อาหารการกินเป็นปัจจัยแรกที่สิ่งมีชีวิตต้องการ
เพราะร่างกายต้องการแหล่งพลังงานใหม่ๆ เข้าไปทุกวัน ดังนั้นไม่ว่าจะยุคไหน
เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร การขายอาหารการกินไปได้เรื่อยๆ ไม่มีตกยุค
ยิ่งเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและมีธุรกิจตัวกลางคอยเชื่อมโยงร้านอาหารกับกลุ่มลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ
การเติบโตทางการตลาดจึงเป็นไปอย่างดี โดย Euromonitor รายงานว่าในช่วงปี 2013-2018 ยอดขายธุรกิจบริการอาหาร(Food
service) ของไทยยังเติบโตได้ต่อเนื่องที่ 4% ต่อปี
จากพฤติกรรมความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป มีความรีบเร่ง เน้นความสะดวก รวดเร็ว การประกอบอาหารรับประทานเองจึงลดลง หันมาซื้ออาหารสำเร็จรูปกันมากขึ้น เพราะมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่า นอกจากนี้คนไทยยังมีความนิยมบริโภคอาหารที่หลากหลาย จึงดันให้ธุรกิจอาหารโตทั้งในรูปแบบของร้านอาหารและแฟรนไชส์ ซึ่งปีนี้แม้เศรษฐกิจจะผันผวนด้วยเหตุหลายปัจจัย แต่แฟรนไชส์อาหารเหล่านี้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าจับตาและอยู่ต่อไปได้ จากแนวโน้มของตลาดที่ให้การตอบรับดีต่อเนื่อง
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
10 แฟรนไชส์อาหารที่ยังไปได้ดีในยุคนี้
1. แฟรนไชส์น้ำปลาหวาน น้ำปลาหวานกลายเป็นแฟรนไชส์ได้อย่างไร ได้สิถ้ามีดีที่รสชาติอร่อย จิ้มแกล้มกับผลไม้ชนิดใดก็ถึงใจ จะขยับขยายทำแฟรนไชส์ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้ สำหรับธุรกิจนี้งบประมาณขึ้นอยู่กับทุนและการจัดการร้านตามที่มี จะใส่ความสร้างสรรค์อะไรก็ได้ ในการตกแต่งร้านหรือเลือกเฟ้นผลไม้กินแกล้มน้ำปลาหวาน หรือจะยกทั้งชุดไปลงเป็นร้านก็มี ราคาเริ่มต้นแฟรนไชส์เพียง 10,000 บาท ก็สามารถตั้งร้านตั้งตัวได้เลย
2. เนื้อย่างเสียบไม้ เป็นเทรนด์ธุรกิจแฟรนไชส์ใหม่ที่น่าลงทุน มีแนวคิดมาจากพฤติกรรมความนิยมทานเนื้อสัตว์ของคนไทย
แบบปิ้งย่าง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่เป็นแนวบุฟเฟต์ ที่ต้องไปนั่งทานกับกลุ่มเพื่อน
คนรัก หรือ ครอบครัว ที่ไม่สะดวกหากมีความต้องการแค่เพียงพออิ่มท้อง
และไม่อยากจ่ายเยอะกับการรับประทานบุฟเฟต์ นี่จึงเป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์คนเมือง
รวมไปถึงคนใช้ชีวิตโสดตัวคนเดียว ปัจจุบันมีให้เลือกร่วมทุนหลายเจ้าด้วยกัน
ใช้งบในการดำเนินการประมาณ 3,000 – 15,000 บาท
3. เครป ขนมทานเล่นยอดนิยมมานานยังคงไปได้ดี มีลูกเล่นมากมายทั้งเรื่องของไส้
แป้ง สีสัน และมีหลายแบรนด์แฟรนไชส์ให้เลือกหลากหลายแล้วแต่จุดขายที่สนใจ โดยมีชุดลงทุนแฟรนไชส์ตั้งแต่
15,900 – 60,000
บาท ขึ้นอยู่กับแบรนด์และอุปกรณ์ส่งเสริมการขายของแบรนด์นั้นๆ
4. หม่าล่า อาหารปิ้งย่างเคลือบน้ำจิ้มรสเผ็ด มีต้นตำหรับมาเครื่องเทศมาจากเมืองจีน
เป็นอาหารทานเล่นเคล้ากลับแกล้มกระตุ้นนำลายสบายท้อง ได้รับความนิยมมากๆ
ในบ้านเราในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ด้านวัตถุดิบที่นำมาปิ้งย่าง
เช่น เนื้อ ไก่ เอ็น ไส้กรอก ฯลฯ จะคล้ายกันในแต่ละแบรนด์
แต่ต่างกันตรงเทคนิคการหม่าให้ได้ที่และรสชาติน้ำจิ้มสุดซี้ดอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์แฟรนไชส์
มีชุดลงทุนแฟรนไชส์ตั้งแต่ 1,200 -30,000
บาท
5. เฟรนช์ฟรายส์ อาหารทานเล่น ติดปาก ติดตลาด บริหารจัดการได้ไม่ยาก เห็นเงินเร็ว
และมีฐานลูกค้ากว้าง เพราะเป็นอาหารทานเล่นที่ทานได้ดีตั้งเด็กจนถึงผู้ใหญ่
ปัจจุบันมีหลายรสชาติ และหลายแบรนด์แฟรนไชส์ให้เลือกลงทุน
มีชุดลงทุนแฟรนไชส์ตั้งแต่ 25,000 – 200,000 บาท
6. ซูชิ อีกหนึ่งต้นตำรับอาหารจากญี่ปุ่นที่ถูกปากคนไทยมานาน ทานง่าย
บริหารจัดการไม่ยาก มีเสกลเล็กๆ เป็นซุ้มหน้าร้าน ไปจนถึงร้านนั่ง
เน้นขายความสดใหม่ คิดราคาเป็นคำ
มีเคล็ดลับความอร่อยที่แตกต่างกันตรงการปรุงรสข้าว มีหลายเจ้าให้เลือกลงทุน
มีชุดลงทุนแฟรนไชส์ตั้งแต่ 4,000 – 35,000 บาท
7. ก๋วยเตี๋ยว เมนูเส้นๆ ทานง่าย แคลอรีเบาๆ ยังไปได้ในทุกยุคเศรษฐกิจ มีให้เลือกลงทุนไม่ต่ำกว่า 20 แบรนด์ แต่ละแบรนด์ล้วนมีเอกลักษณ์ที่วัตถุดิบ เช่น น้ำซุป เส้น การตุ๋นเนื้อ เครื่องปรุง รสชาติลูกชิ้น ฯลฯ ที่แตกต่างกันไป มีชุดลงทุนแฟรนไชส์ตั้งแต่ 50,000 – 150,000 บาท
8. ส้มตำ ยำแซ่บ อีสานยกชุด เป็นจุดเริ่มต้นของความอร่อย มีครบทุกรสชาติเอาใจคนไทยนิยมอิสาน
ในส่วนของการส่งเสริมการขยในแต่ละแบรนด์ จะมีตั้งแต่เมนูส้มตำที่หลากหลาย
ยำรสจัดจ้าน แจ่ว อ่อม ไก่ทอด ไกย่าง ฯลฯ ครบองค์อาหารตำนานแซ่บของชาวอีสาน ที่สามารถเริ่มต้นลงทุนแฟรนไชส์ได้ตั้งแต่ 19,000 – 70,000
9. สเต๊ก ยังเป็นแฟรนไชส์อาหารขายง่าย ทานคล่อง บริหารจัดการได้ไม่ยุ่งยาก
สามารถคืนทุนได้เร็ว หากทำเลดีและเลือกลงทุนแฟรนไชส์ดี
จะทำให้มีกำไรเป็นหลักหมื่นถึงแสนต่อเดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดการเลือกลงทุน
10. ชาบู อีกกระแสอาหารยอดนิยม ไม่ว่าจะจัดเป็นชุดบุฟเฟต์ หรือเสียบไม้ ตลาดล้วนให้การตอบรับดี กับอาหารสัญชาติอาหารตำรับญี่ปุ่น ที่มีต้นกำเนิดจากเมืองโอซากา ถูกนำมาปรับแต่งให้ถูกปากคนไทยจนติดตลาด มีชุดลงทุนแฟรนไชส์ตั้งแต่ 7,500 – 2,000,000 บาท
ทั้งนี้การจะเริ่มต้นธุรกิจแฟรนไชส์ด้านอาหารให้มีชัย
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงนอกเหนือไปจากทุน จุดคุ้มทุน และผลกำไรแล้ว
การพิจารณาเรื่องทำเลที่ตั้ง ก็เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจร้านอาหาร
ทั้งในรูปแบบส่วนตัวและแฟรนไชส์มีอนาคตไปได้ไกล
เพราะวัตถุดิบอาหารต้องสดใหม่และมีอายุในการเก็บรักษา
จำต้องหมุนเวียนเปลี่ยนถ่ายทุกวัน
นอกจากนี้ยังมีผลกำไรต่อหน่วยน้อยกว่าสินค้าฟุ่มเฟือยชนิดอื่นๆ
จึงต้องอาศัยจำนวนและปริมาณเข้ามาช่วยขับเคลื่อนยอดขาย ดังนั้นหากร้านอาหารดี
รสชาติอร่อย แต่ทำเลไม่ได้ ก็ดับได้เช่นกัน.