ยูนนาน เมืองทางตอนใต้ของประเทศจีนมีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าเกษตรเป็นหลัก และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทยในปี 2562 มีมูลค่าการนำเข้า-ส่งออกรวม 208,980 ล้านหยวน เป็นมูลค่าการส่งออก 93,340 ล้านหยวน และเป็นมูลค่าการนำเข้า 115,640 ล้านหยวน แบ่งเป็นการนำเข้าสินค้าเกษตร 10,000 ล้านหยวน นำเข้าผลไม้ 3,770 ล้านหยวน โดยยูนนานมีการนำเข้าผลไม้จากไทยเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะมังคุดเพิ่มขึ้น 150.4% ทุเรียนเพิ่มขึ้น 109.1% ลำไยเพิ่มขึ้น 63% สับปะรดเพิ่มขึ้น 200.5 % และผลไม้อื่นเพิ่มขึ้น 814.8% ยูนนานจึงเป็นโอกาสอันดีของผลไม้ไทย
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
บทบาทความสำคัญของมณฑลยูนนาน
หลังเปิดใช้เส้นทางขนส่งทางบกคุนมั่นกงลู่
(คุนหมิง -กรุงเทพฯ) หรือเส้นทาง R3 โดยสร้างเส้นทางนี้เป็น 2 เส้นทาง คือ R3A (ผ่าน สปป.ลาว) และ R3B
(ผ่านเมียนมา) จากประเทศไทยมายังประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน คือผ่านสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและผ่านสหภาพพม่า
เพื่อเข้าสู่จีนตะวันตกเฉียงใต้ด้านมณฑลยูนนาน ระยะทางระหว่างกรุงเทพฯ
มายังนครคุนหมิงประมาณ 1,800 กิโลเมตร
ปัจจุบันการขนส่งสินค้าผ่านเส้นทางบกจึงได้รับความนิยมโดยใช้เส้นทาง สปป.ลาว เป็นส่วนใหญ่
มีการขนส่งออกทางด่านอำเภอเชียงของ ข้ามแม่น้ำโขงในช่วงนี้ด้วยแพขนานยนต์เข้าไปยังแขวงบ่อแก้วและแขวงหลวงน้ำทาใน
สปป.ลาว และเข้าสู่เขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในมณฑลยูนนาน
ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพียง 1-2 วัน สั้นกว่าทางเรือที่ใช้ระยะเวลาประมาณ
7 วัน
ปัจจุบันยูนนานได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจีนเมื่อวันที่
2 ส.ค. 2562 ให้เป็น “เขตการค้าเสรีนำร่องมณฑลยูนนาน” พร้อมกับอีก 5 มณฑล ได้แก่ มณฑลซานตง
มณฑลเจียงซู เขตกว่างซี มณฑลเหอเป่ย และมณฑลเฮยหลงเจียง โดย “เขตการค้าเสรีนำร่องมณฑลยูนนาน”
มีเนื้อที่ 119.86 ตร.กม. แบ่งเป็นพื้นที่ในนครคุนหมิง 76 ตร.กม. ครอบคลุมเขตสินค้าทัณฑ์บน
0.58 ตร.กม., พื้นที่ในเขตปกครองตนเองหงเหอ 14.12 ตร.กม.
และพื้นที่ในเขตปกครองตนเองเต๋อหง 29.74 ตร.กม. มีจุดเด่นคือเป็น “เศรษฐกิจชายแดน”
และ “เศรษฐกิจข้ามพรมแดน” จุดแข็งด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ในการเป็นประตูเชื่อมภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา, จีน-ลาว-ไทย, จีน-เวียดนาม, จีน-เมียนมา-บังกลาเทศ-อินเดีย
และจีน-อินโดจีน ซึ่งมีกิจกรรม “เศรษฐกิจข้ามพรมแดน” ได้แก่ การผลิต การเงิน
การท่องเที่ยว อีคอมเมิร์ซ เกษตร พลังงาน โลจิสติกส์
การส่งออกสินค้าไทยผ่านยูนนานไปจีนช่วงโควิด
ด้วยความที่เป็นเมืองคู่ค้าสำคัญของไทย
เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
การค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานจึงได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดอย่างเข้มงวดของมณฑลยูนนาน
ที่ได้สร้างผลกระทบต่อระบบขนส่งสินค้าจากไทยมายังยูนนาน
นับตั้งแต่การประกาศขยายวันหยุดตรุษจีนซึ่งส่งผลต่อการเลื่อนเวลากลับมาเปิดดำเนินงานของผู้ประกอบการด้านขนส่ง
การขาดแคลนพนักงานขนส่งและแรงงานขนถ่ายสินค้า
การปิดเส้นทางจราจรระหว่างเมืองซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการกระจายสินค้าภายในจีน
ตลอดจนการออกประกาศมาตรการควบคุมและจำกัดกิจกรรมตามด่านชายแดนของมณฑลยูนนาน เมื่อวันที่
31 มีนาคม 2563 ซึ่งทำให้การขนส่งสินค้าไทยมายังยูนนานผ่านเส้นทาง R3A ในขณะนี้อยู่ในสถานะไม่คล่องตัว
ส่งผลให้การส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปยูนนานชะลอตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน
จากสถิติของสำนักงานศุลกากรจีนระบุว่า มูลค่าการส่งออกของไทยมายังยูนนานในช่วงไตรมาสแรกของปี
2563 คิดเป็น 60.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงถึง 49.70%
เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
เส้นทางขนส่ง R3A ต้นทุนพุ่ง
รายงานจากสถานกงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ที่ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศไทยกับมณฑลยูนนานอย่างใกล้ชิด
