ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแส K-Wave ทรงอิทธิพลต่อผู้บริโภคทั่วโลกรวมถึงไทย ซึ่งเริ่มจากการซึมซับวัฒนธรรมเกาหลีผ่านสื่อบันเทิงทั้งเพลง ซีรี่ส์ นำไปสู่ความนิยมในการใช้ชีวิตในสไตล์เกาหลี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือความนิยมในการเข้าร้านกาแฟ หรือ ‘คาเฟ่’
เป็นที่ทราบกันดีว่าธุรกิจคาเฟ่ในไทยขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่หากเทียบกันกับธุรกิจค่าเฟ่ในเกาหลีแล้วยังทิ้งห่างกันพอสมควร
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
จากรายงานของกระทรวงเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพของเกาหลีใต้ หรือ Small Enterprises and Market Service (SEMAS) ซึ่งระบุว่า ปัจจุบันประเทศเกาหลีใต้มีจำนวนร้านกาแฟ 90,809 ร้าน ไม่นับรวมร้านเบเกอรี่ และร้านขนมหวานที่ขายกาแฟ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มากกว่าร้านสะดวกซื้อ ที่ขณะนี้มีจำนวน 54,000 แห่ง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดร้านกาแฟเติบโตเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว จาก 3 แสนล้านวอน เป็น 8.8 แสนล้านวอนในช่วงเวลา 10 ปี หรือจากปี 2006 จนถึงปี 2016 เป็นผลมาจากผู้บริโภคเกาหลีใต้ที่นิยมบริโภคกาแฟในจำนวน 25,000 ล้านแก้ว หรือเฉลี่ยปีละ 500 ถ้วยต่อปี ทั้งยังเติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลของ Euromonitor International ที่ระบุว่าในปี 2017 มูลค่าตลาดนี้เพิ่มขึ้น 2%
โดยหากวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียดจะพบว่า นอกจากจำนวนร้านกาแฟจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจแล้ว “ความหลากหลาย” ของประเภทร้านกาแฟ ก็น่าจับตามมองมากเช่นกัน โดยหลักจะมีร้านกาแฟประเภทที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรือเน้นกาแฟเป็นหลัก
อย่างร้าน Starbucks เป็นเจ้าตลาด และมีอีกหลายชื่อ เช่น A Twosome place, The Coffee Bean & Tea Leaf ซึ่งเป็นร้านที่มีระดับราคาค่อนข้างสูง แต่ยังมีร้านที่มีระดับราคาปานกลาง เช่น Ediya Esspresso ซึ่งมีจำนวนสาขามากถึง 1,000 แห่ง
นอกจากร้านกาแฟดังกล่าวแล้ว ตลาดกาแฟเกาหลียังมีร้านที่ใช้จุดแข็งด้านอื่นๆ มาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคเกาหลี ซึ่งมีทั้งผู้ที่นิยมบริโภคกาแฟเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแล้ว ยังมีผู้ที่นิยมเข้าร้านกาแฟที่มีการตกแต่งด้วยบรรยากาศที่สวยงาม มีธีมร้านที่โดดเด่น เพื่อใช้เป็นสถานที่สร้างกิจกรรม เช่น พบปะเพื่อน เจรจาทำธุรกิจ หรือเรียกกว่ากระแส Cafe Hopping
โดยหากไล่เรียงดูจะร้านกาแฟในเกาหลีใต้มีการชูจุดขายหลายแบบ อาทิ ร้านกาแฟที่สร้างและออกแบบจากแรงบันดาลใจที่มาจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เช่น ร้าน Awesome Malta ที่ออกแบบจากแรงบันดาลใจจากการไปเที่ยวประเทศมอลตา
ร้านกาแฟเพื่อสุขภาพ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น เช่น ร้าน Plant Cafe ที่จะบริการเมนูจากโปรตีนจากพืช หรือ Plant Base, ประเภทร้านกาแฟที่ชูจุดขายวัตถุดิบชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น ร้าน Osulloc Tea House ที่ชุดจุดขายเป็นชาเขียวจากเกาะเจจู เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟที่ชูจุดขายด้วยกิจกรรมเสริม
เพื่อดึงดูดผู้บริโภคเข้าไปร่วมทำกิจกรรม เช่น ร้าน Ring
Making Cafe ที่ให้ลูกค้าสามารถออกแบบประดิษฐ์แหวนได้ด้วยตัวเอง และร้านกาแฟที่มาจากแบรนด์สินค้าดังทั่วโลก
เช่น Hermès Cafe เป็นต้น
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจลงทุนทำธุรกิจร้านกาแฟ อาจจะนำไอเดียนี้ไปต่อยอดการทำธุรกิจ เช่น ดึงวัตถุดิบหลักในท้องถิ่นมาใช้สร้างสรรค์เป็นเมนูเครื่องดื่ม หรือการชูกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนก็ได้
อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งนักลงทุนอาจจะใช้วิธีการซื้อ “แฟรนไชส์” ซึ่งเป็นการซื้อสูตรสำเร็จทางลัดในธุรกิจนี้มาลงทุนในประเทศได้ ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มมีร้านกาแฟเกาหลีที่ได้รับความนิยม กระทั่งมีการซื้อแฟรนไชส์มาลงทุนในไทยแล้วหลายแบรนด์ อาทิ Cafe Bora, Holly, s Coffee และร้าน Sulbing เป็นต้น