ยังคงเปิดศึกร้อนแรงระหว่างธุรกิจ Express Delivery ที่แข่งกันรับ-ส่งพัสดุอย่างต่อเนื่อง ยิ่งในช่วงโควิด 19 ในปี 2020 นี้ ที่ธุรกิจ e-Commerce ทำให้ธุรกิจ Express Delivery ถูกคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นตามไปด้วยถึง 35% หรือเทียบเป็นมูลค่าได้สูงถึง 6.6 หมื่นล้านบาท ทำให้ปีนี้มีการแข่งขันชิงส่วนแบ่งและความเป็นที่หนึ่งระหว่างธุรกิจขนส่งอย่างเข้มข้น
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ผู้ให้บริการ
Express แต่ละประเภทในไทย
ไปรษณีย์ไทย : ผู้ประกอบการ Express
Delivery รับขนส่งพัสดุเจ้าใหญ่ที่สุดในตลาด อาศัยการอยู่เคียงคู่คนไทยมานานถึง
136 ปี และรู้จักกันดี
แม้ว่าจะเขียนชื่อหรือที่อยู่ผิดก็สามารถส่งได้ถูกต้องอย่างอัศจรรย์
ด้วยความที่เก๋าเกม รู้จักพื้นที่ ค่าใช้จ่ายประหยัด
และหลายองค์กรเจ้าใหญ่ที่ยังจำกัดให้ใช้เฉพาะแบบไปรษณีย์ตอบกลับลงทะเบียน แม้ในตลาด
Express Delivery จะมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น แต่ไปรษณีย์ก็มีการปรับเรื่องการบริการ
และโปรโมชั่นค่าใช้จ่ายหรือการขนส่งด่วนภายในวันเดียว
จึงทำให้ไปรษณีย์ไทยได้รับความนิยมครองเป็นเจ้าตลาดอย่างยาวนานได้สัดส่วนกว่าครึ่งในตลาดประเทศไทย
แต่มีแนวโน้มว่าหากยังไม่ปรับภาพลักษณ์ด้านบริการใหม่
เจ้าตลาดอาจเปลี่ยนในอนาคตอันใกล้
Kerry Express – Best Express – Flash Express : สามธุรกิจการขนส่งพัสดุด่วนยังคงเปิดศึกแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดหวังล้มเบอร์หนึ่ง
โดยมี Kerry ผู้ให้บริการสัญชาติฮ่องกงเป็นเจ้าใหญ่ที่สุด จนในบางปีมีลุ้นว่าจะสูสีกับไปรษณีย์ไทย
หลังจากที่ตลาด e-Commerce ชื่อดังอย่าง Shopee ตีตลาดติดใจคนไทย ทำให้ Kerry ที่ถูกนำมาจัดโปรใช้ฟรีบ่อยในช่วงแรกๆ
ที่มีการทำการตลาดได้รับความนิยมและใช้บริการเรื่อยๆ มาจนปัจจุบันไปด้วย ในขณะที่ Best
Express และ Flash Express น้องใหม่ในตลาด
แต่ก็มีจุดเด่นเรื่อง ค่าบริการต่ำ เล่นเกมราคา แถมมีบริการเข้ารับของฟรีและไม่มีวันหยุด
ก็นับเป็นผู้เล่นที่กำลังมาแรงในตลาดปัจจุบัน
Cj Logistics : ธุรกิจด้านบริการขนส่งแบบ B2B จากเกาหลีใต้ที่เข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย จากการที่ร่วมทุนกับ JWD
Infologistics Thailand เริ่มเข้ามาทำแพลตฟอร์มในประเทศไทยตั้งแต่ 2541
จากการขนส่งสินค้าและพัสดุจากบริษัทในเครือซัมซุงฯ (ส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า) ซึ่งเป็นเครือเดียวกับเจ้าขององค์กร
Cj Logistics รวมทั้งยังรองรับการให้บริการขนส่งนำเข้า-ส่งออกสินค้า โดยในปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่ง เป็นนิติบุคคลสัญชาติเกาหลี
แต่ก็เริ่มมีลูกค้าแบบ B2C บ้างจากตลาด e-Commerce ที่เพิ่มมากขึ้นในปีนี้ อย่าง Lazada, Shopee ฯลฯ แม้จะค่อยๆ
เติบโตอย่างช้าๆ เพราะการตลาดเกี่ยวกับการขนส่งอาจจะยังไม่รุกเท่าการขนส่งเจ้าอื่นเท่าไหร่นัก
SHIPPOP : สตาร์ทอัพคนไทยที่ทำธุรกิจเป็นคนกลางระหว่างผู้ให้บริการขนส่งและผู้ส่ง ช่วยเปรียบเทียบราคา
ติดตามสถานะการจัดส่ง และชำระค่าขนส่งผ่านทางออนไลน์ได้ทันที เปรียบเสมือนตัวแทนเปรียบเทียบราคาที่ให้ผู้รับบริการสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ทั้งในเรื่องของการตรวจเช็กราคาค่าส่งพัสดุให้ได้ราคาค่าส่งที่คุ้มค่า
ได้ใบปะหน้าที่ชัดเจน และเครื่องมือภายในเว็บไซต์เกี่ยวกับการส่งพัสดุ เช่น Widgets, ค้นหา Drop Off และโปรแกรมแยกไฟล์พื้นที่พิเศษ
ฯลฯ ในราคาที่ไม่ต่างจากการส่งให้กับผู้ให้บริการขนส่งโดยตรง
ไม่มีค่าบริการจากการเป็นตัวกลางเพิ่มเติม
เหมาะกับผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการส่งของประมาณ 20 ชิ้นต่อวัน
แม้จะเป็นธุรกิจแบบตัวกลาง แต่พอคู่แข่งในตลาดน้อย และตอบโจทย์ผู้ใช้บริการ
ทำให้ในช่วงโควิด 19 ที่ผ่านมาส่งให้ธุรกิจ SHIPPOP เติบโตในปีนี้สูงขึ้นถึง 120% เลยทีเดียว
Lalamove – Alpha - LINE MAN - Grab Express : ในส่วน Express Delivery แบบ On
Demand หรือตามความต้องการของผู้ใช้บริการ
ด้วยความที่บริการค่อนข้างตอบโจทย์แบบตามใจผู้รับบริการหรือผู้ส่ง
ทำให้เกิดการแข่งขันกันเองระหว่างผู้ให้บริการขนส่งประเภท On Demand บางครั้งอาจขึ้นอยู่กับความไว้วางใจ
เพราะของที่เลือกส่งด้วยบริการเหล่านี้มักมีมูลค่าสูง ต้องการให้ถึงมือผู้รับไวๆ
หรือบางครั้งอาจเลือกจากทั้งความไวและคุ้มค่า
ถ้ามีโปรโมชั่นที่น่าสนใจก็เลือกใช้บริการนั้น
ในส่วนของสัดส่วนการครองตลาดจากทุกองค์กรที่ให้บริการ Express Delivery แบบ On Demand จึงไม่แน่นอนด้วยเช่นกัน
โดยหลักมักเลือกใช้ระหว่าง Lalamove – Alpha - LINE MAN - Grab Express
การจัดการด้านโลจิสติกส์สู่บริการตัวแทน
‘Fulfillment’
เมื่อมีการแบ่งประเภทของผู้ให้บริการ Express Delivery ออกมาชัดเจน ประมาณ 5 ประเภท ได้แก่ การขนส่งพัสดุชิ้นใหญ่แบบ B2B, B2C, การขนส่งพัสดุด่วน,
ตัวแทนเปรียบเทียบราคา และแบบ On Demand จะทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นว่า
ธุรกิจผู้ให้บริการขนส่งในปัจจุบันมีการแข่งกันอย่างไร และเปรียบเทียบเรื่องความน่าเชื่อถือในการให้บริการ-ความรวดเร็วในการขนส่ง-ความคุ้มค่าของค่าบริการ-ความสะดวกในการเข้ารับบริการ
ระหว่างการขนส่งที่เราต้องการใช้บริการได้ง่ายขึ้น
โดยทั่วไปเราจะเรียกบริการเหล่านี้แบบเหมารวม
คือบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งที่ผ่านมา Express ที่จัดอยู่ในขั้นตอนหมวดหนึ่งของ ‘บริการด้านโลจิสติกส์’
อันประกอบด้วยการบริหารจัดการข้อมูลเอกสาร คลังสินค้า การจัดเก็บ
หีบห่อ การดูแลรักษา การเคลื่อนย้าย ซึ่งทั้งหมดเป็นห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวเนื่องกัน
การจัดการเหล่านี้สามารถแตกแขนงไปได้อีกหลายสาขา แต่มักเรียกแบบเหมารวมว่า
ขั้นตอนด้านโลจิสติกส์ แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่คุ้นคำนี้เท่าไหร่นัก ขณะที่บริการ Express
ก็เติบโตแรงจากกระแส e-Commerce
เลยทำให้คนส่วนใหญ่คุ้นชินกับคำนี้ซึ่งต่อท้ายด้วย Delivery ทั้งยังเกิดเป็นช่องว่างให้มีรูปแบบธุรกิจและบริการใหม่ๆ ขึ้นอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ที่การเติบโตของแพลตฟอร์ม Express Delivery
ก้าวกระโดดสูงกว่าปีก่อน
แม้โดยรวมจะเห็นจำนวนเม็ดเงินในตลาดการขนส่งที่พุ่งสูงขึ้นตามการเติบโตของการช้อปปิ้งออนไลน์
แต่การแข่งขันภายในตลาดก็สูงมากเช่นกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ธุรกิจที่คนทุนน้อยจะเข้ามาได้
แต่ก็มีบางธุรกิจที่เป็นตัวแทน เช่นตัวแทนด้านการแพ็คสินค้า การเปรียบเทียบราคา
ให้บริการคลังสินค้าและคัดแยก การเข้าไปรับสินค้าจากต้นทาง หรือที่เรียกว่า ‘Fulfillment’
ที่มีให้เห็นเยอะขึ้น เช่น Trustbox Fulfillment, Siam Outlet, MyCloud Fulfillment ซึ่งยังมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกมากมายตามการเติบโต
ดังนั้นสำหรับผู้ที่กำลังมองหารูปแบบการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะลงไปเล่นในตลาดใหญ่ในขณะนี้ แต่ก็สามารถมองหาช่องว่างเหล่านี้ได้ ลองจับเทรนด์บริการด้าน E-Logistics ดูว่า ภายในห่วงโซ่อุปทานในด้านการจัดส่งสินค้าจากต้นทางส่งถึงมือผู้รับเกิดขั้นตอนอะไรบ้าง ซึ่งนั่นจะเป็นข้อกลางที่เราสามารถนำไปแตกหน่อเป็นธุรกิจได้ เพราะตามที่ระบุในข้างต้น ธุรกิจใหญ่แข่งกันที่บริการและต้นทุน ดังนั้นถ้าธุรกิจเราตอบสนองตรงนี้ได้ โอกาสในลักษณะธุรกิจแบบ B2B ก็มีมาก
สมัครสินเชื่อ >>สินเชื่อธุรกิจบัวหลวง SMEs ดีแน่นอน<<
เคอร์รี่รุกหนัก หวังเต็งหนึ่งชิงตลาดนำไปรษณีย์ไทย
Food Delivery เทรนด์ธุรกิจที่ร้อนแรง!