ออเดอร์ผลไม้จากประเทศจีนเริ่มกลับมา
ชาวสวนทางภาคตะวันออกเริ่มยิ้มได้ ขณะเดียวกันเกาหลีใต้ก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ
โดยปัจจุบันเกาหลีอนุญาตให้น้าเข้าผลไม้ไทยได้เพียง 6 ชนิด ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงแรด ทุเรียน
มังคุด สับปะรด กล้วย และมะพร้าว ซึ่งมีเพียงมะม่วงน้ำดอกไม้ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
สำหรับกล้วยและสับปะรด ไม่สามารถสู้ราคากับคู่แข่งขันจากฟิลิปปินส์ได้
ส่วนผลไม้อื่น เช่น มังคุด
มีราคาแพงเกินไป มะพร้าวและทุเรียน ไม่เป็นที่นิยมเนื่องจากปอกยาก มะม่วงแรด
เกาหลีไม่ชอบผลไม้รสเปรี้ยว
จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซลได้รายงานตัวเลขในปี 2563 มีการนำเข้าผลไม้ไทยจากประเทศเกาหลีเป็นจำนวนทั้งหมด 916 ตัน มูลค่า 2.9 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยผลไม้จากไทยที่ประเทศเกาหลีใต้นำเข้ามากที่สุด ได้แก่
ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลก์ Facebook bangkokbanksme
มะม่วง
ประเทศเกาหลีใต้น้าเข้ามะม่วงจากประเทศไทย
ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ เปรู และออสเตรเลีย โดยประเทศไทยนับเป็นประเทศหลักที่ส่งออกมะม่วงไปยังประเทศเกาหลีใต้
ในปี 2562 เกาหลีนำเข้ามะม่วงจากไทย จำนวน 10,337 ตัน มีมูลค่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐ คู่แข่งที่สำคัญของมะม่วงไทยได้แก่
เปรู เช่นในเดือนมกราคม ปี 2563 ประเทศเกาหลีนำเข้ามะม่วงจากเปรู
จำนวน 1,091.62 ตัน ซึ่งมากกว่าการนำเข้าจากประเทศไทยที่มีจำนวน
728.06 ตัน
แม้ประเทศเกาหลีจะมีการนำเข้ามะม่วงหลายประเภท
แต่ประเทศไทยยังเป็นประเทศหลักที่ส่งออกมะม่วงให้แก่ประเทศเกาหลีใต้ จึงทำให้มะม่วงของประเทศไทยยังเป็นที่ต้องการในตลาด
และรสชาติเป็นที่ชื่นชอบของชาวเกาหลี
ตลอดจนในธุรกิจร้านอาหารไทยที่ใช้มะม่วงเป็นส่วนประกอบในรายการอาหาร ขนมหวาน เช่น
ข้าวเหนียวมะม่วง
ที่ได้รับความนิยมจากชาวเกาหลีและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศเกาหลี
ทุเรียน
ในปี 2562
ประเทศเกาหลีใต้นำเข้าทุเรียนจากประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย
โดยมีการนำเข้าทุเรียนจากประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 จำนวน
997 ตัน มีมูลค่า 2.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
เนื่องด้วยประเทศเกาหลีนำเข้าทุเรียนจากประเทศไทยมากที่สุดเป็นอันดับ
1 ทำให้ทุเรียนเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก
ประกอบกับตลาดกลุ่มเป้าหมายแรงงานชาวเอเชียที่อาศัยอยู่บริเวณ จังหวัดคยองกี นิยมบริโภคทุเรียนจากประเทศไทย
จึงทำให้ผู้นำเข้ามีความต้องการนำเข้าทุเรียนอยู่ตลอดเวลา ทั้งในรูปแบบ ทุเรียนสด
และทุเรียนแช่แข็ง
มังคุด
ในปี 2562
ประเทศเกาหลีใต้นำเข้ามังคุด จำนวน 723 ตัน
มีมูลค่า 3.8 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปี 2563 ประเทศเกาหลีใต้ประสบปัญหาการระบาดแพร่เชื้อของไวรัส COVID-19 จึงทำให้มีการนำเข้ามังคุดลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากประชากรชาวเกาหลีใต้ไม่นิยมออกมาซื้อของนอกบ้านในระยะนี้
ประกอบกับมังคุดถือเป็นสินค้าตลาดพรีเมียมที่ส่วนใหญ่วางขายในซุปเปอร์มาเก็ตของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
จึงคาดการณ์ว่าจำนวนและมูลค่าการส่งออกมังคุดจะได้รับผลกระทบ และมีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต
นอกจากนี้ยังมี สับปะรด มะพร้าว และกล้วย มีมูลค่าตลาดรวมราว 6 แสนเหรียญสหรัฐ และเนื่องจากมีความต้องการบริโภคผลไม้ไทยในกลุ่มแรงงานชาวเอเชียที่มาทำงานในประเทศเกาหลี
เช่น ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งมีจำนวนกว่า 500,000 คน ดังนั้นมีบริษัทผู้นำเข้าสินค้าไทยระบุว่า
มีการนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยมาจำหน่ายในกลุ่มแรงงานชาวเอเชียดังกล่าวโดยตรงด้วย
ทั้งนี้ในปัจจุบันรัฐบาลเกาหลีได้ปรับ
H.S Code ของน้ำมะพร้าว 100% ใหม่
ทำให้ไทยต้องเสียภาษีนำเข้าเพิ่มจาก 0% เป็น 40% ซึ่งแข่งขันยากขึ้น
มาตรการในการนำเข้าผลไม้ของเกาหลีใต้
มะม่วง
- ต้องผ่านการอบความร้อน (Heat Treatment) ที่อุณหภูมิ 47 องศาเซลเซียสขึ้นไป เป็นระยะเวลา 20
นาที ณ สถานที่ผลิต
- ต้องผ่านการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Plant
Quarantine ของประเทศเกาหลี
- ต้องปลูกในสวนผลไม้ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อส่งออกไปยังประเทศเกาหลีใต้
โดยได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของประเทศไทย
- อัตราภาษีในการน้าเข้ามะม่วงจากประเทศไทย คิดเป็นร้อยละ
24
มังคุด
- สวนผลไม้ที่ปลูกมังคุดจะต้องได้รับการรับรองจาก
NPPO ของประเทศไทยทุกปี
- NPPO ต้องควบคุมและตรวจสอบการกำจัดศัตรูพืชของสวนผลไม้นั้นๆ
- โรงงานบรรจุภัณฑ์สินค้ามังคุดจะต้องลงทะเบียนกับ
NPPO ของประเทศไทย และได้รับการตรวจสอบการบรรจุสินค้าโดยใช้อุปกรณ์และวัสดุที่ป้องกันแมลงและศัตรูพืช
ตลอดจนการฆ่าเชื้อโรคเพื่อคงความสะอาด
- NPPO ต้องคัดแยกผลไม้ที่มีการปนเปื้อนของแมลง
ดิน ทราย หรือตำหนิออกก่อนทำการส่งออกสินค้ามายังประเทศเกาหลีใต้
- อัตราภาษีการนำเข้ามังคุดจากประเทศไทย
คิดเป็นร้อยละ 24
ทุเรียน
-อัตราภาษีการน้าเข้าทุเรียนจากประเทศไทย คิดเป็นร้อยละ 36
ทั้งนี้ปัญหาประการหนึ่งคือ
ขั้นตอนการพิจารณาการนำเข้าสินค้าเกษตรของเกาหลี ใช้เวลานานมาก 5 - 10 ปี ซึ่งต้องผ่าน 8 ขั้นตอน และมีเอกสารประกอบจำนวนมาก
มีการตรวจสอบฟาร์มในไทย ดังนั้นการจะอนุญาตการนำเข้าผลไม้ในแต่ละชนิด
อาจจะไม่ทันความต้องการของตลาด
เห็นได้ชัดว่าปลายทางในเกาหลีใต้ของผลไม้ไทยจะมีโอกาสน่าสนใจ
ทว่ามาตรการต่างๆ
ตลอดจนกำแพงภาษีเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้ผลไม้ไทยทั่วไปแข่งขันไม่ได้ ทางเดียวที่เกษตรส่งออกไทยจะตีตลาดเกาหลีใต้ได้
คือการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตร พัฒนาคุณภาพผลไม้ให้สูงขึ้น
เพื่ออัพราคาให้สูงขึ้นจับกลุ่มพรีเมียมโดยเฉพาะ
แหล่งอ้างอิง :
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ
ณ กรุงโซล Korea International Trade Association (KITA)
ASEAN-KOREA CENTRE
สำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจำกรุงโตเกียว