัวเรือนและธุรกิจหลายล้านรายทั่วประเทศ
รวมถึงในเขตภูมิภาคของออสเตรเลียให้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างทั่วถึงในช่วง
2 ปีข้างหน้า (ภายในปี 2565) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพและการเติบโตทางธุรกิจ
รวมถึงลดต้นทุนทางธุรกิจและเพิ่มการเข้าถึงบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ผ่านโครงข่ายเส้นใยแก้วนำแสง
(Fibre Optic)
อีกทั้งรัฐบาลได้จัดทำแผนธุรกิจดิจิทัล
วงเงิน 800 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
เพื่อสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการเริ่มต้นธุรกิจ
ขยายธุรกิจ และสร้างงาน รวมถึงลดขั้นตอนและกฎระเบียบที่ยุ่งยากของราชการในโลกดิจิทัล
ทั้งนี้ องค์ประกอบที่สำคัญของแผนดังกล่าว ได้แก่
1.
การพัฒนาระบบ Digital Identity วงเงิน 256.6
ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจ และประชาชนในออสเตรเลียจำนวนประมาณ 2.7
ล้านราย สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ 70 ประเภทได้อย่างรวดเร็วขึ้น
ซึ่งหากธุรกิจใหม่ทั้งหมดใช้ระบบ Digital Identity จะสามารถประหยัดต้นทุนได้ถึง
236 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในระยะเวลา 5 ปี
2. การใช้งานโปรแกรม Modernizing Business Registers (MBR) อย่างเต็มรูปแบบวงเงิน
419.9 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบ ปรับปรุง
และเก็บรักษาข้อมูลทะเบียนธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและครบวงจร
3. การทดลองใช้เทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ในภาคอุตสาหกรรมที่สำคัญ เช่น เกษตรกรรม
เหมืองแร่ โลจิสติกส์ และการผลิต วงเงิน 29.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
4. การเปิดใช้งานระบบ Consumer Data Right (CDR) ในภาคธนาคารและพลังงานวงเงิน
28.5 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงและควบคุมข้อมูลได้มากขึ้น
เพิ่มความสามารถของผู้บริโภคในการเปรียบเทียบและเปลี่ยนผู้ให้บริการ
และส่งเสริมการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการ
5. การขยาย Australian Small Business Advisory Service วงเงิน
22.2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็ก ในการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น
แผนพัฒนาธุรกิจดิจิทัลดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย JobMaker ของรัฐบาลออสเตรเลีย เพื่อฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจของออสเตรเลียจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ GDP ของออสเตรเลียราว 6,400 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี ภายในปี 2567 และสนับสนุนเป้าหมายในการทำให้ออสเตรเลียเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล
ทั้งนี้ประเทศไทยเองก็มีแผนในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล
เป็นโรดแมพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศสู่การเป็น Smart Nation City ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม
ซึ่งผู้ประกอบการเองก็ควรศึกษาและวางแผนการปรับตัวในระยะกลางและระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจก้าวทันเทรนด์ของการพัฒนาของโลกในยุคต่อไป
แหล่งอ้างอิง : https://globthailand.com/
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา