การระบาดรุนแรงของโควิด-19
ทำให้ทั่วโลกต้องวางมาตรการ "Social Distancing" เพื่อยับยั้งการระบาด ผลที่ตามมาคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของประชาชน
โดยลดการออกจากบ้าน และปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีการสต๊อกอาหารพร้อมรับประทาน เพื่อรับประทานในครอบครัว
'Meal Kit' หรือชุดอาหารพร้อมปรุง หรือ 'Ready to Cook' ถือเป็นหนึ่งในประเภทอาหารพร้อมรับประทานที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะชุดอาหารพร้อมปรุงอำนวยความสะดวกให้แม่บ้านยุคใหม่ ในการเตรียมวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารเป็นเซ็ท เพื่อให้สามารถปรุงอาหารสดใหม่ไว้รับประทานได้อย่างรวดเร็ว สะดวด และประหยัดเวลา อีกทั้งมีความอร่อยแตกต่างจากอาหารพร้อมรับประทานแบบแช่แข็งที่ปรุงสำเร็จรูปมาแล้วใช้วิธีเพียงแค่เข้าไมโครเวฟอุ่นเท่านั้น ซึ่งอาจจะทำให้คุณค่าทางโภชนาการลดลงกว่าการปรุงใหม่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
อาหารประเภท Ready to Cook ถือเป็นเทรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดญี่ปุ่น
ซึ่งเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อว่าต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง
เหตุผลสำคัญเนื่องมากจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19
ทำให้การเดินทางไปรับประทานอาหารนอกบ้านแทบจะเป็นไปไม่ได้ และด้วยคุณภาพ
จำนวนเมนูที่หลากหลาย ระดับราคา
และบริการจัดส่งสินค้าและพัสดุของญี่ปุ่นที่มีความรวดเร็ว
ล้วนแต่มีส่วนเสริมให้ตลาดอาหารชนิดเติบโตมากขึ้น
ทั้งนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ นครโอซาก้า ได้สำรวจตลาดจำหน่ายอาหารพร้อมปรุงที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่น พบว่าปัจจุบันมีจำนวนผู้นิยมบริโภคอาหารพร้อมปรุงมากขึ้น
เนื่องจากคำนึงถึงโภชนาการทางอาหาร
ความสมดุลของวัตถุดิบและองค์ประกอบวัตถุดิที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ เช่น การใช้ผักออร์กานิก
ประเภทของเนื้อสัตว์ที่ใช้
ด้วยเหตุนี้จึงมีบริษัทผู้ผลิตชุดอาหารปรุงเพิ่มจำนวนขึ้น
และมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยมีการจัดเมนูหลากหลายมีราคาตั้งแต่ 1,000-1,500 เยน
หรือประมาณ 300-450 บาทต่อเซ็ทต่อการบริโภค 1 ครั้ง
โดยอาหารแต่ละเมนูจะใช้ระยะเวลาปรุงสั้นๆ ประมาณ 10-20 นาที จากจุดแข็งที่ทำให้ผู้บริโภคลดเวลาในการวางแผนการปรุงอาหารแต่ละวัน
คุ้มค่าและลดการสูญเสียของอาหารที่จะเกิดขึ้นโดยเปล่าประโยชน์
โอกาสของออกอาหารพร้อมรับประทานของไทย
เป็นที่ทราบดีว่าประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอาหารในฐานะครัวของโลก
ทำให้สามารถทำการตลาดสินค้ากลุ่มใหม่ได้มากขึ้น จากที่ไทยมีการส่งออกสินค้าอาหารกลุ่มพร้อมรับประทาน
(Ready
to eat) ในแต่ละปีจำนวนมาก
โดยข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป
ระบุว่าในปี 2561 ไทยส่งออกกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานและเครื่องปรุง ปริมาณ 684,364
ตัน เพิ่มขึ้น 3% จากปี 2560 ที่มีปริมาณ 664,260 ตัน แบ่งเป็นสินค้าทั้งหมด 13
ประเภท คือ ซอสถั่วเหลือง 22,485 ตัน
ซอสมะเขือเทศ 5,245 ตัน ซอสพริก 54,259 ตัน ซอสสำหรับเตรียมอาหารอื่นๆ
43,592 ตัน น้ำปลา 57,459 ตัน ซอสหอยนางรม 19,686 ตัน พริกแกง 20,714 ตัน
กลุ่มซอสปรุงรสอื่นๆ 57,588 ตัน กลุ่มซุป 25,402 ตัน น้ำส้มสายชู 3,422 ตัน กะทิ
262,764 ตัน กะปิ 1,774 ตันและอาหารเตรียมพร้อมทานพร้อมปรุงอื่นๆ (Other
food preparation) 164,233 ตัน
ด้วยจุดแข็งที่ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีความพร้อมด้านวัตถุดิบ และมีการต่อยอดไปสู่การผลิตอาหารสำเร็จรูป อาหารพร้อมรับประทาน ตลอดจนเครื่องประกอบอาหารหลากหลายรูปแบบ เชื่อมั่นได้ว่าในวิกฤตโควิด- 19 นี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะต่อยอดไปสู่การทำตลาด "อาหารพร้อมปรุง" อย่างจริงจัง เพื่อสร้างรายได้สู่ประเทศต่อไป