มีการคาดการณ์ว่าหลังจากการแพร่ระบาดของโรคสิ้นสุดลง
(แต่ยังเฝ้าระวังหากยังไม่สามารถค้นพบวัคซีนป้องกันและรักษา)
ความต้องการในการบริโภคสินค้าและบริการเพื่อสุขภาพ จะเป็นการสร้างโอกาสทางการค้าการลงทุนให้กับธุรกิจเพื่อสุขภาพอย่างแน่นอน
และเมื่อธุรกิจต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการตลาดมากขึ้น
ผู้ประกอบการและนักธุรกิจก็ย่อมที่จะต้องพัฒนาการให้บริการมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
ซึ่งจะส่งผลให้บุคลากรที่อยู่ในธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพ จะได้รับการปรับปรุงระดับความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ได้ให้บทเรียนแก่คนส่วนใหญ่เป็นอย่างมาก ทำให้ผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการดูและรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ด้านสุขภาพที่ผิดๆ ในช่วงที่ผ่านมาได้รับการแก้ไขและให้ความรู้ในการดำเนินชีวิตที่ดีขึ้น
พัฒนาวิถีชีวิตให้มีสุขภาพ ที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ประกอบกับประสบการณ์และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนตระหนักดีกว่าในโลกนี้ไม่มียาที่สามารถรักษาได้ทุกโรค
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ดังนั้นการดูแลสุขภาพของตนเอง
การสร้างพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตที่ดี และความสามารถในการรักษาตนเองเมื่อมีอาการป่วย
จึงถือเป็นยารักษาโรคที่ดีที่สุด และอาจกล่าวได้ว่าการแพร่ระบาดของโรค COVID – 19 ได้เปลี่ยน Mindset ให้เห็นถึงความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพมากขึ้นนั่นเอง
ซึ่งจะส่งผลให้รัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญ และมีแนวโน้มที่จะผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพ
และยกระดับการพัฒนาธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพให้ดีมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
สำหรับธุรกิจเพื่อสุขภาพสามารถแบ่งออกได้เป็น
2 ประเภท ได้แก่ 1.ธุรกิจเพื่อสุขภาพด้านการแพทย์ (Medical)
และ 2.ธุรกิจเพื่อสุขภาพที่ไม่ใช่ด้านการแพทย์ (Non-Medical)
จับตา กลุ่มธุรกิจ Non-Medical
สนองตอบยุคโควิด
ธุรกิจเพื่อสุขภาพแบบ Non-Medical นั้น เป็นธุรกิจที่ให้บริการตอบสนองความต้องการใหม่ๆ
ของผู้บริโภคในการดูแลสุขภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแพทย์
ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้บริโภคทุกกลุ่มอายุ
ดังนั้นผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการ
ไปในทิศทางที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทุกคนให้มากขึ้น ประการแรกคือการเปลี่ยนแปลงทิศทางของผลิตภัณฑ์ โดยต้องตระหนักว่าการดูแลสุขภาพไม่ใช่แค่การดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ
แต่คนหนุ่มสาวหรือวัยรุ่นก็เริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเช่นกัน
นอกจากนี้เนื่องจากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค
ส่งผลให้ผู้บริโภคไม่สามารถดำเนินชีวิตนอกบ้านได้อย่างเป็นปกติ ทำให้การค้าขายรูปแบบใหม่เริ่มมีความโดดเด่นมากขึ้น
โดยเฉพาะการซื้อสินค้าออนไลน์และการให้บริการออนไลน์ ที่ถือได้ว่าเป็นการค้ารูปแบบใหม่ที่มีกำลังขยายตัวเป็นอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้นในอนาคตการพัฒนาของระบบ
IoT (Internet of Things) จะทำให้เกิดการดูแลสุขภาพออนไลน์รูปแบบใหม่ขึ้น
เช่นเดียวกับการให้บริการผ่านวิดีโอเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพออนไลน์ หรือวิดีโอเกี่ยวกับสุขภาพแบบไลฟ์สด
ก็จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการผลักดันและให้ความรู้ด้านสุขภาพให้แก่ผู้บริโภคได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามการพัฒนาธุรกิจเพื่อสุขภาพนั้น ไม่เพียงแต่จะต้องอาศัยแรงขับเคลื่อนจากรัฐบาลและสังคมเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจเพื่อสุขภาพอีกด้วย เนื่องจากคาดการณ์ว่าหลังการแพร่ระบาดของโรคฯ สิ้นสุดลง การบริโภคเพื่อสุขภาพจะยิ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วมากขึ้น ทำให้ธุรกิจเพื่อสุขภาพมีโอกาสในการเติบโตเป็นอย่างมาก
ดังนั้นสถานประกอบการและผู้ให้บริการภายใต้ธุรกิจเพื่อสุขภาพ
จึงควรให้ความสำคัญในการดำเนินการด้านมาตรฐานทางเทคนิค มาตรฐานการจัดการ
และมาตรฐานการให้บริการอย่างครบวงจรมากขึ้น
นอกจากนี้การให้ความสำคัญต่อพัฒนาคุณภาพ และการใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็มีความจำเป็น รวมถึงการสร้างระบบควบคุมกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่วัตถุดิบ กระบวนการผลิต ไปจนถึงระบบการไหลเวียนของตลาด เพื่อให้ธุรกิจเพื่อสุขภาพได้รับการพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน