ประเทศไทยมีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ
ร้อนชื้นซึ่งเหมาะสำหรับการเพาะปลูกมะพร้าว
ทำให้คุณภาพผลผลิตดีและเป็นที่ต้องการของ ตลาดทั่วในและต่างประเทศ
น้ำมันมะพร้าวมีกลิ่นหอมพิเศษตามธรรมชาติที่มีลักษณะเฉพาะตัวซึ่งต่างจากน้ำมันพืชชนิดอื่น
ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต อาหาร ขนม
รวมถึงผลิตภัณฑ์สำหรับดูแล สุขภาพ และเครื่องสำอาง
ผู้ประกอบการไทยมีภูมิปัญญาและความชำนาญ ในการผลิตและแปรรูปน้ำมันมะพร้าวรวมถึง
ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวมาเป็นระยะเวลานาน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีพื้นที่เพาะปลูกมะพร้าวมากสุดในโลก (ประมาณร้อยละ 29.28 ของ พื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด) แต่อินโดนีเซียกลับสามารถผลิตมะพร้าวได้ปริมาณมากที่สุดในโลก สำหรับประเทศไทยนั้นถือเป็นผู้ผลิตมะพร้าวอันดับที่ 9 ของโลกโดยมีพื้นที่เพาะปลูกทั้งสิ้น 1.92 แสนเฮกตาร์ (1.2 ล้านไร่) สามารถผลิตมะพร้าวได้ประมาณ 8.95 แสนตันต่อปี
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาความต้องการบริโภคน้ำมันมะพร้าวของผู้บริโภค
มีความผันผวนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2558 – 2560
ที่ปริมาณความต้องการบริโภคน้ำมันมะพร้าวยกตัวอย่างในสหรัฐฯ ลดลงสูงถึง ร้อยละ
29.20 ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า
แนวโน้มดังกล่าวสวนทางกับกระแสการให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ
และความต้องการบริโภคสินค้าปลอดสารพิษของผู้บริโภคในสหรัฐฯ
อันเป็นสาเหตุทำให้ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวรายการอื่น โดยเฉพาะน้ำมะพร้าวที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในตลาด
จากสถิติการนำเข้าพบว่า ในระหว่างเดือนมกราคม -
กรกฎาคม 2562 สหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันมะพร้าว
รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 344.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 30.55
จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสามารถแบ่งสินค้าออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่
ได้แก่
1. น้ำมันมะพร้าวดิบ มีมูลค่านำเข้าทั้งสิ้น
240.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ลดลงร้อยละ 22.40
2. น้ำมันมะพร้าวกลั่น มีมูลค่านำเข้าทั้งสิ้น 103.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ลดลงร้อยละ 44.19
จะเห็นว่าประเทศไทยยังมีสัดส่วนส่งออกสินค้าน้ำมันมะพร้าวในสหรัฐฯ
ค่อนข้างน้อยไม่ถึงร้อยละ 1 เนื่องจากมีการแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง
อีกทั้งไทยเองยังมีปริมาณสินค้าน้ำมันมะพร้าวเพียงพอสำหรับการส่งออกในปริมาณจำกัด เนื่องจากผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้ในการผลิตกะทิกระป๋อง
และครีมมะพร้าว (Coconut Cream) เพื่อการส่งออก ทั้งนี้ไทยมีมูลค่าส่งออกสินค้าน้ำมันมะพร้าวเพียงราว 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2561
โดยส่งออกไปตลาดในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น และจีน เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันตลาดสหรัฐฯ
ยังมีความต้องการบริโภคผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวหลายรายการ เช่น น้ำมะพร้าว กะทิ
น้ำมันมะพร้าวเพื่อตอบสนองกระแสความต้องการบริโภคสินค้าเพื่อสุขภาพ
สินค้าเกษตรอินทรีย์ และสินค้าปลอด
สารพิษที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 10 ปี
ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดดังกล่าว ซึ่งถือเป็นตลาดศักยภาพอย่างจริงจัง
แม้ว่าผู้บริโภคในตลาดจะชะลอการบริโภคน้ำมันมะพร้าวลง เนื่องจากปัจจัยผลกระทบต่อสุขภาพ สินค้าน้ำมันมะพร้าวยังคงมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ และมีโอกาสในการขยายตลาดในสหรัฐฯ อีกมาก เช่น สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ และสินค้ากลุ่มเครื่องสำอาง ดังนั้นการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์สินค้าให้เหมาะสมกับตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสินค้าธรรมชาติจึงน่าจะช่วยให้สามารถขยายตลาดในสหรัฐฯ ได้
กลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์มะพร้าว ส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคกลุ่ม
Millennials ซึ่งมีลักษณะการใช้ชีวิตผูกพันกับเทคโนโลยี โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านสังคมออนไลน์
ดังนั้นการเลือกนำกลยุทธ์ทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เข้ามาใช้ควบคู่กับการทำตลาดแบบเดิม
จะช่วยให้สามารถขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจทำตลาดสหรัฐฯ
ยังสามารถเลือกใช้ช่องทางการขายออนไลน์ในการทำตลาดได้หลายช่องทาง
โดยช่องทางการขายออนไลน์ที่มีศักยภาพในตลาดและเปิดโอกาส สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย
ได้แก่ www.amazon.com, www.ebay.com รวมถึงการจำหน่ายสินค้าผ่าน www.thaitrade.com
ซึ่งเป็นช่องทางการขายออนไลน์ศักยภาพที่กำกับดูแลโดยหน่วยงานรัฐของไทย
อ้างอิง : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