‘GRD Energy’ คิดค้น Deep Tech สร้างนวัตกรรมชั้นสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าไทย พัฒนาสู่เวทีโลก

SME in Focus
14/04/2022
รับชมแล้วทั้งหมด 5734 คน
‘GRD Energy’ คิดค้น Deep Tech สร้างนวัตกรรมชั้นสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าไทย พัฒนาสู่เวทีโลก
banner
จาก Passion ที่อยากให้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเคมีเชิงลึกของ ดร.ก้องเกียรติ สุริเย ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บริษัท จีอาร์ดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ในการสร้างธุรกิจ Deep Tech โดยหวังว่าจะสามารถช่วยผู้ประกอบการ SME ไทย และบริษัทชั้นนำของไทย ในการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ กับการที่ต้องฝ่าฟันความเชื่อที่ท้าทายเพื่อสร้างความฝันให้เป็นไปได้ จนสามารถประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

นอกจากความสำเร็จในการสร้างธุรกิจ Deep Tech ยังมีบริการ รับคิดค้น ออกแบบ สร้างอุปกรณ์และเครื่องจักรทางวิศวกรรม Deep Tech ขั้นสูง พร้อมส่งมอบและพัฒนาโซลูชันห้องปฏิบัติการวิจัยที่ทันสมัย มีระบบควบคุม AI อัจฉริยะในการควบคุมปฏิกิริยาทางเคมี พร้อมให้บริการเดินเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งถือว่ามีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม Deep Tech ชั้นนำของประเทศไทย

Deep Tech เปลี่ยนโลกอย่างไร?

ดร.ก้องเกียรติ เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการก่อตั้ง บริษัท จีอาร์ดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด เพื่ออยากสร้าง Deep Tech (Deep Technology) คือ เทคโนโลยีระดับสูงที่มีความซับซ้อนเชิงลึกทางเคมี ผ่านการค้นคว้าวิจัย และคิดค้นขึ้นมาใหม่จากนวัตกรรมเชิงวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ โดยลักษณะของ Deep Tech จะเป็นเทคโนโลยีที่มาแก้ไขปัญหาที่เทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบันยังแก้ไม่ได้ เป็นเทคโนโลยีเชิงลึกที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาขึ้นเองจนสามารถเกิดเป็นทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้มีกระบวนการที่ลอกเลียนแบบได้ยาก จึงได้เปรียบในการแข่งขันมากขึ้น

 
ดร.ก้องเกียรติ สุริเย กรรมการ บริษัท จีอาร์ดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด



รังสรรค์เทคโนโลยีทางเคมีเชิงลึก เพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สมบูรณ์

‘GRD Energy’ พร้อมรังสรรค์กลยุทธ์ทางธุรกิจของไทย ด้วยการสร้างเทคโนโลยีทางเคมีเชิงลึก เพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียน BCG (Bio Circular Green) ที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็น Pyrolysis Technology, Catalyst Technology, Lube Oil to Diesel Technology, Cabon Nano Tube Technology, Adsorb Gas Carier  Technology, และ Cannabis Extraction and Biomass Upgrading Technology

โดยมีการสร้างสรรค์เทคโนโลยีเชิงลึก ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างตั้งใจ ด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม BCG อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการนำขยะพลาสติกที่เป็นปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า RDF (Refuse Derived Fuel) มาผลิตเป็น แนฟทาบริสุทธิสูง ซึ่งเป็น  วัตถุดิบที่สำคัญของปิโตรเคมีไทย ด้วยเทคโนโลยีไพโรไลซิส (Pyrolysis Technology) โดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้นมาด้วยทีมวิจัยทางเคมีเชิงลึกของบริษัท เพื่อการเยียวยาปัญหาสิ่งแวดล้อมร่วมกันอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังสามารถส่งผลให้มูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นนับสิบเท่า 

โดยปัจจุบันเทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการอนุมัติรับรองสิทธิบัตรจากประเทศสิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และถูกดำเนินการผลิตภายใต้บริษัท Circular Plas ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับบริษัท SCG Chemicals นอกจากนั้นปัจจุบันบริษัท Circular Plas ยังได้รับการรับรองมาตรฐาน ISCC Plus (International Sustainability & Carbon Certification) เป็นแห่งแรกในประเทศไทย จึงเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญในการการพัฒนาเทคโนโลยี Deep Tech เพื่อการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจให้กับบริษัทชั้นนำของประเทศไทยอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมี Lubricant Oil to Diesel Technologyโดยใช้เทคโนโลยีไพโรโลซิสด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาของบริษัท ให้สามารถเปลี่ยนขยะน้ำมันเครื่อง น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้แล้ว ผ่านกระบวนการทางเคมีเชิงลึก Deep Tech  ให้สามารถรีไซเคิลกลับมาเป็นน้ำมันดีเซลคุณภาพสูง เป็นพลังงานทางเลือกสำหรับรถยนต์ รถขนส่ง และเครื่องจักรโรงงาน สามารถป้องกันการสึกเหรอของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี ช่วยลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง 

โดยหัวใจของการรังสรรค์เทคโนโลยี Deep Tech ดังกล่าวของ ดร.ก้องเกียรติ คือการออกแบบกระบวนการทางเคมีที่เรียกว่า ‘Catalysis’ หรือ ‘การเร่งปฏิกิริยา’ ด้วยการที่เติมสาร ‘Catalyst’ หรือ ‘ตัวเร่งปฏิกิริยา’  ลงไปเพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยาได้เร็วขึ้น หรือทำให้อัตราการเกิดปฏิกิริยาเพิ่มขึ้น ซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนกลไกในการเกิดปฏิกิริยา นำไปสู่การลดพลังงานในการเกิดปฏิกิริยา จึงสามารถเร่งปฏิกิริยาให้เร็วขึ้นได้ เปรียบเสมือนเครื่องทุ่นแรง ทำให้สารเคมีเกิดการแตกตัวและรวมตัวขึ้นเป็นสารเคมีชนิดใหม่ได้ง่ายขึ้น 

จากกระบวนการเหล่านี้ จึงสามารถนำไปสู่การสร้างธุรกิจ Deep Tech จนเกิดเป็นการสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับธุรกิจ ดังนั้น Catalyst จึงถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม เนื่องจากสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยาได้เร็วขึ้น ใช้พลังงานที่ต่ำลงในกระบวนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพและสามารถลดปริมาณของเสียในกระบวนการผลิต 

อีกทั้ง หากไม่มี Catalyst ปฏิกิริยาทางเคมีต่างๆจะไม่สามารถเกิดได้เองตามธรรมชาติ หรือเกิดได้ช้า และใช้เวลานานนับเดือนหรือนับปีกว่าที่จะได้ผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่ต้องการ ดังนั้นการพัฒนาความรู้ด้านตัวเร่งปฏิกิริยาจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาในเชิงอุตสาหกรรมและการพัฒนาประเทศเพื่อให้ตอบโจทย์ BCG (Bio Circular Green) อย่างแท้จริง



สกัดกัญชาด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูง ส่งออกญี่ปุ่น

“ปัจจุบันประเทศไทยส่งออกพืชผลทางการเกษตร สมุนไพรของไทยไปต่างประเทศในราคาที่ถูก ซึ่งต่างประเทศก็ใช้ Deep Tech ในการสกัด จากนั้นส่งสารสกัดที่บริสุทธิสูงกลับมาขายในเมืองไทยในราคาที่แพงขึ้นมหาศาล ซึ่งในความเป็นจริงคนไทยก็มีศักยภาพที่ทำได้ เช่น จะดีกว่าไหมหากสกัดสมุนไพรไทย เช่นกระท่อม กัญชง กัญชา ให้เป็นสารสกัดที่บริสุทธิสูง แปรรูป และส่งขายไปต่างประเทศ”

ด้วยความสนใจในธุรกิจการสกัดกัญชง กัญชา  โดยมุ่งเน้นการผลิตสารสกัดที่บริสุทธิสูง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชง กัญชาเพื่อส่งออกสารสกัด Isolated CBD (Cannabidiol) ที่มีความบริสุทธิสูง ไปที่ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้ Deep Technology ทางเคมีเชิงลึก สร้างกระบวนการสกัดแบบ Highly Selective to CBDซึ่งเป็นกระบวนการสกัดเพียงครั้งเดียว (One Shot Extraction) จากลำต้นกัญชา จนทำให้เกิดการสกัด Isolated CBD ที่มีต้นทุนในการสกัดต่ำ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่โดดเด่นซึ่งสามารถสกัด CBD อย่างมีประสิทธิภาพ

“จุดแข็งของผมคือ มีความรู้เรื่องปิโตรเคมี และ เรื่อง Catalyst ทางปฏิกิริยาเคมีเชิงลึก ก็เลยสามารถนำความรู้เรื่องเครื่องจักรการผลิตทางปิโตรเคมี การควบคุมปฏิกิริยาเคมีแบบอัตโนมัติ ระบบเซ็นเซอร์เรียลไทม์ต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องจักรในการสกัดกัญชง กัญชา ให้สามารถผลิตสารสกัดบริสุทธิสูงในปริมาณมากได้อย่างต่อเนื่อง สามารถควบคุมคุณภาพการผลิต ต้นทุนในการผลิต และความปลอดภัยในการผลิตให้เหมือนมาตรฐานการผลิตของโรงงานปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมัน”

สำหรับการผลิตสารสกัดจากกัญชง กัญชาไปยังตลาดญี่ปุ่น ถือเป็นโจทย์ท้าทายมาก และสร้างให้เกิดมาตรฐานความแตกต่างในการผลิตสารสกัดจากกัญชง กัญชารูปแบบใหม่ เนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับการนำเข้า Isolated CBD ในญี่ปุ่นห้ามใช้ยอด ดอก ใบ ก้าน กิ่ง ราก ต้องใช้เพียงลำต้นเท่านั้นในการสกัด อย่างไรก็ดีด้วยความรู้ทางปฏิกิริยาเคมีเชิงลึก ความรู้เรื่อง Catalyst และเครื่องจักรทางปิโตรเคมี ทำให้สามารถสร้างเทคโนโลยีการสกัดกัญชง กัญชา Cannabis Extraction Technology รูปแบบใหม่ จนสามารถสกัดได้สาร Isolated CBD ที่มีคุณภาพผ่านมาตรฐานของหน่วยงาน JCA (Japanese Cannabinoids Association) ของประเทศญี่ปุ่นได้อย่างสำเร็จ
 
โดยมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับกัญชง กัญชาภายใต้บริษัท Siam Agri-Bio ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนที่ดำเนินธุรกิจเกษตร - อุตสาหกรรม ที่ร่วมมือกับบริษัทหลักทั้งไทยและญี่ปุ่น 5 แห่ง ได้แก่ Phamafac, Mighty Engineering, Seek Herb, Toyo Business, และ Netloc เพื่อสร้างกระบวนการ ระบบและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในธุรกิจกัญชง กัญชา เพื่อเจาะกลุ่มตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เนื่องจากมีความต้องการอย่างสูงจากภาคธุรกิจต่างๆของบริษัทญี่ปุ่น

ปัจจุบันได้รับอนุมัติรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ว่าเป็นโรงงานสกัดที่ถูกต้องตามกฎหมายประเทศไทย และยังได้รับการอนุมัติรับรองจาก JCA (Japanese Cannabinoids Association) ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือว่าเป็นโรงงานที่แรกและที่เดียวในประเทศไทยที่สามารถส่งออก Isolated CBD ไปในตลาดประเทศญี่ปุ่นได้สำเร็จ ขณะเดียวกันก็กำลังดำเนินการยื่นจดสิทธิบัตรเพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบเทคโนโลยีการสกัดทางเคมีขั้นสูง



จดสิทธิบัตรให้เทคโนโลยี เพื่อประโยชน์ธุรกิจ

การจดสิทธิบัตรไม่เพียงแต่มีประโยชน์ทางกฎหมาย ที่สามารถใช้เป็นหลักฐานในการปกป้องเทคโนโลยี Deep Tech เพื่อใช้สิทธิในการฟ้องร้องดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่แข่งที่ลอกเลียนแบบเทคโนโลยีได้ นอกจากนั้นการจดสิทธิบัตรยังมีประโยชน์ในเชิงธุรกิจซึ่งสำคัญต่อผู้ประกอบการ SME ไทย และบริษัทชั้นนำของไทย ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับสินค้าและธุรกิจได้เป็นอย่างดี

สำหรับการจดสิทธิบัตร ดร.ก้องเกียรติ บอกว่า มีหลักการที่สำคัญอยู่ 3 ข้อ คือ หนึ่งต้องมี Novelty หรือความใหม่ สองต้องมี Inventive Step หรือมีขั้นการประดิษฐ์ที่สูงกว่าเทคโนโลยีเก่า และสามต้องสามารถ Commercialization หรือใช้งานได้จริง 

“หลักการง่ายๆ คือ สิ่งที่เราคิดมีความใหม่หรือไม่ ใหม่แล้วดีกว่าเดิมอย่างไร ใช้งานได้จริงไหม”



ดังนั้น  Deep Tech ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ไม่เหมือนใครลอกเลียนแบบได้ยาก สามารถก่อให้เกิดทรัพย์สินทางปัญญาที่มีสิทธิบัตรคุ้มครองเพราะผ่านการวิจัยและพัฒนาทางวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์เชิงลึก 

ท้ายนี้ ดร.ก้องเกียรติ ยังมองว่า โอกาสของการทำธุรกิจ Deep Tech ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยกับตลาดโลก ในการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจในรูปแบบ BCG (Bio Circular Green) อย่างมหาศาล
 

 
รู้จัก ‘บริษัท จีอาร์ดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด’ ได้เพิ่มเติมที่ : 

Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333


Related Article

‘loqa’ (โลกา) อิฐรักษ์โลกจากวัสดุเหลือทิ้ง ผสาน “ดีไซน์” กับ “ความยั่งยืน” Transition ธุรกิจสู่ Net Zero

‘loqa’ (โลกา) อิฐรักษ์โลกจากวัสดุเหลือทิ้ง ผสาน “ดีไซน์” กับ “ความยั่งยืน” Transition ธุรกิจสู่ Net Zero

เพราะสิ่งปลูกสร้างในยุคปัจจุบันปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากเกือบ 40% ต่อปี โดยเฉพาะในกระบวนการก่อสร้างและการผลิตวัสดุก่อสร้าง อีกทั้งวัสดุก่อสร้างที่มีอยู่ก็ยังขาดความหลากหลายและความสวยงาม…
pin
1 | 10/10/2024
ความสำเร็จแห่งยุค AI เปิดใจ 2 ธุรกิจผู้พลิกโฉมวงการด้วยโซลูชันอัจฉริยะ

ความสำเร็จแห่งยุค AI เปิดใจ 2 ธุรกิจผู้พลิกโฉมวงการด้วยโซลูชันอัจฉริยะ

 ความสำเร็จแห่งยุค AI เปิดใจ 2 ธุรกิจผู้พลิกโฉมวงการด้วยโซลูชันอัจฉริยะในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัล มีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิตและธุรกิจ…
pin
4 | 30/09/2024
เจาะกลยุทธ์ CEO แห่ง “MPJ GROUP” ผงาดสู่การเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร ผสานความยั่งยืนด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

เจาะกลยุทธ์ CEO แห่ง “MPJ GROUP” ผงาดสู่การเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร ผสานความยั่งยืนด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

ยุคที่โลจิสติกส์และการขนส่ง มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก และถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจทุกประเภท บทความนี้ Bangkok Bank SME จะพาไปเจาะลึกวิสัยทัศน์…
pin
5 | 21/09/2024
‘GRD Energy’ คิดค้น Deep Tech สร้างนวัตกรรมชั้นสูง เพิ่มมูลค่าสินค้าไทย พัฒนาสู่เวทีโลก