ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจมีความเข้าใจแง่มุมของโครงการ
EEC (Eastern Economic Corridor) หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ในแง่มุมที่แตกต่างกัน
ในที่นี้เราเลยนำมาเรียบเรียบแบบเข้าใจง่าย ในเนื้อหาที่กระชับ ได้ใจความ
ใช้เวลาอ่านประมาณ 5 นาที แล้วคุณจะรู้มีแง่มุมที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด
เริ่มต้นที่พื้นที่ EEC ตามประกาศของรัฐบาลประกอบด้วย
จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง รวมนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 31 แห่ง (113,000 ไร่) ในพื้นที่ EEC มีพื้นที่ประกาศ เขตส่งเสริม 86,775 ไร่ เงินลงทุนทั้งหมดประมาณ
1.7 ล้านล้านบาท โดยมีสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)
เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุเป้าหมาย
มองโดยรวมๆ ก็คือ โครงการ EEC รัฐจัดสรรพื้นที่พิเศษใน 3 จังหวัดภาคตะวันออกให้ธุรกิจขนาดใหญ่และต่างชาติเข้ามาเช่าพื้นที่เพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลตั้งเป้าหมาย
โดยรัฐได้มีมาตรการในการกระตุ้นการลงทุนต่างชาติโดยให้สิทธิพิเศษและมาตรการส่งเสริมต่างๆ
อาทิ ภาษี ระเวลาสัญญาเช่าพื้นที่ เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ เกิดการจ้างงาน
รัฐเก็บภาษีได้มากขึ้น ทำให้เศรษฐกิจของประเทศ (อาจจะ)ดีขึ้น
ถ้าคุณเข้าใจแบบนี้ ...ถือว่าเข้าใจถูกต้องแล้ว แต่ไม่ทั้งหมดเพราะภายใต้โครงการเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกยังมีหลายอย่างที่เราอยากให้คุณรู้ !
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์ Facebook bangkokbanksme
โดยช่วงระยะเวลากว่า 10 ปี ( พ.ศ.2548-2557)
ประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวของการลงทุนอยู่ในระดับต่ำที่ ร้อยละ 2
ทำให้อัตราการขยายตัวของประเทศอยู่ในระดับต่ำที่ ร้อยละ 2-3 ต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ
ที่ควรจะขยายตัวที่ร้อยละ 4-5
เอาตรงๆ คือ
รัฐมองว่าไทยไม่มีขีดความสามารถในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว
หากเป็นแบบนี้ไม่เรื่อยๆ เศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมมีแต่ ‘ทรงกับทรุด’
ที่ผ่านมาภายใต้การส่งเสริมอุตสาหกรรมและภาคการลงทุนภายในประเทศ
ทำให้ที่ผ่านมาการเติบโตของประเทศไทยมีการขยายตัวที่ต่ำทั้งจากปัจจัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
และการแข่งขันทางการค้า และฟันเฟืองหลักในการขับเคลื่อนตัวเลขทางเศรษฐกิจกระจุกอยู่ที่ภาคการส่งออกกว่าร้อยละ
70 แถมการส่งออกส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าประเภทวัตถุดิบ
ที่มีมูลค่าต่ำแต่ต้องเผชิญการแข่งขันสูง
ผลคือประเทศไทยติดกับดักที่เรียกว่า “Middle Income Trap” หมายถึง การที่ไทยหยุดชะงักอยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ประชาชาติต่อจำนวนประชากรอยู่ในระดับปานกลางมาตั้งแต่ปี
2519 โดยค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวของไทยอยู่ที่ 5900 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี
ขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีรายได้ต่อหัว/ปีที่มากกว่า13,000 ดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งสะท้อนว่าพัฒนาการทางเศรษฐกิจของไทยยังมีข้อจำกัด
เราคงบอกไม่ได้ว่าภายใต้การดำเนินการไปสู่เป้าหมายของโครงการ EEC จะนำไปสู่อะไร แต่ภายใต้บริบทแห่งความเปลี่ยนแปลงและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว (Disruptive Technology) และความผันผวนของเศรษฐกิจโลกทำให้ประเทศไทยต้องเร่งพัฒนาด้านเทคโนโลยีและการลงทุนเพื่อให้สามารถต้านทานกระแสอันเชี่ยวกรากของเศรษฐกิจโลกให้ได้ และ EEC อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญ หรือที่รัฐคาดหวัวว่านี่จะเป็น New Engine of Growth ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
มุมมองในด้านการลงทุนที่ควรรู้
ประเทศไทยต้องผลักดันให้อัตราการขยายตัวของการลงทุนเพิ่มเป็นร้อยละ
10 เพื่อให้อัตราการขยายตัวของประเทศหรือ ต้องการ GDP ของประเทศโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 4-5
ตามศักยภาพของประเทศ
ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศจึงจะเพิ่มขึ้นเพียงพอที่จะก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง
สู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ในปี พ.ศ. 2575 ตามเป้าหมาย
โดยยกระดับ 5 อุตสาหกรรมเดิม คือ 1.ยานยนต์สมัยใหม่ 2.อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ
3.การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 4.การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
และ 5.การแปรรูปอาหาร
ต่อยอด 7 อุตสาหกรรมใหม่ ที่ประกอบด้วย 1.หุ่นยนต์ 2.การแพทย์และสุขภาพครบวงจร 3.ดิจิทัล 4.การบินและโลจิสติกส์
5.เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 6.การป้องกันประเทศ และ 7.การพัฒนาบุคลากร
และการศึกษา
อย่างที่กล่าวในข้างต้น
ตัวเลขการลงทุนโครงการ EEC โดยประมาณคือ 1.7 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปี (หรือ ประมาณ 300,000 ล้านบาท ต่อปี) สามารถเก็บภาษีเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกปีละ 1
แสนล้านบาท สามารถรองรับตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นกว่า 475,674 อัตรา
โดยมี 4
กลไกในการขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย ประกอบด้วย
1. มีพื้นที่ชัดเจน กำหนดพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (อีสเทิร์นซีบอร์ด) เป็นพื้นที่แรก
เนื่องจาก เป็นที่รู้จักของนักลงทุนทั่วโลก เป็นฐานการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและ นิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ
มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับการพัฒนา
2. มีแผนการดำเนินการร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชน รัฐกำหนดนโยบายและกรอบการพัฒนาที่เหมาะสม เอกชนเป็นผู้ลงทุน
3. มีสิทธิประโยชน์ที่ชัดเจน
มาตรการส่งเสริมการลงทุน
การสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศด้านการลงทุน (Investment Eco System) และกำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ
เพื่อให้ทำงานได้ผลอย่างรวดเร็ว
4. มีกฎหมายและองค์กรการกับที่ชัดเจน มี พ.ร.บ. และมีสำนักงานเพื่อรองรับความต่อเนื่องของการพัฒนาพื้นที่
กล่าวได้ว่าโครงการEEC คือรูปแบบการพัฒนาเชิงพื้นที่เป็นครั้งแรกของประเทศไทย
สร้างเมืองแห่งนวัตกรรมที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค
ทั้งนี้ภายในพื้นที่ EEC ยังมีโครงการที่เรียกว่าเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก
หรือ EECi เป็นพื้นที่ที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมที่เหมาะสมตั้งอยู่ที่วังจันทร์วัลเลย์
บนที่ดินของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) บนทางหลวงหมายเลข 344 อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง มีพื้นที่รวมกันกว่า 3,000 ไร่ รองรับการพัฒนาเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์
และระบบอัจฉริยะ (ARIPOLIS) และเทคโนโลยีชีวภาพและชีววิทยาศาสตร์
(BIOPOLIS)
Digital Park
Thailand: EECd
นอกจากนี้ยังมีโครงการเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand หรือ EECd)
ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางการค้า
การลงทุนด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค
เน้นให้เกิดการลงทุนธุรกิจดิจิทัลควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย
ตลอดจนยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีเดิมไปสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลยุคใหม่ (New S-Curve Digital Industry) อีกทั้งยังเป็นศูนย์สร้างธุรกิจดิจิทัลใหม่
ๆ ที่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า
500 ไร่ ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
รวมทั้งโครงการเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City เมืองที่ได้รับการพัฒนาพื้นที่ขึ้นใหม่ให้เป็นเมืองทันสมัย มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ตามบริบทความต้องการของเมือง โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมือง สาธารณูปโภค ที่อยู่อาศัย พื้นที่พักผ่อน แหล่งงาน พาณิชยกรรม รวมถึงการจัดพื้นที่ของเมืองอย่างเหมาะสม
ทั้งหมดนี้อาจดูน่าทึ่งแต่เราเชื่อว่า หลายคนมีคำถามว่า
โครงการทั้งหมดนี้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์เมื่อไหร่ ซึ่งหากกล่าวตามไทม์ไลน์โครงการก็ประมาณแล้วเสร็จระยะแรกในปี
2566 เป็นต้นไป แต่เชื่อว่าภายใต้ความอลังการของโครงการ EEC หากแล้วเสร็จจะเปลี่ยนประเทศไทยให้แตกต่างไปจากเดิม
โลกเปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยน นี่คือ ‘วิถีแห่งวิวัฒนาการ’
เอาเข้าจริงรายละเอียดของอภิมหาโปรเจ็กต์อย่าง
EEC มีเรื่องราวที่น่าสนใจเยอะมาก ไว้คราวหน้าเรามาเจาะลึกเป็นเฉพาะเรื่องๆ
ไป โปรดติดตาม