หนึ่งในนโยบายการพัฒนาประทศไทยไปสู่ยุค 4.0 ก็คือโครงการขับเคลื่อนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ Eastern
Economic Corridor หรือ EEC ขึ้นมาเพื่อผลักดัน SMEs Entrepreneur และ
Startup ให้เติบโตไปพร้อมกับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
โดยในระยะแรกจะเป็นการยกระดับพื้นที่ในเขต 3 จังหวัดคือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่งทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าวเดิมเป็นกลุ่มเขตอุตสาหกรรมสำคัญอันดับต้นๆ
ของประเทศอยู่แล้ว
ทั้งนี้ภายใต้โครงการนำร่องต่างๆ
โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอุตสาหกรรมมากขึ้น
เพื่อผลักดันสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยมี Digital Park Thailand หรือ EECd
เป็นเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล
ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางการค้า
การลงทุนด้านอุตสาหกรรม และนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค
โดยเน้นให้เกิดการลงทุนธุรกิจดิจิทัลควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ตลอดจนยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีเดิมไปสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลยุคใหม่ (New S-Curve Digital Industry) ที่เป็นกลไกสำคัญในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศไทย 4.0
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
บทบาทของ Digital
Park Thailand
Digital Park Thailand ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า
500 ไร่ในเขตอำเภอศรีราชา
จังหวัดชลบุรี
ซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีเคเบิลใต้น้ำและสถานีดาวเทียมภาคพื้นดินของบริษัท กสท
โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) และกรมธุรกิจพลังงาน
มีบทบาทในการสร้างอุตสาหกรรมดิจิทัลใหม่ (New S-Curve Digital Industry) ภายใต้กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
(Target Industry) ได้แก่
กลุ่มผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และชิ้นส่วน เช่น Smart Device, อุปกรณ์ IoT และ Artificial Intelligent, กลุ่มผู้ผลิต/ให้บริการซอฟต์แวร์ เช่น Autonomous
Software และ Intelligent Platform, กลุ่มผู้ให้บริการข้อมูลดิจิทัล
(Digital Content) มุ่งเน้นเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ เช่น Big Data Analytic, Virtual Reality และ
Immersive Animation, กลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสาร/บริการสื่อสาร ซึ่งครอบคลุมทั้งโทรคมนาคม แพร่ภาพกระจายเสียง และดาวเทียมและกลุ่มผู้ให้บริการดิจิทัล เช่น
ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลรูปแบบใหม่ (Digital Commerce) และวิสาหกิจเทคโนโลยีดิจิทัลเริ่มต้น
(Digital Tech Startup)
หนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่ต้องผลักดันให้เกิดขึ้นใน
Digital Park Thailand ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็คือการจัดตั้งสถาบันไอโอที
(IoT Institute) โดยมีสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สศด.) เป็นผู้จัดการดูแล
เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลแห่งอนาคต ภายใต้ความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรไอโอทีแห่งประเทศไทย
เพื่อจัดเป็นศูนย์ทดลองและทดสอบนวัตกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะด้านไอโอทีและระบบอัจฉริยะให้กับธุรกิจขนาดเล็ก
และนักเรียนนักศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลและชีวิตของผู้คนที่จะเกิดขึ้นในยุค
5G ที่กำลังมา
ขีดความสามารถทางดิจิทัลของไทย
ขีดความสามารถดิจิทัลของไทยยังอยู่ในระดับ
3 ของกลุ่มอาเซียนและยังอยู่ในระดับกลาง เมื่อเทียบกับโลกหรืออันดับที่ 41 จาก 63 ประเทศ
ในดัชนี World Digital Competitiveness
Ranking 2017 (DRI) จุดแข็งคือการมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือที่สูง
มีตลาดส่งออกสินค้าดิจิทัลที่แข็งแรง และมีสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคเงินที่แข็งแกร่ง
จุดที่ดีแต่ยังต้องพัฒนาต่อ คือการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคธุรกิจ และการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบด้านดิจิทัล ส่วนจุดอ่อนที่ประเทศไทยต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน คือทักษะดิจิทัลของประชาชนและแรงงานด้านดิจิทัลที่ต่ำมาก การขาดนวัตกรรมดิจิทัล หรือการวิจัย พัฒนาสินค้าและบริการที่นำเข้าสู่ตลาดได้จริง ความเสี่ยงของการลงทุนสูง และปัญหาการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา
หากการสร้างแลนด์มาร์คทางอุตสาหกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีของไทยเป็นไปตามแผน
คาดว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านการลงทุนในอุตสาหกรรมด้านดิจิทัล
โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่จากต่างประเทศ เช่น การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลระดับอาเซียน
หรือการลงทุนโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้ด้วยเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทต่อปี
พร้อมกับสร้างคนและพัฒนากำลังคนด้านดิจิทัลให้สามารถรองรับอุตสาหกรรมที่จำเป็นขึ้นได้
ซึ่งจะส่งผลต่อการปรับปรุงระบบโครงสร้างตั้งแต่หลักสูตรการเรียนเพื่อผลิตกำลังคนรองรับงานอุตสาหกรรมดิจิทัล
รวมไปถึงเกิดการจ้างงานกลุ่มคนดิจิทัลขึ้นอีกหลายอัตรา โดยโครงการนี้มีการประเมินไว้ว่าจะสามารถสร้างกำลังคนดิจิทัลได้ 52,000 คนในปีแรก นั่นเท่ากับว่าจะเกิดการจ้างงานขึ้นอีกมากหลังจากนี้ เพื่อให้เกิดโลกเทคโนโลยีตามนโยบายการพัฒนาประเทศของไทย.