พบว่า ทุเรียนและมังคุดจากภาคตะวันออกของไทย ยังเป็นผลไม้หลักที่ทำการส่งออกมายังประเทศจีนเป็นจำนวนมาก
ซึ่งตามปกติแล้วจะเลือกการขนส่งทางบกที่ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าทางเรือ
แต่ด้วยระยะเวลาที่ใช้สั้นกว่าจึงเลือกทางบกแทน เพื่อคงคุณภาพความสดใหม่ของผลไม้
แต่เมื่อสถานการณ์โรคระบาดได้ทำให้จีนเพิ่มความเข้มงวดและออกมาตรการจำนวนมาก เพื่อควบคุมการผ่านเข้าออกพื้นที่ด่านชายแดนทางบกบนเส้นทาง
R3A ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
ผู้ประกอบการจึงปรับมาใช้การขนส่งทางเรือผ่านท่าเรือเซินเจิ้นในมณฑลกวางตุ้งแทน
เนื่องจากเป็นช่องทางการนำเข้าสินค้าที่มีความแน่นอนในขณะนี้
กำลังซื้อสินค้าไทยในตลาดจีนลดลง
สำหรับตลาดผลไม้ไทยในจีนช่วงโควิด-19
มีมูลค่าลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายความต้องการผลไม้ไทยในตลาดจีน
ด้วยเกิดการแข่งขันระหว่างผลไม้ไทยกับผลไม้จากประเทศอื่นในตลาดจีนมากขึ้น สืบเนื่องจากความต้องการบริโภคผลไม้นอกตลาดจีนลดลง
จีนจึงเป็นตลาดเป้าหมายหลักที่ผลไม้ชาติอื่นทะลักเข้ามาตีตลาด
ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้โอกาสของผลไม้ไทยอื่นๆ ลดลงได้ ยกเว้นทุเรียนที่ชาวจีนยังมีความต้องการบริโภคในระดับสูง
นอกจากนี้ผู้บริโภคชาวจีนส่วนใหญ่ยังคงระมัดระวังกับการใช้จ่าย จากความกังวลต่อสถานการณ์โรคระบาดที่ยังไม่สามารถประเมินจุดสิ้นสุดได้ในอนาคตอันใกล้
อีกทั้งเศรษฐกิจจีนในขณะนี้ก็ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวกลับเข้าสู่สภาวะปกติอย่างชัดเจน
ผู้ประกอบการจึงได้รับผลกระทบจากภาวะกำลังซื้อชะลอตัวของตลาดจีนในปัจจุบัน
ตลาดออนไลน์จีนโตต่อเนื่อง
แนะผู้ประกอบการไทยปรับตัว
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ในจีนและทั่วโลก ทำให้คนจีนมีการปรับตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์กันมากขึ้น เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า
ลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส บนความเชื่อมั่นในช่องทางการซื้อ-ขายออนไลน์ที่มีมากขึ้น
จึงทำให้ตลาดออนไลน์ในจีนโตแบบก้าวกระโดด
ด้วยเหตุผลนี้ผู้ประกอบการสินค้าแปรรูปไทยอย่าง
"มาม่า" และปลาเส้นตรา "ทาโร่" จึงปรับตัวเข้าสู่ตลาดออนไลน์จีน
เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคในจีนที่เปลี่ยนไป และทำให้สินค้าเข้าถึงคนจีนได้ทั่วประเทศ
โดยไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงเรื่องการติดเชื้อ ซึ่งกลายเป็นว่าตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคชาวจีน
มียอดคำสั่งซื้อเข้ามามากจนผู้ประกอบการเกิดความกังวลว่า ปริมาณสินค้าที่มีอาจไม่เพียงพอต่อความต้องการในตลาดจีน
คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการไทย
จากภาพรวมดังกล่าวทำให้ได้ข้อสรุปว่า ตลาดจีนยังมีพื้นที่และโอกาสให้กับสินค้าไทยอีกมาก หากแต่ผู้ประกอบการไทยในจีนต้องปรับตัวให้ได้อย่างรวดเร็ว จากสภาวะการแข่งขันของตลาดจีนที่อยู่ระดับสูง ทั้งนี้ต้องรู้จักประเมินสถานการณ์ให้รอบด้านและสร้างความยืดหยุ่นให้เกิดขึ้น กับการทำธุรกิจเพื่อรับมือกับสภาวะวิกฤติต่างๆ ในปัจจุบัน ด้วยการเดินเกมกลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งการปรับตัวของผู้ประกอบการจัดเป็นประเด็นหลักที่ควรตระหนักถึง ภายใต้อุปสรรคปัญหาเรื่องของการขนส่งทางบกที่มีต้นทุนพุ่งสูงกว่าปกติอีกเท่าตัวในปัจจุบัน และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้สามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง โดยใช้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาดออนไลน์จีนแบบก้าวกระโดด ในช่วงโรคระบาดสร้างประโยชน์ให้แก่ธุรกิจเพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่อาจถูกจำกัด จากการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องกันโรคของทางการจีน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่เป็นอยู่ รวมถึงมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้แก่การดำเนินธุรกิจ โดยไม่พึ่งตลาดจีนเพียงอย่างเดียว เพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดจากการสูญเสียรายได้ในระยะยาว
แหล่งอ้างอิง :
http://yn.yunnan.cn/system/2019/12/15/030544136.shtml
https://www.ditp.go.th/contents_attach/69296/55002266.pdf
https://globthailand.com/china-01102019/