เมื่อกล่าวถึงประเทศอินเดียในด้านความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์
คงไม่มีใครไม่รู้จักรัฐทมิฬนาฑู (Tamil Nadu) รัฐที่ตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศอินเดีย
ซึ่งมีฉายาว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ของอินเดีย หรือ “ดีทรอยต์แห่งอินเดีย” (Detroit
of India)
เนื่องจากเป็นรัฐที่สามารถส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนได้มากที่สุดถึง 45% ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ และมีบริษัทรถยนต์ต่างชาติเข้ามาตั้งฐานการผลิตในรัฐมากมาย อาทิ BMW Mitzubishi และ Hyundai ปัจจุบันรัฐบาลทมิฬนาฑูยังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของตน ให้ไปสู่การผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
รัฐทมิฬนาฑูมีประชากรประมาณ
72 ล้านคน มากเป็นอันดับ 6
ของอินเดีย มีเศรษฐกิจเติบโตระดับ 8.2%
และประชาชนมีรายได้ต่อหัว 3,072 ดอลลาร์สหรัฐ
สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของอินเดียทั้งประเทศที่ 2,039
ดอลลาร์สหรัฐ ด้วยความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจนี้
ส่งผลให้รัฐทมิฬนาฑูมีปริมาณยานยนต์เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 3.21 ล้านคัน ในปี 2524 เป็น 27.7
ล้านคันในปี 2562
คาดการณ์ว่าจำนวนยานยนต์ในรัฐนี้อาจสูงถึง
98 ล้านคันในปี 2573 อันจะนำมาซึ่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ เมืองเจนไน เป็นเมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑู ยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจ
การเงินการธนาคาร และเป็นที่ตั้งของเขตอุตสาหกรรมที่พัฒนาทางด้าน IT โดยรัฐทมิฬนาฑูเองก็มีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นรัฐที่ส่งออกซอฟแวร์มากเป็นอันดับสองของอินเดีย
รองจากรัฐกรณาฏกะซึ่งมีเมืองหลวงคือบังคาลอร์ ซึ่งหลายท่านคงจะรู้จักดีในนามของ Silicon Valley ของอินเดีย
ที่ผ่านมารัฐบาลอินเดีย จึงเร่งกำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้า
ผ่านการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้กับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์
สอดคล้องกับแผนการพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งชาติ ปี 2563 ที่รัฐบาลอินเดียได้ริเริ่มขึ้นในปี 2556 เพื่อปรับเปลี่ยนการผลิตรถยนต์ทั่วไปในอินเดียมาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
รัฐบาลอินเดียกำหนดเป้าหมายจะส่งเสริมเรื่องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง
30% ภายในปี 2573
โดยรัฐบาลได้ลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ EV ไปแล้วกว่า 5 แสนล้านรูปี และคาดว่าจะสร้างอาชีพให้กับคนในท้องถิ่นได้ 1.5 แสนราย
นอกจากนี้
ทางรัฐยังได้สร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าภายในรัฐอีกด้วย
อาทิ
- สร้างระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานต่าง
ๆ ที่มั่นคงและสอดรับกับการใช้งานรถยนต์ EV เช่น
ที่สำรองไฟฟ้า และสถานีชาร์ตไฟสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
- สนับสนุนการวิจัยและสร้างนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมให้รัฐทมิฬนาฑูเป็นศูนย์กลางรถยนต์
EV ของอินเดีย
- สร้างแรงงานที่มีทักษะฝีมือสำหรับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์
EV โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในรัฐ
และสร้างงานในสายงานการผลิตรถยนต์ EV
- ผลักดันให้รัฐทมิฬนาฑูเป็นแหล่งลงทุนและผลิตรถยนต์
EV พร้อมทั้งอุปกรณ์และชิ้นส่วนอุปกรณ์
รัฐทมิฬนาฑูได้กำหนดมาตรการเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์
EV มากขึ้น อาทิ การยกเว้นภาษีถนน
และการยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนแก่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ซื้อใหม่ รถสามล้อ
รถขนส่งมวลชน รถแท็กซี่ และรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจนถึงสิ้นปี 2565
เช่นเดียวกับรถยนต์ส่วนบุคลที่จะได้รับการยกเว้นภาษีถนน
โดยเริ่มจาก 50% ถึง 100% จนถึงปลายปี 2565 ส่วนการสนับสนุนภาครัฐและเอกชน
ในการลงทุนสร้างสถานีชาร์จไฟนั้น ทางรัฐทมิฬนาฑูได้กำหนดมาตรการส่งเสริมต่างๆ เช่น
การสร้างสถานีชาร์จไฟในทุกๆ 25
กิโลเมตรตลอดสองข้างทางของทางหลวงชนบทและทางหลวงแผ่นดิน และค่าไฟของสถานีชาร์จไฟจะมีราคาไม่เกิน
15% ของต้นทุนการผลิต
นอกจากมาตรการข้างต้นแล้ว
รัฐบาลทมิฬนาฑูเตรียมที่จะแก้ไขกฎหมายอาคารและสิ่งก่อสร้าง เพื่อรองรับสถานีชาร์ตไฟภายในอาคารสำนักงานและที่พัก
อาทิ การจัดสรรและกำหนดพื้นที่จอดรถ 10% สำหรับรถยนต์ EV ในโรงแรม ห้างสรรพสินค้า
โรงภาพยนตร์ และอพาร์ทเมนท์
รวมถึงการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะแรงงาน
เพื่อรองรับภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ EV โดยจะมีการปรับปรุงหลักสูตรด้านวิศวกรรม ในสถาบันการศึกษา
การจัดตั้งศูนย์ความเลิศด้าน EV รวมทั้งการจัดฝึกอบรมทักษะสำหรับหลักสูตรระยะสั้นในด้าน
EV เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่จบการศึกษาด้านวิศวกรรม
การตระหนักรู้ด้านไอทีของผู้ประกอบการไทย
ในสภาวะที่กระแสเทคโนโลยีนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
หรือ Electric Vehicle (EV) กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยมีการคาดการณ์ว่าอีก 20 ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจะมีสัดส่วนสูงถึง
30-50%
เนื่องจากความก้าวหน้าในการวิจัยพัฒนาอุตสาหกรรมกรรมด้านยานยนต์
ทำให้ต้นทุนการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ลดลง โดยเฉพาะต้นทุนของแบตเตอรี่
ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ดังนั้นในฐานะที่ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จึงควรเร่งเรียนรู้และปรับตัวที่ต้องก้าวให้ทันนวัตกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และแสวงหาโอกาสจากรัฐทมิฬนาฑูที่มีศักยภาพและความพร้อม ในการเชื่อมโยงด้านห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และการเข้าถึงตลาดระหว่างกันและกัน รวมถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางเทคโนโลยี และการออกแบบนวัตกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต เพื่อรองรับตลาดที่มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอีกมาก
อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญในการปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร
คือบรรดาผู้ประกอบการที่ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แบบสันดาปต่างได้รับผลกระทบเช่นกัน
และยังไม่มีท่าทีของรัฐในการแก้ไขดังกล่าว
ดังนั้นการหยิบยกประเด็นนี้มาเล่าสู่กันก็เพื่ออยากให้ลองจับตาดูความเปลี่ยนแปลงของผู้ประกอบการชิ้นส่วนยายนต์ในอินเดีย
แต่ที่อินเดียมีแต่ไทยมีน้อยกว่า คือความสามารถด้านเทคโนโลยี
รัฐบาลทมิฬนาฑูเป็นที่ตั้งของเขตอุตสาหกรรมที่พัฒนาทางด้าน
IT ทั้งรับมุ่งส่งเสริมเทคโนโลยี
โดยเฉพาะในกิจการยานยนต์พลังงานสะอาด
ดังนั้นจริงอยู่ว่าบริบทในด้านการเป็นฐานผลิตรถยนต์จะใกล้เคียงกับไทย
แต่ศักยภาพด้านไอทีเราแพ้ขาดลอย
ดังนั้นการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะสามารถแก้ปัญหาผลกระทบจากการผลิตแบบเดิมได้
แหล่งอ้างอิง :
www.globthailand.com
https://www.ryt9.com/s/prg/3087204
https://www.gsb.or.th/getattachment/85ef7d25-dc82-40bc-b3aa-db4a82d63d8f/16IN_hotissue_car_electronic_detail.aspx
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน