ผู้บริโภคในประเทศไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการโพสต์ขายสินค้าในเฟซบุ๊ก
แพลตฟอร์มยอดนิยมที่ถูกนำมาให้ในการขายของออนไลน์มากที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งข้อดีของการโพสต์ขายสินค้าบนเฟซบุ๊กคือการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั้งแบบออร์แกนิคโพสต์
และการ Boost Post ส่งเสริมการขาย
เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น
กล่าวได้ว่าที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก คือแพลตฟอร์มที่สนับสนุนการขายออนไลน์ที่ทรงพลังและเข้าถึงผู้ให้ขายโดยตรง เพราะคนไทยกว่า 47 ล้านคนใช้งานเฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มหลัก
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
ทว่าหลังจากนี้ การขายสินค้าในเฟซบุ๊กอาจเป็นสิ่งที่นักขายออนไลน์ต้องปรับตัวกันอีกครั้ง โดยข้อมูลจากเฟซบุ๊กแฟนเพจของ ‘The Sales-Partan : หมอกิม’ โดย นสพ. ธีรพงษ์ เศรษฐิวัฒน์ หรือ หมอกิม ที่ปรึกษาในการวางกลยุทธการขายที่แหวกแนว (Creative Sales Strategist) ที่ยกหัวข้อมาให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจในชื่อเรื่องว่า
อวสาน "การโพสต์ขาย" บนเฟซบุ๊ก โดยมีสาระที่น่าสนใจดังนี้
1. การปิดกั้นการมองเห็น
เมื่อพิมพ์แบบมีแนวโน้มว่าเรากำลัง "ขาย" พรีเซนต์ สินค้า
หรือแม้กระทั่ง review ระบบอัลกอลิทึ่มของเฟซบุ๊กจะจับว่าเป็นการขายโดน
"ลดการมองเห็น" แม้แต่การพิมพ์ว่า "vาย
แทนคำว่า ขาย" อาจจะใช้ได้ไม่นานเพราะในแฟนเพจเองการพิมพ์ผิดไวยากรณ์นั่นเป็นเรื่องต้องห้ามอยู่แล้ว
2. มีการใช้
"กฎของแฟนเพจหรือบัญชีโฆษณา" นำมาปรับใช้กับ "เฟซบุ๊กส่วนตัวมากขึ้น"
การโพสต์ในแบบที่ผิดกฎอย่างเช่น before-after หรือหน้าแชทของ
messenger อาจจะโดนอุ้มได้หรือโพสต์แล้วไม่ติดหายไปดื้อ ๆ
ทำให้คุณรำคาญได้
3. คนส่วนหนึ่งโดนสูบเวลาไปกับแพลตฟอร์มอื่น
ๆ TIKTOK INSTAGRAM Twitter ถ้าใครติด
คือไปแล้วไปเลยนานๆ ที จะแวะกลับเข้ามาที่เฟซบุ๊ก
4. มีการดันการมองเห็นใน
group มากขึ้นพยายามให้เรา join กลุ่มใหม่ๆ
มีการดันโพสต์ในกลุ่มที่เรา join แล้วเข้ามาใน newsfeed
มากขึ้น ถ้าคนใช้เวลาเล่นเท่าเดิม นั่นหมายความว่า newsfeed บางส่วนจะถูกตัดออกไปนั่นเอง โดยเฟซบุ๊กมีการจูนการมองเห็นของแต่ละ function
ตลอดเวลา แต่คำถามคือ ความรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนทำให้เราสามารถสร้างฐานในแต่ละ
function ทันหรือเปล่า?
5. ลองเทียบ engagement
ในเฟซบุ๊กกับ IG ถ้าเป็นคนธรรมดาไม่ได้ทำเพจ หรือเป็นคนดังระดับดารา การที่ใครจะได้ยอดไลก์หลัก
5,000-10,000 likes ใน IG เป็นเรื่องง่ายกว่ามากๆ
ถ้ามาดูระบบหลังบ้าน เราจะรู้เลยว่า 50,000 page likes ในเฟซบุ๊ก
50,000 folllowers ในไอจี engagement ต่างกันเยอะมาก
แถมใน IG คนสามารถตามเราจาก hashtag ได้มหาศาล
(คนมองเห็นเพิ่มขึ้น 10,000-20,000 ได้จาก hashtag อย่างเดียว) ดังนั้นการเพิ่มช่องทางการขายใน IG อาจช่วยได้เยอะขึ้น
6. การไลฟ์สด
ยอดคนดูหายไปเยอะมาก จากแต่ก่อนจะมีคนดูไลฟ์ได้วันละหลักหมื่น ตอนนี้เหลือหลักพันก็ดีมากแล้ว
โดยเฉลี่ยการมองเห็นของไลฟ์สดขายสินค้าตกเยอะมากกว่าแต่ก่อน เนื่องจาก "เฟซบุ๊กเลิกดันไลฟ์" (ตอนนี้ไปดันกรุ๊ปแทน)
ดังนั้นตอนนี้ใครยังพึ่งพา function เดียวหรือเทคนิคเดียว หรือ platform เดียว เป็นเรื่องอันตรายมากๆ กับอนาคตธุรกิจของคุณ ปรับตัวก่อนที่มันจะเป็นร้อนรน
ในขณะที่คุณยังไม่หลังชนฝาฆ่าวิธีการของตัวเองด้วยวิธีการหรือเครื่องมือใหม่ๆ
ที่สำคัญถ้าอยากสำเร็จ อย่า "ยึดติด" อย่ารอให้ ”โลกแคบ ”ถล่มลงมา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะกลัว”โลกแห่งความจริง” ที่กว้างใหญ่ทันที
ถึงตรงนี้
อาจถึงคราวที่นักขายออนไลน์จะต้องปรับตัวกันให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของเฟซบุ๊กอีกครั้ง
ที่สำคัญ ระยะหลังเฟซบุ๊กเปลี่ยนเร็วมาก
นักขายออนไลน์จึงไม่เพียงต้องศึกษาความเปลี่ยนแปลง
แต่ยังต้องศึกษาพฤติกรรมการใช้งานแพลตฟอร์มของผู้บริโภค
เพื่อวางแผนการขายออนไลน์ที่รัดกุมยิ่งขึ้น
และอย่างที่หมอกิมกล่าวไว้ การมีแพลตฟอร์มเดียว และการโพสต์ขายแบบเดิมเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ดังนั้นควรมีแผนสอง แผนสาม เตรียมไว้เสมอ