กระจายความเสี่ยง! คาเฟ่ อเมซอน-สตาร์บัคส์ เจาะตลาดยุค New Normal
ร้านกาแฟในเมืองไทยเป็นตลาดที่มีผู้เล่นเป็นจำนวนมาก
แต่แบรนด์ที่อยู่ในระดับ “ทรงอิทธิพล” ยังมีไม่มาก และที่เห็นชัดขณะนี้คือ “คาเฟ่
อเมซอน” แบรนด์ท้องถิ่นที่ถือว่า “ยืนหนึ่ง” ในตลาดร้านกาแฟระดับกลางและ “สตาร์บัคส์”
แบรนด์ระดับโลกที่ครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในกลุ่มร้านกาแฟพรีเมี่ยม
ทั้งสองแบรนด์มีฐานกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกันซึ่งอาจจะมองได้ว่าไม่ใช่คู่แข่งขันทางตรง
แต่หากมองถึงการวางเกมตลาดจะพบว่าขณะนี้ต่างฝ่ายต่างมุ่งไปในทิศทางเดียวกัน คือ ‘Place Strategy’ ด้วยการเร่งปักหมุดพื้นที่ขายให้ได้มากที่สุด
เพื่อลดโอกาสเสี่ยงจากความแน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
คาเฟ่
อเมซอน ยึดส่วนแบ่งตลาดแล้วกว่า 40%
‘คาเฟ่
อเมซอน’ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในธุรกิจร้านกาแฟด้วยการปูพรมสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ขายได้มากที่สุด
ด้วยการต่อยอดจากพื้นที่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. และขณะนี้ถือว่ามีสาขามากที่สุดในตลาดคือกว่า
3,000 แห่งทั่วประเทศ โดย 62.8% (ณ
วันที่ 31 มีนาคม 2563) เป็นสาขาอยู่ในสถานีบริการน้ำมันปตท.
โดยสัดส่วนที่เหลือจะกระจายสาขาสู่พื้นที่ในโมเดิร์นเทรด
มหาวิทยาลัย อาคารสำนักงานและร้านค้าเดี่ยว (Stand alone) โดยราว 80% ของเป็นการลงทุนผ่านแฟรนไชส์ ทำให้ ‘คาเฟ่ อเมซอน’ ขยายพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว และด้วยจำนวนสาขามากที่สุดทำให้ครองส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจร้านกาแฟไปกว่า
40% ขึ้นแท่นผู้นำตลาดเบ็ดเสร็จ
ปัจจุบัน
‘คาเฟ่ อเมซอน’ พยายามยกระดับ
Place Strategy ให้เทียบเท่าแบรนด์จากต่างประเทศ
เพื่อไต่ระดับไปให้ถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนผ่านการพัฒนาภาพลักษณ์ของสาขา ด้วยการให้ความสำคัญกับ
“อัตลักษณ์” หรือ Concept Store เพื่อสร้างความแตกต่างและแปลกใหม่
โดยจะขับเคลื่อนผ่านมิติของสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น สาขาหาดเตยงาม จังหวัดชลบุรี
ที่มีทหารผ่านศึกเป็นบาริสต้า หรือ ‘คาเฟ่ อเมซอน’ ฟอร์ แช้นส์ (Café Amazon for Chance) ซึ่งให้บริการโดย
“ผู้พิการทางการได้ยิน” ซึ่งขณะนี้มีสาขาเพิ่มเป็น 8
สาขาทั่วประเทศ
รวมถึงสาขาต้นแบบเซอร์คูลาร์
ลิฟวิ่ง คอนเซ็ปต์ ภายใต้แนวคิด Circular Living
ซึ่งเป็นร้านกาแฟแห่งแรกของ ‘คาเฟ่ อเมซอน’ ที่วัสดุอุปกรณ์กว่า 70% ของร้าน
ไม่ว่าจะเป็นแก้วกาแฟ หลอดดูด ฝ้าเพดาน โซฟา โต๊ะ เก้าอี้ และวัสดุตกแต่งร้านอื่นๆ
เป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากขยะรีไซเคิล
เล่นเกมเร็วส่งไซส์เล็ก เจาะฐานลูกค้าใหม่
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์โควิด
19 ที่ส่งผลให้ร้านภายในศูนย์การค้าต้องหยุดให้บริการ
ขณะที่สาขาในสถานีบริการน้ำมันต้องให้บริการแบบซื้อกลับเท่านั้น ทำให้ ‘คาเฟ่ อเมซอน’ ต้องทบทวนกลยุทธ์ด้านสาขาเพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต
โดยล่าสุด
‘คาเฟ่ อเมซอน’ ใช้ยุทธการเปิดเกมเร็วด้วยการโฟกัสสาขาขนาดเล็ก
ผ่านโมเดล “คาเฟ่ อเมซอนทูโก” ซึ่งจะมุ่งสู่ทำเลบนสถานีรถไฟฟ้า เบื้องต้นเปิดให้บริการ
3 สาขา คือ บีทีเอสสยาม บีทีเอสชิดลม เป็นต้น ซึ่งโมเดลนี้เน้นตอบโจทย์ความสะดวกสบาย
รวดเร็ว และการเข้าถึงของผู้บริโภคที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า
ล่าสุดยังได้เลือกใช้กลยุทธ์แบบ
Shop in Shop ด้วยการเปิดสาขาในพื้นที่ธนาคาร ซึ่งเริ่มเมือปีที่แล้ว โดยจะใช้พื้นที่เฉลี่ยไม่เกิน 30 ตารางเมตรต่อสาขา และ ‘คาเฟ่ อเมซอน’ เป็นผู้ลงทุนเอง
สำหรับสาขาในธนาคารถือว่าต่างฝ่ายได้ประโยชน์
หรือ win-win โดยร้านกาแฟจะได้โอกาสในการขายเพิ่มขึ้นในงบประมาณลงทุนที่ต่ำ
ขณะที่ผู้บริโภคก็สามารถเข้าถึงร้านกาแฟได้ง่ายมากขึ้น
ส่วนธนาคารถือเป็นว่าได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของสาขาได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการชดเชยกับการที่ผู้บริโภคไปใช้บริการในสาขาลงลด
ขณะเดียวกันร้านกาแฟสามารถที่ดึงให้ลูกค้าใช้เวลาในธนาคารได้มากขึ้น
ซึ่งเอื้อต่อการทำตลาดในธุรกรรมการเงินได้ดีขึ้น คาดว่าภายในสิ้นปี 2563 นี้ จะมีร้าน ‘คาเฟ่ อเมซอน’ เปิดในธนาคารประมาณ 10 กว่าสาขา
สตาร์บัคส์
ยังเป็นหนึ่งแห่ง “Concept Store”
สำหรับเชนร้านกาแฟระดับโลกอย่าง
‘สตาร์บัคส์’
ซึ่งเข้ามาเปิดวัฒนธรรมกาแฟในไทยถึง 22 ปี ที่ผ่านมา ‘สตาร์บัคส์’ มีความโดดเด่นอย่างมากในการขยายช่องทางขายในพื้นที่ศูนย์การค้า,
ร้านเดี่ยว, อาคารสำนักงาน ซึ่งชูธงด้วยการสร้างอัตลักษณ์ หรือ Concept
Store ผ่านโทนของสังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ซึ่งหลายแห่งในไทยติดอันดับสาขาที่สวยที่สุด
โดยตัวเลขสาขาของ
‘สตาร์บัคส์’ ณ เดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ 402 สาขา
สำหรับอัตราเร่งในการขยายสาขาช่วงแรกเฉลี่ย 10-15 สาขาต่อปี แต่ในช่วง
3 ปีหลังมานี้ได้เร่งขึ้นเป็นปีละ 40 สาขาและขยายสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น
ขณะเดียวจะเห็นได้ชัดว่า ‘สตาร์บัคส์’ เองได้ปรับยุทธวิธีในการเพิ่มโอกาสใหม่ๆ
ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น เปิดช่องทางไดร์ฟ ทรู รวมถึงการนำแบรนด์ ‘สตาร์บัคส์’ เข้าสู่พื้นที่สถานีบริการน้ำมัน
เริ่มจากปี
2561 ด้วยการร่วมกับเอสโซ่
ซึ่งปัจจุบันมีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าจะเป็นสาขาในสถานีบริการน้ำมัน
‘สตาร์บัคส์’ ยังคงให้ความสำคัญกับการออกแบบและการสร้างอัตลักษณ์ที่แตกต่าง
เช่น สถานบริการน้ำมันเอสโซ่ ปาร์ค บางบัวทองแห่งใหม่ ที่ออกแบบอาคารสถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย
ตัวอาคารสร้างจากวัสดุที่ใช้ในอดีตอย่างอิฐดินเผา มีการ “ย่อมุม” อาคารเพื่อสะท้อนภูมิปัญญาของสถาปัตยกรรมไทยเพื่อลดทอนความแข็งของอาคาร
สำหรับปีนี้
‘สตาร์บัคส์’ มีคาลเท็กซ์เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่
โดยเริ่มเปิดให้บริการสาขาแบบไดร์ฟ ทรูที่สาขารังสิต คลอง 3 โดย
‘สตาร์บัคส์’ จะเข้ามาสนับสนุนแนวความคิดของคาลเท็กซ์สาขานี้ให้เป็น
Community Place แห่งใหม่ในย่านรังสิต ซึ่งสาขาไดร์ฟ
ทรูออกแบบเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมด้านขนาน ตกแต่งอาคารด้วยโทนสีเข้ม
เพื่อขับให้ตัวอาคารของทั้งสองแบรนด์โดดเด่นมากขึ้น
จับมือ 3 แอปฯ เสริมแกร่ง Delivery
ด้วยจำนวนสาขาของ
‘สตาร์บัคส์’ ที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ศูนย์การค้าหรือช้อปปิ้งมอลล์
ซึ่งต้องใช้เวลาเพื่อเดินทาง รวมถึงข้อจำกัดด้านที่จอดรถไม่เพียงพอหรือหายาก
ขณะที่ผู้บริโภครุ่นใหม่มีทางเลือกในการซื้อหาสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทั้งยังต้องการความสะดวก
รวดเร็ว ประกอบกับการสถานการณ์โควิด 19
ในไทยแม้ว่าจะดีขึ้นแต่ยังอยู่ในมาตรการที่ต้องจับตาทุกระยะ
ปัจจัยเหล่านี้ระยะยาวอาจมีผลกระทบต่อความถี่ในการใช้บริการในร้าน
แม้ว่า ‘สตาร์บัคส์’ จะสร้างความแข็งแกร่งจากแนวคิด
“บ้านหลังที่ 3” หรือ Third Place แต่ในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง
การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงความต้องการ เป็นมาตรการที่ต้องเร่งให้ความสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบ
ทำให้ที่ผ่านมา
‘สตาร์บัคส์’ ได้ขยายความร่วมมือเพื่อเสิร์ฟกาแฟผ่านช่องทางเดลิเวอรี่หนักขึ้น
เริ่มจากแกร็บ ฟู้ด โดยให้บริการสั่งซื้อกาแฟและเครื่องดื่มแก้วโปรดผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บ
เบื้องต้นครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑลผ่าน ‘สตาร์บัคส์’ กว่า 75 สาขา
ในปีนี้ได้ขยายบริการด้วยการเพิ่มบริการผ่านไลน์
แมนโดยให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์แมน ซึ่งให้บริการใน 8 จังหวัด ได้แก่
กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา และชลบุรี
สามารถสั่งได้จาก 133 สาขา รวมถึงมีการทำแคมเปญร่วมกัน อาทิ ค่าส่งฟรีสำหรับ 3 กิโลเมตรแรก
นอกจากนี้สามารถสั่งเครื่องดื่มผ่าน Official
Account ของ ‘สตาร์บัคส์’ ในแอปฯ ไลน์แมนได้เช่นเดียวกัน
ล่าสุดคือฟู้ด
แพนด้า ซึ่งการร่วมมือครั้งนี้เป็นการขยายพื้นบริการในต่างจังหวัดให้มากที่สุด โดยจะครอบคลุมพื้นที่จัดส่งมากที่สุดในประเทศไทยกว่า
40 จังหวัด
การเข้ามารุกหนักในช่องทางเดลิเวอรี่ในช่วงที่นี้
ด้วยการจับมือกับแบรนด์ใหญ่ในตลาดฟู้ด เดลิเวอรี่ ครบทุกราย และครอบคลุมพื้นที่ได้ทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัด ด้านหนึ่งนั้นจะทำให้ ‘สตาร์บัคส์’ ลดทอนจุดอ่อนของการมีจำนวนสาขาลงได้ระดับหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้นคือการเพิ่มโอกาสขายที่สอดรับกับชีวิตวิถีใหม่ซึ่งน่าจะคงอยู่ในเมืองไทยไปอีกระยะหนึ่ง