ทุกท่านย่อมทราบว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยขั้นรุนแรง
ชนิดที่สภาหอการค้าไทยพยากรณ์ว่า (อาจจะ) ร้ายแรงกว่าในวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 โดยวิกฤติคราวนี้มาในรูปของโรคระบาดใหม่ที่เกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
หรือ “โควิด-19” ส่งผลให้หลายธุรกิจไม่ทันได้ตั้งตัว
ยิ่งไม่ทันในการเตรียมพร้อมรับมือ และหลายธุรกิจประเมินสถานการณ์ผิดคิดว่าอาจเป็นแค่ช่วงสั้นๆ
ซึ่งขณะนี้ก็สามารถยืนยันได้พอสมควรว่าไม่ใช่ผลกระทบในช่วงสั้นๆ อีกต่อไป เพราะโควิดอาจตามติดเราไปอีกไม่ต่ำกว่า 18 เดือน และเศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวถึง 5 ปีเลยทีเดียว ที่สำคัญวิกฤติคราวนี้ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทั้งนี้
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)
ร่วมกับ มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษาจัดทำข้อมูลภาพประเทศไทย 4 ระยะภายหลังโควิด-19
พร้อมเสนอร่างประเด็นเชิงยุทธศาสตร์เพื่อขับเคลื่อนประเทศหลังสถานการณ์คลี่คลาย
โดย สอวช. ร่วมกับ
มูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษาจัดทำข้อมูลประเทศไทย 4 ระยะภายหลังโควิด-19
โดยแบ่งออกเป็น
ระยะที่ 1 หรือ Restriction (เดือนที่ 1-6) ระยะพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโลก
ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในระยะนี้ และกำลังจะเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือ Reopening (เดือนที่ 7-12) ระยะผ่อนคลายการควบคุมและเริ่มกลับสู่การประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมระยะที่
3 หรือ Recovery (เดือนที่
13-18) ระยะการฟื้นตัวและปรับตัวภายหลังจากสถานการณ์คลี่คลายและระยะที่
4 หรือ Restructuring (เดือนที่19-อนาคต
5 ปีข้างหน้า)
ดร. กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการ สอวช. เปิดเผยว่า จากการหารือกับผู้ทรงคุณวุฒิทุกสัปดาห์
เพื่อเตรียมความพร้อมในการฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
สอวช.และมูลนิธิสถาบันอนาคตไทยศึกษา จึงได้รวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะต่างๆ
เพื่อร่างประเด็นเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับประเทศ ในการฟื้นฟูและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
ประกอบด้วย 5 ยุทธศาสตร์ คือ
1. Put Human
Security First : ปรับเปลี่ยนจาก
“เศรษฐกิจ” เป็นตัวตั้งไปสู่ “ความมั่นคงมนุษย์” เป็นตัวตั้ง
ผ่านการสร้างความมั่นคง 4 ด้าน คือ
- ความมั่นคงทางด้านอาหาร รับประกันการเข้าถึงอาหารที่เพียงพอกระจายอย่างทั่วถึง
และราคาที่เหมาะสม ตั้งแต่ระดับครัวเรือนชุมชนถึงระดับประเทศ
- ความมั่นคงทางสุขภาพ ยกระดับและเพิ่มศักยภาพของระบบสาธารณสุขและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มีอย่างเพียงพอ
พร้อมทั้งส่งเสริมทักษะสุขภาพให้กับประชาชน
-
ความมั่นคงทางพลังงานจัดหาพลังงานให้มีอย่างเพียงพอ
มุ่งเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริโภคพลังงาน
- ความมั่นคงทางอาชีพเสริมสร้างทักษะให้คนวัยทำงาน
ลงทุนสร้างตำแหน่งงานใหม่รองรับอนาคต และออกแบบระบบตาข่ายทางสังคมใหม่ ให้รองรับแรงงานอิสระและนอกระบบ
2. Moving Beyond GDP : ปรับเปลี่ยนจากมุ่งเน้นการเติบโตของ
“GDP” ไปสู่ “Balanced Growth” กล่าวคือสร้างและพัฒนาชุดตัวชี้วัดใหม่ให้กับประเทศที่คำนึงถึงการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน
เช่น SDGs ตลอดจนผลักดันการขับเคลื่อนนโยบาย BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) พัฒนาระบบนิเวศเพื่อเข้าสู่การค้าทางดิจิทัลและสังคมไร้เงินสด ในด้านอุตสาหกรรมมุ่งเน้นเรื่อง
High Value, High Production, Job Creation และ Smart
& Appropriate Technology มุ่งเน้นสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่นและพัฒนาเครื่องยนต์ที่จะมาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอนาคต
3. Reinventing in Education and Human Capital : ยกระดับคุณภาพการศึกษาและทุนมนุษย์
โดยการเพิ่มคุณภาพการศึกษากระจายทั่วถึง ปรับโมเดลการเรียนรู้รองรับอนาคตสร้างความเข้มแข็งให้มหาวิทยาลัย
การเรียนการสอนผสมออนไลน์ ออฟไลน์ การฝึกงาน การวิจัย และการพัฒนาปัญญาให้ประเทศและชุมชนมุ่งให้เกิดการลงทุน
Reskill, Upskill วัยทำงานให้ตอบโจทย์อนาคต
รวมถึงขับเคลื่อนการเรียนรู้ตลอดชีวิต
4. Leaving No One Behind : แก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำทุกมิติ
ทั้งเรื่องการแก้ไขความยากจนรายบุคคล สร้างศักยภาพให้คนยากจนเปลี่ยนคนด้อยโอกาสเป็นคนได้โอกาส
ปรับระบบสวัสดิการใหม่ให้ครอบคลุมใช้ Big Data ปรับใช้ UBI (Universal Basic Income) และ TargetingWelfare
ตามความเหมาะสม โดยบัตรประชาชนใบเดียวควรตรวจสอบได้ทุกสิทธิ ตลอดจนมีการพัฒนาระบบช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ฉุกเฉิน
5. Create Open & Resilient Society : สร้างสังคมเปิดและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงผ่านการมีระบบข้อมูลเปิด และรัฐบาลที่โปร่งใสเปิดโอกาสให้ใช้พลังภูมิปัญญาทั้งสังคมพัฒนาชาติผ่าน Open Collaboration Platform สร้างความเข้มแข็งให้ PPP รวมถึง Social enterprise, Civil Society, จิตอาสารวมถึงเตรียมระบบบริหารจัดการวิกฤตที่มีประสิทธิภาพ
สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีทุกความเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลต่อภาพรวม ดังนั้นควรมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ตลอดจนการรักษาสภาพคล่อง กระแสเงินสด ความจำเป็นในการลงทุนและศึกษาพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลง นับเป็นแนวทางในเบื้องต้นที่ควรศึกษา เพราะแม้เศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัว ดีมานด์จะกลับมา แต่ก็ไม่สามารถยืนยันอะไรได้ว่าทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม